ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ผู้ว่าฯ กทม.ทิพย์ จุติ 3 กีบ เปิดวอร์ด้อยค่า “ชัชชาติ” ยก “วิโรจน์” เป็น ปชต. จะพร้อมรถห้องน้ำหนุนม็อบ
โลกโซเชียลฯว่าด้วยเรื่อง “ผู้ว่าฯ กทม.” กลับมาร้อนฉ่าอีกครั้งด้วยแฮชแท็ก #ผู้ว่าฯ กทม. ฮอตฮิตติดชาร์ต หลังจากพรรคก้าวไกล เลือกที่จะส่ง “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ส.ส.ของพรรค ลงสมัครผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ นอกจากถูกแซะว่า ไม่เห็นจะ “เซอร์ไพรส์” ตามราคาคุยของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคที่บิวต์โฆษณาเชิญชวนให้ติดตามเหมือนเปิดตัวดาราดัง แต่จบลงด้วยเสียง “ว้า” ขนาดพรรคพวกแนวร่วมเดียวกันอย่างไอลอว์ ก็ยังวิพากษ์ “โถ… ก็ไม่มีอะไร”
นั่นเพราะ การเปิดตัว “โรจน์ก้าวไกล” กลายเป็นได้ผล เป็นภาพลักษณ์ในทางตรงข้ามว่า เป็นพรรคที่ไม่มีตัวเลือก ไม่มีของใหม่แล้ว แต่วางตัวน่าหมั่นไส้ เหมือนใหญ่โต ถ้ารู้ว่าไม่มีตัวเลือกใหม่แล้วก็ควรจะวางแผนเปิดตัวธรรมดาๆ ขายนโยบาย ขายความตั้งใจ อย่าขายตัวคน อย่าขายว่าหน้าตาดี ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกใคร แต่เห็นว่าแผนพีอาร์งวดนี้ จะทำพรรคล่มจม
กระนั้นก็ดี ไหนๆ เปิดตัวแล้วใครจะว่าอะไรก็ช่าง พรรคก้าวไกล ที่ถนัดการใช้โซเชียลฯ ก็งัดสกิลประโคมโอ่ โนสน โนแคร์ ปูพรมเคาะคีย์บอร์ดรัวๆ ยก วิโรจน์ เป็น “ผู้ว่าฯ กทม.โซเชียล” ไปเรียบร้อย คล้ายๆ กับ ครั้งหนึ่งเคยยกให้ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” เป็นนายกฯโซเชียล ยังไงยังงั้น
เมื่องานนี้มีมโนขึ้นมาแล้ว ก็ขอทำตามแคมเปญวิโรจน์ “สายชน” นัยยะว่า กล้าท้าชนปัญหา กทม. แต่ไปๆ มาๆ ตอนนี้ท้าชน “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ตัวเก็งเต็ง 1 ก่อนปะไร ทำการด้อยค่าคู่แข่งเบอร์ใหญ่ โดยเคลมคำว่า ใครกันที่เป็น “ฝ่ายประชาธิปไตย” อย่างแท้จริง
ประเด็นนี้ ถูกติ่ง 3 กีบสาวก ก้าวไกล ขยายความต่างๆ นานา ว่า “ชัชชาติ” นั้น ไม่เคยสู้กับฝ่ายเผด็จการเหมือนฟากฝั่งตัวเอง บ้างก็ว่าคนที่มาแก้ต่างแทน “บุรุษผู้แข็งแกร่งในปฐพี” ก็อยู่ฝังประชาธิปไตย ไม่ใช่หรือ ? ก็โดนติ่ง 3 กีบสวนกลับ ทำไมถึงมองว่า “ชัชชาติ” อยู่ฝั่ง ปชต. ล่ะ ตั้งแต่รัฐประหารมาไม่เคยเห็น “ชัชชาติ” เปิดหน้าสู้เลยสักครั้ง
วิวาทะในเรื่องนี้ ฟาดฟันกันสนุก ระหว่างกองเชียร์สองฝั่ง มีความเห็นขายขำมาคั่นกลางเอนเตอร์เทนชาวเน็ตด้วย เช่น พี่วิโรจน์ คือ ผู้ที่ยืนเคียงข้างประชาชนอย่างแท้จริง อย่างน้อยเวลามีม็อบ เราจะได้รถห้องน้ำแน่นอน หรือถ้าจะให้ประเทศไทย และ กทม.ก้าวไกล ต้องเลือก “พิธา” เป็นนายกฯ “วิโรจน์” เป็นผู้ว่าฯ กทม. จะได้สอดประสานทำงานกันอย่างราบรื่น ลื่นไหล
นี่แค่เริ่มต้น ยังมโนกันไปไกลขนาดนี้ ถ้ารู้ว่าเลือกตั้งกันเมื่อไหร่ จะแค่ไหน ซึ่งหากดูท่าทีรัฐบาล จับอาการของพรรคพลังประชารัฐ ที่ศึกภายในยังร่อแร่ ก็คงจะอีกนาน
ฟังว่า ล่าสุด “บิ๊กป็อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พูดถึงวันเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ขณะนี้กระทรวงมหาดไทยเพิ่งประกาศจำนวนราษฎร ณ วันที่ 31 ธ.ค. 64 ซึ่งเร่งประกาศเพื่อให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไปดำเนินการแบ่งเขต แต่เนื่องจาก กกต.อยู่ระหว่างดำเนินการจัดการเลือกตั้งซ่อมในส่วนของสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) อยู่ หลังจากนี้ เมื่อ กกต.มีความพร้อม จะได้หารือกับ กกต.อีกครั้ง ว่าเป็นช่วงเวลาใด ก่อนที่จะนำเรื่องเสนอเข้าคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป
ระหว่างที่รอกำหนดวันเลือกตั้งอยู่นี้ไปจนภึงวันหย่อนบัตร แน่นอนว่า โลกโซเชียลต่อจากนี้คงจะไม่สงบสุขเหมือนเคย เพราะเมื่อ “ผู้ว่าฯ กทม.ทิพย์” จุติแล้ว ฝ่ายประชาธิปไตย ติ่ง 3 กีบทั้งหลาย จะออกมานโน โน่นนี่นั่น ปั่นกระแสไปตลอดแน่ บรรดาตัวเก็งเอย ผู้ท้าชิงจากค่ายพรรคที่ไม่ใช่ก้าวไกล น่าจะมีงานทำเยอะขึ้น แม้แต่ฝ่ายเดียวกัน เพื่อไทย หรือ “ชัชชาติ” ที่มีฐานเสียงซ้อนทับกันในฝ่าย ปชต. เค้าลางว่า จะตัดแต้มกันเอง ก็เริ่มมีสัญญาณให้เห็นชัดขึ้น
งานนี้...ในโลกความเป็นจริงไม่ใช่มโนโซเชียลก็อยู่ที่ใครจะสร้างความน่าเชื่อถือเป็นที่นิยมของคน กทม. เข้าวินในสนาม กทม. ก็โปรดติดตามกันต่อไป
**“ลุงป้อม” ย้ำครั้งที่ร้อย ไร้ปัญหาขัดแย้งกับ “ลุงตู่” คุยกันทุกวัน ไม่มีอะไรต้องรับมือ
กรณีพรรคพลังประชารัฐ มีมติขับ ร.อ.รรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และ ส.ส.ในกลุ่มรวม 21 คน พ้นจากพรรค ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า นี่เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่สะท้อนถึงความขัดแย้งระหว่างพี่น้อง “2 ป.” คือ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กับ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม อีกครั้งหนึ่ง ...ถึงขั้น “ลุงตู่” ต้องบึ่งไปคุยกับ “ลุงป้อม” ถึงมูลนิธิป่ารอยต่อฯ
เพราะการ “ขับออก” ทีเดียว 21 คน แบบมีพรรคเศรษฐกิจไทย ซึ่งเปรียบเสมือน “พรรคลุงป้อมสาขา 2” รองรับอยู่นั้น ก็ไม่ต่างจากการ “อุ้ม” เพราะสถานภาพ ส.ส.ยังคงอยู่ แถมมีพลังต่อรองในเกมสภาเพิ่มขึ้น ...ขณะที่ “ลุงตู่” ที่ต้องการกำจัด “หอกข้างแคร่” กลับต้องรับบทผู้นำรัฐนาวาที่มีสภาพปริ่มน้ำอีกรอบ เผลอเมื่อไรเป็นถูกขย่มจมลงได้ทันที...
ยิ่งฝ่ายค้านขู่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในสมัยประชุมหน้า และยังต้องผ่าน ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 66 เป็นด่านสำคัญที่ขวางหน้าอยู่ “ลุงตู่” ถึงกับระบายความในใจ ผ่าเสียงเพลงเพื่อปลุกปลอบตัวเองว่า...ขออย่ายอมแพ้...
แม้แต่ “ซือแป๋” ด้านกฎหมาย วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ยังต้องออกปากด้วยความเป็นห่วง ว่า การเล่นเกมการเมืองของสองพี่น้องคู่นี้ ระวังจะเกิดอุบัติเหตุถึงขั้นมีการยุบสภาแล้วจะยุ่งกันใหญ่ เพราะจะเลือกตั้งตามกฎหมายเก่าก็ไม่ได้ เนื่องจากถูกแก้ไขไปแล้ว หมดสภาพการบังคับใช้ไปแล้ว ... ครั้นจะเลือกตั้งตามกฎหมายใหม่ แบบมีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบก็ไม่ได้ เพราะกฎหมายลูกยังไม่เสร็จ
“รองวิษณุ” จึงแย้มว่า เมื่อหมดสมัยประชุมนี้ ในวันที่ 28 ก.พ.นี้ กว่าจะเปิดสมัยประชุมหน้าก็เดือน พ.ค. ดังนั้น ในช่วงปิดสมัยประชุมนี้ รัฐบาลพร้อมที่จะเปิดสภาสมัยวิสามัญให้ เพื่อเร่งทำการพิจารณากฎหมายลูกที่จะใช้ในการเลือกตั้ง คือ ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง
เมื่อกฎหมายลูกทั้งสองฉบับนี้เสร็จ ก็จะเป็นหลักประกันว่า ถ้ามีการยุบสภา ก็สามารถใช้กฎหมายใหม่ในการเลือกตั้งได้เลย
เรื่องนี้ “ลุงตู่” ยังย้ำในที่ประชุม ครม. ก่อนบินไปเยือนซาอุฯตามคำเชิญของเจ้าชายมูฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีช อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ซาอุดีอาระเบีย ว่า ขอให้สมาชิกรัฐสภาร่วมกันผลักดันกฎหมายที่มีความสำคัญ รวมทั้งญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้นด้วย พร้อมบอกว่าวันนี้การทำงานของรัฐบาลไม่มีคำว่าพรรคร่วม มีแต่พรรคร่วมรัฐบาลเพียงหนึ่งเดียว
ขณะที่ “ลุงป้อม” วานนี้ ไปพบปะประชาชน ช่วย “สรัลรัศมิ์ เจนจาคะ” ลูกพรรคที่สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.เขต 9 หลักสี่ หาเสียง เมื่อหาเสียงเสร็จ ก่อนกลับนักข่าวที่เห็นความอึมครึม ระหว่างพี่น้อง 2 ป. ก็ถามว่า ได้พูดคุยกับนายกฯ หรือยัง ตอนแรก “ลุงป้อม” อาจไม่ได้ยิน ก็เลยถามว่าอะไร เมื่อนักข่าวถามซ้ำอีกครั้ง คราวนี้เหมือนไปจี้ต่อมฉุน เลยตอบแบบมีอารมณ์ว่า คุย คุยตลอด คุยทุกวัน สิ่งที่เกิดขึ้นไม่เป็นไร ไม่มีอะไรต้องรับมือ ก็พรรคผมทั้งนั้น ... เมื่อถามว่าจะต้องทบทวนมติพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ คราวนี้ “ลุงป้อม” ไม่ตอบหันกลับไปขึ้นรถทันที
นี่แหละ “ลุงป้อม” ไม่ว่าสังคมจะมองอย่างไร วิพากษ์วิจารณ์อย่างไร ก็ยังยืนยัน 3 ป.รักกันจนวันตาย !!