หัวหน้าพรรคกล้า ร่วมด้วยกับ “แก้วสรร-ขวัญสรวง” ค้านสร้างตึกสูงใจกลางเมือง ส่อปัญหากระทบคุณภาพชีวิตคนกรุง ชี้ ผู้มีอำนาจต้องออกนโยบายคำนึงถึงผลประโยชน์ประชาชนมากกว่ากลุ่มทุน
วันนี้ (10 ม.ค.) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า เข้าร่วมรับฟังประเด็นปัญหาการสร้างตึกสูง 41 ชั้น ติดถนนในซอยเกอเธ่ สาทร 1 เขตทุ่งมหาเมฆ พร้อมด้วย นายแก้วสรร อติโพธิ อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ นายขวัญสรวง อติโพธิ อาจารย์คณะสถาปัตยกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ปรึกษาชุมชนและตัวแทนที่ได้รับผลกระทบ
นายกรณ์ กล่าวว่า วันนี้ได้มารับฟังปัญหาจากชาวชุมชนซอยเกอเธ่ที่เดือดร้อนจากโครงการก่อสร้างอาคารใหญ่ 41 ชั้น ทั้งที่ซอยเกอเธ่ เป็นซอยเล็กมาก แคบ กว้างไม่ถึง 6 เมตร ซึ่งมีปัญหาด้านการตีความกฎหมายเพื่อเอื้อต่อบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในการที่จะได้รับการอนุมัติโครงการก่อสร้าง ชัดเจนว่า โครงนี้ไม่ไ้ด้กระทบแค่ชาวชุมชนเกอเธ่ แต่กระทบในวงกว้างแน่นอน เพราะเป็นโครงการที่อยู่ในเส้นทางจราจรที่เป็นทางผ่านระหว่างรถที่วิ่งมาจากเส้นพระราม 3 เพื่อออกสู่พระราม 4 ออกสู่สาทรและสีลม ปัจจุบันสภาพการจราจรก็ติดขัดอย่างมากอยู่แล้ว ถ้ามีโครงการขนาดใหญ่เกิดขึ้นมาในพื้นที่ในซอยที่คับแคบเช่นนี้ได้ จะส่งผลกระทบในวงกว้างแน่นอน
นายกรณ์ กล่าวอีกว่า จากที่ฟังเห็นประเด็นปัญหา 3 ระดับชั้น ระดับแรก คือ การทำงานในส่วนของการตรวจสอบผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือคุณภาพชีวิตพี่น้องประชาชนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง หรือ EIA ในหลายๆ โครงการ สาเหตุส่วนหนึ่ง เป็นเพราะผู้ว่าจ้าง ได้รับการว่าจ้างโดยบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ในหลายกรณี ไม่ได้ดูแลผลประโยชน์ของประชาชนที่ได้รับผลกระทบเมื่อเทียบกับผลประโยชน์ของผู้ว่าจ้างในการได้รับอนุญาตก่อสร้างโครงการ ทำให้ประชาชนพึ่งพา EIA ไม่ได้ กรณีนี้ก็เช่นกัน ระดับที่สอง คือ การตีความกฎหมาย ชุมชนที่นี่ศึกษากฎหมายอย่างละเอียด พบการตีความที่ส่อต่อการขัดเจตนาความตั้งใจของกฎหมายชัดเจน จึงได้เตรียมฟ้องร้องต่อศาลปกครองเพื่อระงับคำสั่งอนุมัติการก่อสร้างโดย กทม. ซึ่งจะดำเนินการในสัปดาห์หน้า ส่วนตัวเห็นเข้าใจและเห็นด้วยในความกังวลที่ประชาชนที่นี่มี แต่ต้องรอให้ศาลพิจารณา และระดับสุดท้าย คือ นโยบายของผู้มีอำนาจดูแล กทม. นั่นคือ ตัว ผู้ว่าฯ กทม. จากนี้ต้องมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ว่า นโยบายของผู้ว่าฯ กทม. ไม่ว่าจะท่านปัจจุบัน หรือที่จะเลือกตั้งเข้ามาในอนาคต ต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่คนกรุงเทพฯ ประเด็นปัญหารถติด การจราจร ปัญหามลพิษ หรือยังจะเอื้อต่อโอกาสของทุนใหญ่ โดยเฉพาะทุนใหญ่ในอุตสาหกรรมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพราะบางครั้งต้องมีการตัดสินใจเชิงนโยบาย ว่ากฎเกณฑ์ กติกา ระเบียบที่ออกมาต้องการให้ง่ายต่อการสร้างอาคารเหล่านี้ แม้กระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน หรือจะเน้นให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตมากกว่า เพื่อให้คนกรุงเทพมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
“เรื่องนี้เป็นเรื่องการเมือง อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะมีเรื่องนโยบายเกี่ยวข้องด้วย ถ้านโยบายดี มีความชัดเจนจากผู้มีอำนาจสูงสุด เรื่องแบบนี้คงเกิดยาก สิ่งที่ทางกฎหมายของภาคเอกชนมีอยู่แล้ว หากมีสิทธิทางกฎหมายก็เป็นเรื่องที่ทำได้ หากกฎหมายล้าหลังหรือไม่เหมาะสมต่อสภาพความเป็นอยู่ในปัจจุบัน ควรมีการแก้ไข สำคัญที่สุด เราให้ความสำคัญกับอะไร ระหว่างคุณภาพชีวิต หรือนายทุน” นายกรณ์ กล่าว
ด้าน นายแก้วสรร อติโพธิ ในฐานะที่ปรึกษาชุมชน กล่าวว่า โครงการก่อสร้างอาคารสูงนี้ มี 41 ชั้น จำนวน 500 กว่าห้อง สูงเกือบ 200 เมตร อยู่ติดซอยเกอเธ่ ซึ่งกว้างเพียง 4.95 เมตร เบื้องต้นพบปัญหาเรื่องเสียง แรงสั่นสะเทือนจากการก่อสร้าง ทำให้สอนหนังสือไม่ได้ คนอาศัยอยู่ไม่ได้ บ้านเช่าไม่มีคนเช่าอยู่ มีปัญหามลพิษฝุ่นควันจากการก่อสร้าง หากสร้างเสร็จจะมีปัญหารถติดถึงขั้นเป็นอัมพาต ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบการตีความกฎหมายผิด ใช้กฎหมายไม่ถูกต้อง จึงมีการออกหนังสือเตือนถึงผู้อำนวยการฝ่ายโยธาธิการ กรุงเทพมหานคร อีกทั้งยังพบแบบแปลนการก่อสร้างผิดกฎหมายชัดเจน โดยทางผู้อาศัยในละแวกนี้ที่ได้รับผลกระทบได้ยื่นหนังสือไปเดือนกว่าแล้ว หากไม่มีการแก้ไข ภายในสัปดาห์นี้ จะยื่นฟ้องต่อศาลปกครองฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่สั่งให้หยุดสร้างตึกที่ผิดกฎหมายต่อไป