xs
xsm
sm
md
lg

แฉ “ทอน, บูด, ช่อ” ซื้อเวลาหลอกเด็ก รอวัน “ฮีโร่นอกคุก” ร่วมกับนักล่าเงินบริจาค “4 แกนนำ” หวังเดินรอยตาม “รุ้ง”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ แฉ “ทอน,บูด,ช่อ” ซื้อเวลาหลอกเด็ก ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
อดีต “บิ๊ก ศรภ.” แฉเบื้องลึก เหตุเยาวชนถอนตัวสามนิ้ว ทิ้ง ทอน บูด ช่อ ที่ทำตัว “ฮีโร่นอกคุก” เผย มีนักล่าเงินบริจาคหาผลประโยชน์จากม็อบ “4 แกนนำ” อยากออกคุก หวังใช้เงื่อนไขเดียวกับรุ้ง? แต่ “ปูน ทะลุฟ้า” ดับฝัน?

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (18 ธ.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น อดีตบิ๊กการข่าว แฉลึก เหตุเยาวชนถอนตัวสามนิ้ว ทิ้ง ทอน บูด ช่อ เปิดลับนักล่าเงินบริจาค

โดยระบุว่า พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกลุ่มเยาวชนและบรรดาแนวร่วม รวมทั้งผู้ชี้นำไว้อย่างน่าสนใจว่า

“ฮีโร่นอกคุก การสื่อสารของ นายปิยบุตร ถึงทุกฝ่าย โดยอ้างว่า “เพื่อการประนีประนอม และหาทางออก” โดยมีข้อความถึงเยาวชน สรุปได้ว่า “ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ในแต่ละห้วงเวลา ถ้าเดินแบบเดิมไม่ต่างกับการเดินชนกำแพง ไม่สำเร็จแน่ ต้องพิจารณาดูว่าทำอย่างไร ให้ฝ่ายอนุรักษ์ยอมที่จะฟัง ถกเถียงกันด้วยเหตุผล” พร้อมกับเรียกร้องให้ฝ่ายอนุรักษ์เปิดใจให้กว้างและเข้าใจเยาวชนให้มากขึ้น

ภาพ ขบวนการ 3 นิ้ว  ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
ข้อเรียกร้องของปิยบุตรนั้น อ่านดูแล้วเห็นได้ว่า ไม่ได้มาจากความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง มีลักษณะคล้ายกับการซื้อเวลา เพื่อไปจัดตั้งแนวทางที่จะหลอกเด็กใหม่ และยังเป็นการข่มขู่อีกว่า “จะเกิดการปะทะกันระหว่างรุ่น” คล้ายกับปิยบุตรเหมาเอาว่า เยาวชน 15 ล้านกว่าคน คิดเหมือนกับปิยบุตร ทั้งหมด โดยระบุว่า

“ปรากฏชัดแล้วว่า คนรุ่นหนึ่งมองสถาบันกษัตริย์ ไม่เหมือนกับคนอีกรุ่นหนึ่ง” มาลองคิดดูว่า ทำไม ปิยบุตร จึงมีท่าทีแบบนี้

1. เยาวชนส่วนน้อย ที่ออกมาเคลื่อนไหว ตามคำยุยงของปิยบุตร ในระยะแรกนั้น ได้เลิกราไปเป็นส่วนใหญ่แล้ว เพราะเริ่มรู้ข้อเท็จจริงกันมากขึ้น ว่าอะไรเป็นอะไร เริ่มรู้จักชาติไทยดีกว่าชาติฝรั่งเศสของปิยบุตร

เด็กวัยนี้ที่ชอบแนวทาง ช่อ ทอน บูด นั้น ได้แบ่งตัวเองออกเป็นชั้นๆ เรียกพวกที่ออกมาก่อเหตุพ่นสี ตีกับตำรวจว่าเป็น “ตลาดล่าง” จึงถอยออกมา เป็นผลกระทบต่อ แก๊ง 3 คน เป็นอย่างมาก เพราะเด็กตลาดบนแม้จะมีน้อย กว่าเด็กตลาดล่าง แต่ก็เป็นเด็กที่เรียนดี น่าเชื่อถือ มีแสงเป็นดาวฤกษ์อยู่ในตัวเอง เมื่อเด็กตลาดบนเริ่มถอย โครงสร้างค้ำจุน ช่อ ทอน บูด ก็เริ่มหมดไป

2. เยาวชนอีกส่วนหนึ่งในกลุ่มตลาดล่าง ก็เริ่มคิดได้ว่า ถูกหลอกมาแท้ๆ สู้ไปโดยไม่ได้ทำประโยชน์อะไร เพื่อชาติหรือประชาชนเลย แต่ทำไปเพื่อรับใช้และเสริมสร้าง “ความเป็นฮีโร่ ที่ไม่ยอมติดคุก” ของแก๊ง 3 คน เท่านั้น

3. ผู้หาประโยชน์จากเด็ก ไม่ได้มีแค่แก๊ง 3 คนเท่านั้น ยังมีพวกล่าเงินบริจาค ล่าเงินทุนจากนักการเมือง มากินเหล้าเมาไวน์ หาความสนุกจากเด็กที่เข้ามาร่วมงานด้วย ซึ่งเยาวชนส่วนหนึ่งก็เริ่มจะรู้ตัวแล้ว หลอกกันได้ยากขึ้น

คนใกล้ตายมักจะเริ่มรับรู้ความเป็นจริงในบั้นปลายของชีวิต ว่า อะไรถูก อะไรผิด อะไรดี อะไรไม่ดี เป็นกฎแห่งกรรม แต่ถ้ารู้แล้วยังทำต่อไป ก็อาจจะตกนรกทั้งเป็น มีเงินแต่ไร้สุข มีแต่ทุกข์อยู่นอกประเทศ มีคนยกยอมากมาย แต่ลับหลัง ก็แค่มาหลอกเอาเงินเท่านั้น พวกนี้คือ “พวกฮีโร่นอกคุก” ครับ

“ช่อ” ซื้อเวลาหลอกเด็ก ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น 4 แกนนำอยากออกคุก ใช้เงื่อนไขเดียวกับรุ้ง? เทียบ “ปูน ทะลุฟ้า” ปล่อยออกมายังโจมตีสถาบันฯ ทั้งที่สวม EM

เนื้อหาระบุว่า จากกรณีวานนี้ (17 ธ.ค. 64) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนคำร้องขอปล่อยชั่วคราว นายอานนท์ นำภา, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์, นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา, นายภาณุพงศ์ จาดนอก 4 แกนนำราษฎรที่ถูกศาลเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวในคดีการชุมนุมหลายสำนวน

นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความประจำศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนฐานะทนายจำเลยผู้ร้องทั้ง 4 คน เปิดเผยว่า วันนี้จำเลยทั้ง 4 คน ได้เตรียมบัญชีพยานมาเบิกความสนับสนุนคำร้องคนละ 2 ปาก คือ อาจารย์จากมหาวิทยาลัย และผู้กำกับดูแล นอกจากนี้ ฝ่ายจำเลยยังได้จัดเตรียมเอกสารต่างๆ เป็นพยานวัตถุ พยานเอกสารยื่นต่อศาล ก็แล้วแต่ว่าศาลท่านจะเรียกเอกสารใด นอกจากนี้ จำเลยบางคนมีปัญหาเรื่องสุขภาพ ก็จะได้นำเสนอปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ

ส่วน นายจตุภัทร์ หรือ ไผ่ เมื่อสำเร็จการศึกษาชั้นนิติศาสตร์บัณฑิตแล้ว อยู่ระหว่างเตรียมตัวสอบใบอนุญาตว่าความของสภาทนายความ ซึ่งก็ต้องไปสอบภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ”

ในโอกาสปีใหม่ที่จะถึงนี้ จำเลยทุกคนก็อยากให้มีนิมิตหมายที่ดี อยากนับหนึ่งใหม่เริ่มต้นใหม่กัน เพื่อทำให้การเมืองไทยโปร่งใส ถ้าจำเลยได้ออกมาเริ่มต้น ก็จะเป็นสิ่งที่ดี งานการเมืองพวกเขาจะได้มีความระมัดระวังให้มากขึ้น ไม่กระทบกระทั่งตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยจะต้องระมัดระวังให้มากกว่านี้ และจะไม่กระทำการใดๆ อันเป็นการผิดเงื่อนไข อย่างเช่น กรณี น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง ที่ได้ปล่อยชั่วคราวไปก็กำลังประพฤติตนตามเงื่อนไขอย่างเคร่งครัด

โดย นางสาวปนัสยา จะออกจากบ้านไม่ได้ยกเว้นแต่ไปหาแพทย์ ไปเรียน หรือมาที่ศาล จะเห็นว่าจำเลยเมื่อได้รับการปล่อยตัวแล้วก็จะปฏิบัติตามคำสั่งศาลอย่างเคร่งครัด” นายกฤษฎางค์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม หลายคนได้ตั้งคำถามว่า หากยกกรณีของ รุ้ง ปนัสยา มาเทียบกับ 4 แกนนำนั้น การที่ศาลอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว รุ้ง ปนัสยา ออกมา ก็เพราะมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการสอบ โดยต้องใส่กำไล EM และห้ามออกจากบ้าน และหากปล่อยตัว 4 แกนนำออกมาแล้ว ใช้เงื่อนไขเดียวกัน จะแน่ใจได้อย่างไรว่า จะไม่ไปเคลื่อนไหวและกระทำผิดซ้ำ โจมตีสถาบันฯอีก

อย่างเช่น กรณีของ ปูน ทะลุฟ้า เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2564 มีการชุมนุมของกลุ่มราษฎร ที่บริเวณแยกราชประสงค์ ที่เดินทางมารวมตัวกันในเวลา 16.00 น. โดยมีการแขวนป้ายโจมตีสถาบันฯ และเหตุชุลมุน เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปปลดป้ายออก ทำให้มวลชนบางกลุ่มไม่พอใจ ขวางปาสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่ และโห่ไล่จนถึงเวลา 20.00 น . บรรดากลุ่มแกนนำราษฎร ได้อ่านแถลงการณ์ว่าจะต้องดันเพดานยกเลิก 112 ราษฎรพิพากษา มาตรา 112 เรียกร้องปล่อยตัวนักโทษการเมือง ยกเลิก ม.112-ศาล รธน. รวมทั้งปฏิรูปสถาบันฯ ด้วย

ภาพ รุ้ง สวมกำไล EM ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
ทั้งนี้ ยังได้ปรากฏภาพ ปูน ทะลุฟ้า นักเคลื่อนไหวกิจกรรม ที่มีบทบาทมากในหลายการชุมนุม ที่ขึ้นเวทีปราศรัย ทั้งที่สวมกำไล EM และเสื้อที่ทำโดยกลุ่มทะลุฟ้า ซึ่งจากถ้อยแถลงการณ์ และพฤติกรรมการออกมาชุมนุม อาจจะเข้าข่ายผิดเงื่อนไขศาล เพราะมีหลายคดีติดตัว และพบว่าเข้าข่ายล้มล้างการปกครองด้วย

ก่อนหน้านี้ เจ้าตัวมีการโพสต์เฟซบุ๊ก 8 ข้อความ ในกลุ่มรอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส-ตลาดหลวง ที่พาดพิงสถาบันฯ ทำให้ถูกแจ้งเอาผิดมาตรา 112 แต่ศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ในวงเงิน 10,000 บาท พร้อมนัดรายงานตัวต่อศาลในวันที่ 7 ก.พ. 65

ขณะที่ในคดีแรก ปูน ทะลุฟ้า ถูกดำเนินคดีจากกรณีเผาพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 10 บริเวณป้ายเรือนจำคลองเปรม ซึ่งมี ไชยอมร แก้ววิบูลพันธ์ หรือ “แอมมี่” นักร้องวง The Bottom Blues เป็นจำเลยในคดีเดียวกันนี้ด้วย แม้ว่าศาลจะมีเมตตาอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวกับบรรดาแกนนำที่ทำผิด และมีคดี 112 ติดตัว บางรายต่างก็กระทำความผิดซ้ำ โดยไม่เกรงกลัวเงื่อนไขศาล เช่นเดียวกับกรณีของปูน ทะลุฟ้า ที่กล้าขึ้นปราศรัย ออกมาชุมนุมที่ขัดกับเงื่อนไขศาล รวมทั้งยังมีกำไล EM ติดตามตัวด้วย

แน่นอน, ประเด็นที่น่าวิเคราะห์ ก็คือ ความพ่ายแพ้ของม็อบ 3 นิ้ว ไม่ว่าจะมาในรูปแบบไหน และคนที่ออกมาขอประนีประนอมยอมแพ้ ก็คือ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ผู้ที่ถือว่าเป็นศาสดาชี้นำคนหนึ่งของขบวนการ 3 นิ้ว ก็ว่าได้

ก่อนหน้านี้ ถ้ายังจำกันได้ คนที่ออกมาพูดก่อนว่า ขบวนการ 3 นิ้ว ไม่มีวันชนะ ตราบใดที่ประชาชนส่วนใหญ่ ไม่เห็นด้วย ก็คือ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ศาลดาล้มเจ้า ที่ลี้ภัยในต่างประเทศ

ยิ่งกว่านั้น สิ่งที่เหมือนกัน ก็คือ การชี้นำให้ขบวนการ 3 นิ้ว เปลี่ยนยุทธวิธีการต่อสู้เพื่อเปลี่ยนแปลงทางความคิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด หรือ เห็นด้วยกับ 3 นิ้ว ให้ได้มากที่สุดจึงจะชนะ โดยหากขืนสู้แบบเดิมมีแต่แพ้กับแพ้

นั่นแสดงให้เห็นว่า พวกเขายังต้องการหลอกใช้เด็ก เพื่อสนองตัณหาตัวเองต่อไป

อีกอย่าง ความพ่ายแพ้อย่างเห็นได้ชัด และทำให้ขบวนการ 3 นิ้ว จำนวนมากตาสว่าง ก็คือ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีม็อบธรรมศาสตร์ไม่ทน ประกาศเรียกร้อง ปฏิรูปสถาบันฯ 10 ข้อ เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพโดยมิชอบ เป็นการล้มล้างการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

นั่นเท่ากับปิดประตู “ปฏิรูปสถาบันฯ” ของขบวนการ 3 นิ้วเอาไว้เรียบร้อย การเคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกันถือเป็นความผิด รวมถึงผู้ให้การสนับสนุนด้วย

นี่คือ สิ่งที่นายปิยบุตร โอดครวญว่า เป็น “นิติสงคราม” ที่ฝ่ายอำนาจรัฐมีเหนือ ฝ่ายต่อสู้เรียกร้อง “ปฏิรูปสถาบันฯ”

ดังนั้น สิ่งที่เหลืออยู่ของ ขบวนการ 3 นิ้วก็คือ การเคลื่อนไหว เพื่อปลดเปลื้องพันธนาการ คือ ยกเลิก ม.112 และการขอปล่อยตัวชั่วคราว ที่เวลานี้กลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมาแล้วของคนระดับแกนนำ ซึ่งไม่เพียงเดินหน้าต่อไปไม่ได้เท่านั้น หากแต่อยู่กับที่คดีก็ยังมัดแน่น

เหนืออื่นใด คนที่ได้ชื่อว่า “ศาสดาชี้นำ” ต่างก็ลอยนวลอยู่นอกคุก ทำนองแพ้ก็ไม่เสียหาย ชนะคือ ความสำเร็จ เยี่ยง “ฮีโร่” ผู้นำทางความคิด นั่นเอง


กำลังโหลดความคิดเห็น