ชัดแล้ว! สาวเข้าประชิด ขบวนพระที่นั่งคือใคร? “ในหลวง” ทรงมีพระเมตตา “สุดเหิม!” “สายน้ำ-ลูกมานะ” นำทีม 3 นิ้ว ชูป้ายป่วนขบวนเสด็จฯ ย้อนรอยเป็นแก๊งเดิมที่ป่วนงานวันพ่อ “ดร.อานนท์” ยก “5 บังเอิญเกินจัญ....”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (29 ธ.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น แหล่งข่าวเผยแล้ว สาววิ่งเข้าประชิด ขบวนพระที่นั่งคือใคร? “ในหลวง” ทรงมีพระเมตตา รับสั่งดูแลด่วน
โดยระบุว่า หลังจากที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่สาวรายหนึ่ง วิ่งฝ่าเข้าไปใกล้ขบวนรถพระที่นั่งของในหลวง-พระราชินี เมื่อช่วงค่ำวันที่ 28 ธ.ค. 64 โดยต่อมาได้มีเจ้าหน้าที่วิ่งเข้าไปประกบ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์แล้วนั้น เบื้องต้นมีความชัดเจนแล้ว โดยแหล่งข่าววงในเผยว่า แท้จริงสาวคนดังกล่าว ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีแต่อย่างใด
ทั้งนี้ มีข้อมูลเปิดเผย จาก วาสนา นาน่วม นักข่าวสายทหารและสื่อประจำทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า เธอชื่อ นางสายไฉ ไพยะราด เป็นชาวลาว อายุ 44 ปี มาจากแขวงสะหวันนะเขต เข้าไทย เมื่อปี 2559 พร้อมกับสามีและลูกชายหนึ่งคน จากการตรวจสอบมือถือของเธอ เจ้าหน้าที่บอกว่า มีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นจำนวนมาก
เธอบอกว่า เธอมีความรักศรัทธาและเทิดทูนในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ของไทย เป็นอย่างมาก ไม่ได้มีเจตนาใดๆ ที่จะเข้าไปทำการที่ไม่เหมาะสม ที่วิ่งเข้าไปนั้น เพราะว่าดีใจที่ได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์จริง
เมื่อเจ้าหน้าที่พูดคุยกับเธอมากขึ้น พบว่า เธออาจมีสภาพจิตไม่ปกติ เพราะช่วงหนึ่งเธอเล่าว่า เธอได้คุยกับพระองค์ผ่านทางมือถือและแอปไลน์ และเมื่อความนี้ทราบถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านมีพระเมตตา โดยมีรับสั่งให้เจ้าหน้าที่ดูแล และนำเธอไปรักษาตัว มีอะไรให้ช่วยเหลือได้ก็ช่วยเหลือ เพราะถือเป็นชาวลาวที่มาพึ่งพระบรมโพธิสมภารอาศัยอยู่ในประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ ว่า เธออาจจะเป็นสาวสามกีบหรือไม่นั้น เนื่องจากมีพฤติกรรมแปลกๆ หลายอย่าง แต่เมื่อสังคมทราบถึงข้อเท็จจริงแล้ว ก็ซาบซึ้งในพระเมตตาของในหลวง ที่มีต่อพสกนิกรทั้งหลาย แม้จะไม่ใช่คนไทยก็ตาม
ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น สุดเหิม! เปิดคลิป “สายน้ำ-ลูกมานะ” นำทีม 3 นิ้ว ชูป้ายป่วนขบวนเสด็จฯ ย้อนรอยเป็นแก๊งเดิมที่ป่วนงานวันพ่อ
เนื้อหาระบุว่า ในช่วงค่ำ พบกลุ่มม็อบ 3 นิ้ว มายืนถือป้ายป่วน บริเวณที่ขบวนเสด็จฯจะเคลื่อนผ่าน ต่อมาทราบว่า บุคคลดังกล่าว คือ สายน้ำ นภสินธุ์ ตรีรยาภิวัฒน์ พร้อมพวกรวม 3 คน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบคุมตัวภายหลัง ได้มีการจัดกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วยการชูป้ายระบุข้อความยกเลิก 112 บริเวณห้างสรรพสินค้าแพทฟอร์ม วงเวียนใหญ่ ใกล้เคียงบริเวณที่ในหลวง-พระราชินี เสด็จฯทรงวางพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะ พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินฯ
โดย นายนภสินธุ์ เปิดเผยว่า ภายหลังที่ ในหลวง-พระราชินี เสร็จสิ้นการวางพุ่มดอกไม้ถวายสักการะ แล้วนั้น ได้มีการนำป้ายกระดาษระบุข้อความ ยกเลิก 112 พร้อมชูสัญลักษณ์ 3 นิ้ว เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เพื่อต้องการสื่อโดยตรงกับพระมหากษัตริย์ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเดินเข้ามากระชากป้ายข้อความนั้นออกไป และเข้าควบคุมตัว
เบื้องต้นทราบว่า เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาอาญามาตรา 370 ทำให้เกิดเสียงหรือกระทำความอื้ออึง โดยไม่มีเหตุอันสมควร
ทั้งนี้ พบว่า กลุ่มของ “สายน้ำ-ลูกมานะ” หรือมือเผาพระบรมฉายาลักษณ์ ได้นำทีมไปร่วมป่วนกิจกรรมงานวันพ่อแห่งชาติที่ลานพารากอน เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 64 และเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 64 ยังได้ไปถือป้ายป่วนที่หน้าห้างไอคอนสยาม พร้อมกับสวมชุดนักโทษด้วย
ที่นาสนใจไม่แพ้กัน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ (NIDA) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า ...เรื่องบังเอิญเกินจัญ..
หนึ่ง ไxตี๋เนรคุณสองแผ่นดินบินหนีออกไปเมืองนอก
สอง เกิดเหตุพวกสามกีบสวมชุดเหลืองไปรอรับเสด็จฯ แล้วไปชูสามนิ้ว แสดงอาการกิริยาต่อต้านสถาบันและต่อต้านมาตรา 112
สาม เกิดเหตุผู้หญิงสวมเสื้อขาววิ่งเข้าไปที่รถพระที่นั่ง ตัดหน้าฉาน เตรียมก่อความวุ่นวายแต่ควบคุมไว้ได้ทัน
สี่ เพจสามกีxอย่างน้อยสามเพจ ออกมาถล่ม และเรียกร้อง ยกเลิก ม.112
ห้า เพจนักข่าวต่างประเทศล้มเจ้าและเพจหัวหงอกไม่เจียม ก็ออกมาโพสต์หมิ่นพระบรมเดชานุภาพในเรื่องนี้ทันที
ทั้งหมดทำเป็นขบวนการ รับลูกกันเป็นทอดๆ ช่างบังเอิญเกินจัญไรโดยแท้
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจอย่างมาก ก็คือ ยุทธวิธีการต่อสู้แบบใหม่ของ ขบวนการ 3 นิ้ว ได้เผยออกมาให้เห็นแล้ว นั่นคือ กิจกรรมเชิงสัญลักษณ์กลุ่มย่อย หรือ สงครามกองโจร โดยแสดงออกต่อเป้าหมายโดยตรง ทำให้เจ้าหน้าที่ยากที่จะควบคุมดูแล เพราะพวกเขาสามารถปะปนอยู่กับประชาชนทั่วไปได้
เพียงแต่ โชคดีที่ขบวนการ 3 นิ้ว ไม่อาจสร้างแนวร่วมได้อย่างเต็มที่ เพราะพวกเขาเอง ก็มีอะไรที่ย้อนแย้งอย่างมากในการแสดงออกเพื่อต่อสู้ โดยเฉพาะความมีอุดมการณ์ที่แท้จริง ยังถูกตั้งคำถาม
ดังนั้น สงครามกองโจร จึงเป็นแค่คนหน้าเดิม กลุ่มเดิม ซึ่งก็มีไม่กี่คนที่ยังกล้าท้าทาย โดยเฉพาะกลุ่มหัวรุนแรงที่ยังอยู่นอกคุก แต่ก็ไม่แน่เหมือนกัน ถ้าการต่อสู้แบบสงครามกองโจรได้ผล การถูกนำไปขยายผลการต่อสู้ของ “อีแบบ” ที่บัญชาเกมอยู่เบื้องหลัง ก็อาจมีการสร้างขบวนการอย่างต่ะอเนื่องได้
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ในประเทศไทย การต่อสู้ของขบวนการ 3 นิ้ว ไม่เพียงเอาหน้าชนกำแพง อย่าง นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าสรุปบทเรียน หากแต่ยังเป็นการต่อสู้กับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ นี่คือ จุดอ่อนขบวนการ 3 นิ้ว ที่จะล้มเหลวในการทำสงครามกองโจร เพราะประชาชนไม่เอาด้วย และพวกเขาจะตกเป็นเป้าสายตาของประชาชนอย่างแจ้งชัด และอาจโดนประชาทัณฑ์ถึงชีวิต
ทั้งหมดที่ยกมาก็สะท้อนให้เห็นอยู่แล้วว่า อะไรคือ ข้อแตกต่างระหว่าง ขบวนการ 3 นิ้ว กับสิ่งที่พวกเขากำลังต่อสู้ คนไทยให้ค่ากับอะไรมากที่สุด ถ้ายังคิดไม่ได้ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว