“กรณ์” ลุยตลาดบางเขน-อมรพันธ์ ช่วย “อรรถวิชช์” หาเสียง พร้อมรับฟังปัญหาปากท้อง แนะ ก.พาณิชย์ ควบคุมราคาสินค้าพุ่ง กังวลอำนาจเงิน แทรกแซงเลือกตั้ง ขอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรณรงค์อย่าซื้อสิทธิขายเสียง
วันนี้ (3 ม.ค.) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ลงพื้นที่ช่วย นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า ในฐานะว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เลือกตั้งซ่อม หลักสี่-จตุจักร พบปะประชาชนและรับฟังปัญหาที่ตลาดบางเขน ตลาดอมรพันธ์ โดยพ่อค้าแม่ค้าให้ความสนใจทักทายให้กำลังใจอย่างเป็นกันเอง พร้อมสะท้อนปัญหาสินค้าราคาแพง โดยเฉพาะเนื้อหมูที่ราคาพุ่งสูงมากในช่วงนี้
นายกรณ์ กล่าวว่า เศรษฐกิจปากท้องเป็นเรื่องท้าทาย สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลมีภาระหน้าที่สำคัญในการแก้ปัญหาปากท้อง และต้องดูว่าเป็นเรื่องกลไกการตลาด หรือการบริหารจัดการ มีอะไรที่สามารถทำให้ราคาสินค้าลดลงได้ พร้อมเสนอไปยังกระทรวงพาณิชย์ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแล ซึ่งต้องดูว่าไม่มีใครเอารัดเอาเปรียบ อ้างกลไกตลาดในการปรับขึ้นราคาสินค้า
ส่วนข้อเสนอการแก้ไขกฎหมายลูก ที่มีข้อเสนอใน 2 แนวทาง คือ การใช้เบอร์เดียวกันทั่วประเทศกับหนึ่งเขตหนึ่งเบอร์ นายกรณ์ กล่าวว่า ขอให้ยึดหลักประชาชนเป็นที่ตั้ง หากแต่ละพรรคมีเบอร์เดียวกันหมดจะง่ายที่สุด ประชาชนไม่สับสน และในอดีตเมื่อปี 48 ก็ใช้บัตร 2 ใบ เบอร์เดียวทั่วประเทศ พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า พรรคกล้าส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อมทั้ง 3 เขต คือ กทม. ชุมพร และสงขลา ยอมรับว่า ต่างจังหวัดมีอิทธิพลเรื่องเงินอย่างมหาศาล ทำให้อดกังวลไม่ได้ว่าการใช้เงินจำนวนมาก โดยไม่มีใครสามารถเอาผิดกับใครได้ เป็นการบิดเบือนเจตนารมณ์ ความตั้งใจ และความต้องการตามระบอบประชาธิปไตยของพี่น้องประชาชน คนดีเข้ามาทำงานการเมืองยากขึ้น ฝากถึงผู้มีอำนาจ ขอให้ใส่ใจในเรื่องนี้ ลงพื้นที่พบปะชาวบ้าน พบว่าซื้อสิทธิขายเสียงมากขึ้นเรื่อยๆ สมัยก่อน 50-100 บาท เดี๋ยวนี้ 2,000-3,000 บาท ที่ผ่านมา พบเยอะมาก ขอให้สื่อลงไปพูดคุยกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ จะทราบข้อเท็จจริง ว่า มีการใช้เงินมากขึ้น และโจ่งแจ้งมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นเรื่องที่ ยังไม่มีใครมีมาตรการลงไปปราบปรามแก้ไข
“หากพูดถึงคุณภาพผู้สมัคร ข้อเสนอทางนโยบาย กระแสความต้องการของคนในพื้นที่เราไม่มีอะไรกังวล แต่กังวลเรื่องอำนาจเงินการและใช้อำนาจรัฐ ที่สามารถทำให้เจตนาและความต้องการของประชาชนเปลี่ยนไปในแนวทางที่ไม่ได้เป็นคุณต่ออนาคตของประชาชน รัฐควรออกมามีบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง ควรออกมาสื่อสาร และมีมาตรการการควบคุมที่ดีกว่า แต่อย่างไร ประชาชนตัดสินใจเองได้ดีกว่า หากใครเสนอเงินมา เริ่มต้นด้วยความผิดกฎหมาย ไม่ดีแน่นอน เชื่อว่าประชาชนมีคำตอบอยู่แล้ว เลือกคนที่เราอยากได้ เลือกความเปลี่ยนแปลง เลือกการทำงานการเมืองแนวสร้างสรรค์เข้ามา” นายกรณ์ กล่าว
ด้าน นายอรรถวิชช์ กล่าวถึงการลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อมในครั้งนี้ ว่า ตั้งใจกลับมาทำงานสานต่อพัฒนาสาธารณูปโภคย่อยๆ ในซอย ทางลัด ระบบระบายน้ำสายย่อย ไฟฟ้าส่องสว่าง ซึ่งมีความทรุดโทรมไปมาก ก่อนจะถึงวันเลือกตั้ง ก็พยายามไปพบปะพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด และในบรรดาผู้สมัครทุกคน เชื่อว่า ตนมีความผูกพันกับเขตนี้มากที่สุด ทั้งหลักสี่-จตุจักร เดินพื้นที่มาตั้งแต่ปี 2548 ช่วงโควิดก็มีการตั้งศูนย์กล้าอาสา ช่วยคนหาเตียง 7,000 คน ตั้งศูนย์พักคอย 36 ศูนย์ จุดที่เป็นเซ็นเตอร์ อยู่เขตเลือกตั้งนี้
“ผมทำงานทุกวัน เจอคนคุ้นหน้าคุ้นตาก็ทักทาย มั่นใจว่า เราจะนำชัยชนะมาได้ แม้ว่าพรรคกล้าจะเป็นพรรคใหม่ แต่เกณฑ์ชี้วัดครั้งนี้ ต้องถามพี่น้องประชาชนว่า การเมืองคุณภาพ การเมืองสร้างสรรค์ เกิดได้ไหมในกรุงเทพมหานคร มั่นใจว่าวิธีการคิดโครงสร้างหลักของชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นเรื่องสำคัญ แต่เป้าหมายของชาติในการแก้วิกฤตเศรษฐกิจ การเป็นมืออาชีพในด้านนี้ อยากเห็นประเทศดีขึ้น”