3 นิ้วว่าไง? “ปิยบุตร” เผยชัด วางเกมการเมืองระยะยาว 16 ปี ลั่นจะรื้อระบบอุปถัมภ์ ม็อบส่งท้ายปี 64 ไม่สวย เผยแก๊งชูป้ายหมิ่นสถาบันฯ พอถูกจับกลับไม่แน่จริง เป็นทางการ “สุชาติ” เผยเอง ถูก “ปลดออก” จากศิลปินแห่งชาติ
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วานนี้ (31 ธ.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น 3 นิ้วว่าไง เอาด้วยมั้ย? “ปิยบุตร” เผยชัดแล้ว วางเกมการเมืองระยะยาว 16 ปี ลั่นจะรื้อระบบอุปถัมภ์!
โดยระบุว่า ถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวส่งท้ายปีของ นายปิบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ที่มีมุมมองต่อการเมืองไทย โดยเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. นายปิยบุตร ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ สรุปภาพรวมการทำงานของคณะก้าวหน้าใน ปี 2564 ว่า หลายคนคิดว่าสนามเลือกตั้งท้องถิ่นของคณะก้าวหน้า
ทั้งเทศบาล อบต. หรือ อบจ. ไม่สำเร็จ เพราะได้จำนวนน้อย แต่เราถือว่าสำเร็จ ในแง่ที่ต้องการเปลี่ยนหลายเรื่อง เช่น การเปลี่ยนเรื่องฮั้วในการเมืองท้องถิ่น โครงข่ายโยงใย ไปถึงการเมืองระดับชาติ บางครั้ง ส.ส.พรรคเดียวกัน สนับสนุนนักการเมืองท้องถิ่นคนละคน หรือ ส.ส.ต่างพรรคจับมือกันในระดับ อบจ.
ซึ่งตั้งแต่สมัยอดีตพรรคอนาคตใหม่ มีการทักท้วงไม่ให้การเมืองระดับชาติไปยุ่งเกี่ยว ระวังพรรคแตก แต่ตนบอกว่า ตอนนั้นจะให้พรรคอนาคตใหม่ลงท้องถิ่น เชื่อว่า เฉดสี หรือสังกัดการเมือง ควรแบ่งด้วยอุดมการณ์ ความคิด แนวทางนโยบาย คืออีกเรื่อง เราเน้นแข่งขันกันทางนโยบาย ไม่ใช่เรื่องอิทธิพล กลไกรัฐ ความสัมพันธ์เครือข่าย ตระกูลการเมือง แม้ไม่มีความสำเร็จในแง่จำนวน แต่อย่างน้อยเราเอาความคิดเข้าไปปลูกฝังแล้วว่า การเมืองท้องถิ่นเลือกกันที่นโยบาย ไม่ใช่ระบบอุปถัมภ์
“ถ้าจะให้สรุปภาพรวมท้องถิ่นในปี 2564 คือ เราสำเร็จในแง่การเปลี่ยนวิธีคิด เรื่องจำนวนเป็นเรื่องรอง หากผมกับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า อยากได้จำนวนเยอะๆ ตั้งแต่ระดับ ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ หรือระดับท้องถิ่นของคณะก้าวหน้า ทำไมจะไม่รู้ ว่าต้องไปซื้อ ไปเอามุ้งโน้น มุ้งนี้ ดูดกันมา ใช้อิทธิพลกลไกรัฐอย่างไร เรารู้แต่จงใจไม่ทำ ต้องเปลี่ยนวิธีคิดด้วย การเมืองแบบเดิม เป็นการกระจายอำนาจเชิงระบบอุปถัมภ์ กลายเป็นว่า ประชาชนต้องมาอยู่ด้วยระบบอุถัมภ์ คนที่มอบความค้ำจุนให้ก็สามารถนับเป็นบุญคุณ ต้องไปทุจริต คอร์รัปชัน จากเงินทอนของรัฐ เพื่อเอามาอุปถัมภ์ค้ำจุน ทำไมเราไม่เปลี่ยนตรงนี้ให้กลายเป็นหน้าที่รัฐ กับสิทธิพลเมือง และไม่มีใครมีบุญคุณต่อกัน ผมเข้าใจดีว่าเป็นอย่างนี้มาตลอด ไม่เคยโทษชาวบ้าน แต่ในฐานะเราเป็นฝ่ายการเมืองต้องลงมานำเสนอแบบนี้ไม่อย่างนั้นก็วนในอ่างเดิมๆ”
และนอกจากนี้ นายปิยบุตร ยังกล่าวอีกว่า ตอนสมัยตนตั้งพรรคอนาคตใหม่ คนนั้นคนนี้ย้ายพรรคกันไป คนที่เป็น ส.ส.เขต บอกว่า พรรคไม่ให้การสนับสนุน ไม่มีของจะไปแจกชาวบ้าน งบรัฐบาลก็ไม่มาลง คู่ต่อสู้นั่นมีเต็มไปหมด นอกจากตนจะไม่มีให้แล้ว ตนบอกให้ ส.ส. ช่วยกันหักเงินเดือนเข้าพรรค ซึ่งเรื่องนี้ทางแก้มี 2 ทาง คือ 1. ทำแบบที่เขาทำ ใส่เงินไปเยอะๆ 2. คือ ค่อยๆ เปลี่ยนความคิดคน ซึ่งต้องใช้เวลา
อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่า แม้ที่ผ่านมา การเลือกตั้ง อบต. จะทำให้คณะก้าวหน้าได้ที่นั่งเยอะในจังหวัดร้อยเอ็ด แต่ก็ยังพ่ายแพ้ในหลายพื้นที่จำนวนมาก การออกมาเคลื่อนไหวส่งท้ายปีของนายปิยบุตร ถือว่าน่าจับตา เพราะเป็นการเริ่มวางแผนการเมืองระยะยาว ที่ไม่มีทางยอมเลิกรา เพราะนายปิยบุตรทิ้งท้ายถ้อยคำสำคัญไว้ว่า “ตนจะทำแบบใหม่อีกแบบหนึ่ง แพ้หลายสนามได้จำนวนมาน้อยไม่เป็นไร แต่ในอนาคตจากรุ่นสู่รุ่น 4 ปี 8 ปี 12 ปี หรือ 16 ปี ตนเชื่อว่าจะต้องเปลี่ยนแปลง”
ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น สุดเหิม! เปิดคลิปวัยรุ่น ก๊วน 3 นิ้ว ชูป้ายหมิ่นสถาบันฯ พอถูกจับกลับโวยลั่นใส่ จนท.
เนื้อหาระบุว่า หลังจากที่เกิดเหตุการณ์วุ่น เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 64 ที่ผ่านมา มีสาวรายหนึ่งวิ่งฝ่าเข้าไปใกล้ขบวนรถพระที่นั่งของในหลวง-พระราชินี และมีกลุ่มของ “สายน้ำ-ลูกมานะ” ที่นำทีมเพื่อน มาถือป้ายไม่เหมาะสม ในเส้นทางที่ขบวนเสด็จฯแล่นผ่าน
ล่าสุด ในโลกออนไลน์ได้แชร์คลิปอีกหนึ่งเหตุการณ์ในวันเดียวกัน ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ารวบเยาวชน 2 ราย โดยพบว่า นำป้ายผ้าที่เขียนข้อความไม่เหมาะสม เข้าข่ายหมิ่นเหม่ต่อสถาบันฯ มายืนถือในเส้นทางที่ขบวนเสด็จฯจะแล่นผ่าน และถูกจับกุมใกล้พระบรมรูปทรงม้า โดยเยาวชนทั้งคู่ต่างไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามายึดป้าย และพาตัวทั้งสองคนไปยัง สน.ดุสิต ซึ่งป้ายดังกล่าวมีข้อความที่ไม่เหมาะสมอย่างมาก จนทำให้หลายเสียงในโลกโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่เหมาะสม ไม่สร้างสรรค์ ไม่น่าเชื่อว่า กลุ่ม 3 นิ้ว จะเคลื่อนไหวเช่นนี้ จึงไม่แปลกใจที่ทำให้กระแสม็อบแผ่วลงเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเย็นวันนี้ กลุ่มม็อบ 3 นิ้ว ได้นัดรวมตัวกันบริเวณหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัว 4 แกนนำราษฎร ถือเป็นการเคลื่อนไหวส่งท้ายปีของม็อบกลุ่มนี้ ที่ต้องจับตาความรุนแรงและเหตุป่วนที่อาจจะเกิดขึ้นได้
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน THE TRUTH โพสต์ประเด็น กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ส่ง “จดหมายด่วน” ถึง “สุชาติ” “ปลดออก” จากศิลปินแห่งชาติ อย่างเป็นทางการ
โดยระบุว่า สืบเนื่องจากกรณีที่ทางด้านของ นายสุชาติ สวัสดิ์ศรี อดีตศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี 2554 พร้อมทนายความ ได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (กวช.) และกระทรวงวัฒนธรรม กรณีมีมติยกเลิกการยกย่องเชิดชูเกียรติการเป็นศิลปินแห่งชาติ โดยการฟ้องขอให้กระทรวงชดใช้ค่าเสียหายต่อการถูกละเมิดสิทธิในเกียรติยศ ชื่อเสียง เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างร้ายแรง รวมเป็นเงิน 1,120,000 บาท พร้อมขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวการเป็นศิลปินแห่งชาติ จนกว่าจะมีคำพิพากษา
ล่าสุด นายสุชาติ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ซึ่งเป็นจดหมายด่วนที่สุดจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ซึ่งเป็นการแจ้งมติคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ให้ปลด นายสุชาติ ออกจากศิลปินแห่งชาติ โดยมีรายละเอียดว่า
ด่วนที่สุด
ที่ วธ ๐๕๐๓.๕/๔๓๑๖ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม
เลขที่ ๑๔ ถนนเทียมร่วมมิตร เขตห้วยขวาง กทม.๑๐๓๑o
๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๔
เรื่อง แจ้งมติคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๔
เรียน นายสุชาติ สวัสดิ์ศรี
สิ่งที่ส่งมาด้วย ประกาศคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ เรื่อง การยกเลิกการยกย่องเชิดชูเกียรติการเป็นศิลปินแห่งชาติ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ จำนวน ๑ ฉบับ
ด้วยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ในคราวประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๔ เมื่อวันจันทร์ที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๔ ซึ่งเป็นการพิจารณาสืบเนื่องจากการยกเลิกการยกย่องเชิดชูเกียรติการเป็นศิลปินแห่งชาติของนายสุชาติ สวัสดิ์ศรี ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พุทธศักราช ๒๕๕๔ โดยนายสุชาติ สวัสดิ์ศรี ได้รับทราบหนังสือกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ที่ วธ ๐๕๐๓.๕/๓๑๐๕ ลงวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๔ โดยที่ประชุมมีมติให้จัดทำประกาศการยกเลิกการยกย่องเชิดชูเกียรติการเป็นศิลปินแห่งชาติของนายสุชาติ สวัสดิ์ศรี และแจ้งให้นายสุชาติ สวัสดิ์ศรี ทราบ
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม จึงขอส่งประกาศการยกเลิกการยกย่องเชิดชูเกียรติการเป็นศิลปินแห่งชาติให้แก่ท่าน รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
ขอแสดงความนับถือ
(นางสาวลิปิการ์ กำลังชัย)
รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม
ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม
สำนักงานเลขานุการกรม...
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ อาจนับแต่กรณีที่ นายปิยบุตร ออกมาสรุปทิ้งท้ายปี ว่า คณะก้าวหน้าไม่แพ้ ซึ่งความจริงคือ แพ้อย่างหมดรูป ยิ่งถ้าพูดถึงความต้องการเปลี่ยนแปลง ยิ่งแพ้เข้าไปใหญ่
อย่าลืมว่า คณะก้าวหน้าไม่ได้ส่งหน้าใหม่ลงสมัครในท้องถิ่น เพราะมีกระบวนการเฟ้นหา นักการเมืองท้องถิ่นที่มีกระแสความนิยมมาลงสมัครแข่งขัน เหมือนกับต้นสังกัดคนอื่น หรือพูดอีกอย่างก็คือ มีต้นทุนด้านฐานเสียงอยู่แล้ว เช่น บางพื้นที่ที่ได้รับเลือกตั้ง นายกเทศมนตรี ก็เคยเป็นอดีตนายกฯ มีฐานเสียงแน่นหนาอยู่แล้ว จึงได้รับเลือกตั้งเข้ามา โดยที่มองไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรเลย เพราะเขาเลือกตัวบุคคล
ส่วนที่ทำให้พ่ายแพ้อย่างมาก ก็เพราะการต่อสู้ทางการเมืองของ “คณะก้าวหน้า” ที่ต้องการ “ปฏิรูปสถาบันฯ” ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย และต่อต้านทั่วประเทศ
เรื่องนี้แตกต่างอย่างมากกับ กระแส “รักทักษิณ” ที่มีโอกาสเปลี่ยนแปลงการเลือกตั้งได้มากที่สุด เพราะในพื้นที่ภาคอีสาน ส่วนใหญ่กระแสทักษิณ เป็นจริงอย่างที่เขาว่า เอาเสาไฟฟ้าลงแข่งก็ได้ และก็ไม่ใช่เงินเป็นตัวตัดสินด้วย
ดังนั้น เห็นได้ชัดว่า “นายปิยบุตร” พยายามที่จะสรรหาคำอธิบายมาปลอบประโลมตัวเอง และพรรคพวก เพื่อที่จะมีกำลังใจสู้ต่อ ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่า พ่ายแพ้ และแพ้เพราะอะไร?
ส่วนประเด็นม็อบ 3 นิ้ว และขบวนการ 3 นิ้ว ก็เห็นได้ชัดเช่นกันว่า สิ่งที่พวกเขาพยายามจะดิ้น ก็คือ การหลุดพ้นจากคดี ของเหล่าประดาแกนนำ เพราะดูเหมือน นักการเมืองอีแอบทั้งหลาย กำลังลอยแพพวกเขาหรือไม่ ซึ่งแท้จริงแล้ว สิ่งที่ “อีแอบ” หวัง และใช้เด็กเป็นเครื่องมือ ก็คือ ผลประโยชน์ทางการเมือง ยิ่ง “ปิยบุตร” ออกมายอมรับแล้วว่า เขาวางแผนเอาไว้อย่างไร ก็ยิ่งเห็นได้ชัด
ส่วนกรณียืนยัน “ปลดสุชาติ” อย่างเป็นทางการ ก็ต้องยอมรับมติของคณะกรรมการ และคณะกรรมการก็ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว หากไม่เข้าข่ายความผิดร้ายแรง ก็คงไม่กล้าตัดสินใจ และเมื่อตัดสินใจไปแล้ว ผิดพลาด ก็ต้องรับผิดชอบ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับ “สุชาติ” เช่นกัน
นี่คือ ประเด็นทั้งหมดที่สะท้อนให้เห็นว่า คนไทย ไม่สามารถถูกจูงไปไหนก็ได้ อย่างที่คนบางกลุ่มบางขบวนการ ทำราวกับว่า จะชี้นำเปลี่ยนแปลงอะไรก็ได้ตามใจตัวเอง มันมีเครื่องพิสูจน์ให้เห็นแล้ว