พูดแบบไม่รับผิดชอบ! “อัษฎางค์” ยกเคสดรามากระเป๋าแบรนด์เนม ฟาด “ทักษิณ” หมิ่น “บิ๊กตู่” ปมวัคซีนร้อยล้านโดส “ดร.เสรี” ซัดคนปากเปราะ “สมยศ” พล่าม! “ประยุทธ์” อุ้มเจ้าสัว “ตูน บอดี้สแลม” นักบุญผู้ค้ำจุนคนบาป
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (22 ธ.ค. 64) นายอัษฎางค์ ยมนาค นักประวัติศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
...จากดรามา “ถ้ากระเป๋าแท้จ่าย 2 ล้าน เลิกเป็นกะเทย” ถึงดรามาโทนี่ “ร้อยบาทเอาขี้หมากองเดียว"
ไปจบที่ข้อกฎหมายโดยทนายชื่อดัง “เรื่องคำพูด เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าพูดออกไปแล้ว คำพูดเป็นนายเราและมีผลผูกพันตามกฎหมาย คำพูดทุกคำมีราคา”
จากข่าวดรามาร้อนแรงกระเป๋าแบรนด์เนมราคาเกือบครึ่งล้าน ชมพู่ จิดาภา ขายกระเป๋าแบรนด์เนม Hermès Constance 24 ให้กับ ทีน่า แม่ค้าออนไลน์ ในราคา 3.95 แสนบาท แต่ทีน่ากลับบอกว่าเป็นของปลอม แต่ไม่ยอมคืนกระเป๋าให้ พร้อมใช้ปากกาเขียนคำว่าปลอมลงไปบนกระเป๋า และกล่าวว่า หากเป็นของแท้จะเลิกเป็นกะเทย ให้เงิน 2 ล้าน และเปลี่ยนชื่อเป็นสรพงษ์
ล่าสุด คู่กรณีไปออกรายการโหนกระแส โดย หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ผู้ดำเนินรายการได้สัมภาษณ์ ชมพู่ จิดาภา เจ้าของกระเป๋า ซึ่งมาพร้อม ทนายเกิดผล แก้วเกิด และ ทีน่า แม่ค้าคู่กรณี
ต่อไปนี้เป็นใจความตอนหนึ่งที่ทนายเกิดผลพูดในรายการในแง่ของกฎหมาย
“สิ่งที่ทีน่าพูดก็เป็นหมิ่นประมาท กล่าวหาว่าเขามอบของปลอมให้ ข้อความที่เขาโพสต์ลงเฟซบุ๊กทั้งหลายแหล่ก็เป็นการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ สร้างความเสียหายแก่คุณชมพู่ “รวมทั้งข้อความที่เขาบอกว่าถ้าแท้ จะจ่าย 2 ล้าน ทางกฎหมายถือว่ามีผลเพราะเป็นคำมั่น คุณทีน่าต้องไปศึกษากฎหมายเรื่องคำมั่น” “ตอนเรียนปริญญาตรีปี 1 คำมั่นเริ่มตั้งแต่บทเรียนแรก” “เรื่องคำพูด เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าพูดออกไปแล้ว คำพูดเป็นนายเราและมีผลผูกพันตามกฎหมาย คำพูดทุกคำมีราคาครับ”
ย้อนวาทะ “ทักษิณ” ปรามาส “ประยุทธ์” ร้อยบาทเอาขี้หมากองเดียว สิ้นปีนี้ไม่มีร้อยล้านโดสฉีดให้ประชาชน
จากข่าวที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่พบว่าตัวเลขการฉีดวัคซีนครบ 100 ล้านโดส ซึ่งสอดคล้องกับข่าวก่อนหน้านี้ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศให้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ โดยดีเดย์ให้ทุกจังหวัดปูพรมฉีดวัคซีนทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายฉีดวัคซีนให้ได้ 100 ล้านโดส ภายในปี 2564
ย้อนเวลากลับไปเมื่อวันที่ 1 มิถุนายนปีนี้ โทนี่ วู้ดซั่ม นามแฝงของทักษิณ ชินวัตร กล่าววาจาปรามาสนายกฯ ประยุทธ์ ในรายการ CARE TALK ที่เผยแพร่ในเฟซบุ๊กไลฟ์และคลับเฮาส์ ที่ผ่านมา โดยมีใจความตอนหนึ่งว่า
“วัคซีนเนี่ย บอกว่า สิ้นปีนี้ถึงร้อยล้านโดส เพราะธนาคารแห่งประเทศไทย เชื่อว่า สิ้นปีนี้ว่ามันจะโต 4% เพราะมั่นใจว่าเราจะได้ร้อยล้านโดส ซึ่งผมบอกได้เลยนะ ไม่มีทาง ไม่มีทางเลย”
“ยังไม่แน่ใจว่า แค่สั่งวัคซีนมากองในประเทศไทยให้ครบร้อยล้านโดส จากวันแรกจนถึงวันสิ้นปีนี้ ไม่รู้จะได้หรือเปล่า”
“เอามากองนะ แล้วไอ้เรื่องจะฉีดให้ครบร้อยล้านโดสนี่ บอกแกสิ ผมไม่มั่นใจเลย ถ้าบริหารแบบนี้นะ แล้วยังคิดวิธีแบบรวมศูนย์ คิดรวมศูนย์ มันเป็นไปได้หรือครับ คนๆ เดียวไปทำอะไรได้ทุกอย่าง”
“คิดทุกอย่างก็คิดไม่ได้หรอกนะครับ มันต้องช่วยกัน ต้องมีสตาฟฟ์ มีคนมาช่วยกันเยอะๆ กว่านี้ แล้วก็ตั้งเป็นรูปกรรมการมากเกินไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรนะครับ”
“วันนี้เลยไม่รู้ว่าตกลงจะสั่งอะไรที่ไหน ก็มีแต่พูดแต่ชื่อมา แต่ข้อเท็จจริงแล้วเรารู้ว่ายังไม่ได้เซ็นอะไรมาเลย แอสตร้าก็ยังมีปัญหาว่าตกลงผ่านแล้วยัง แล้วมันจะมาใช้ได้จริงหรือเปล่า”
“ถ้าจริงคงสาธุ ขอบคุณแทนประชาชนจริงๆ แต่ว่าวันนี้คือท่านอย่าไปรับรายงานอย่างเดียวว่าเรียบร้อย”
“โอ้โห วันนี้ท่านมั่นใจว่า ร้อยล้านโดสมาแน่นอนสิ้นปีนี้ ร้อยบาทเอาขี้หมากองเดียว สิ้นปีนี้ไม่มีร้อยล้านโดสฉีดให้ประชาชน”
……………………………………………………………………..
ถ้าเราเอาคำพูดอธิบายในแง่กฎหมายที่ทนายเกิดผล ซึ่งกำลังดำเนินคดีทางกฎหมายกับแม่ค้าออนไลน์ มาใช้พิจารณากับการพูดปรามาสนายกรัฐมนตรีของโทนี่ ทักษิณ มันก็จะได้ใจความว่า
“ข้อความที่เขาโพสต์ลงเฟซบุ๊กทั้งหลายแหล่ก็เป็นการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ สร้างความเสียหายแก่คู่กรณี”
“เรื่องคำพูด เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าพูดออกไปแล้ว คำพูดเป็นนายเราและมีผลผูกพันตามกฎหมาย คำพูดทุกคำมีราคา”
……………………………………………………………………..
แต่ผมว่าความจริงข้อกฎหมายข้างต้นอาจมีผลกับบางคนเท่านั้น เพราะความจริงอีกอย่างคือ กฎหมายไม่เคยทำอะไร โทนี แฮนซั่ม ได้เลย
ผู้ที่อยู่เหนือกฎหมายตัวจริงเสียงจริงไม่ใช่พระมหากษัตริย์อย่างที่มีคนเสี้ยมให้เด็กพูด แต่คนที่เสี้ยมให้เด็กพูดนั้นแหละที่อยู่เหนือกฎหมายตัวจริง
รอดูว่างานนี้ โทนี แฮนซั่ม จะมาแก้ผ้าเอาหน้ารอดยังไง หรือจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนในเมื่อตัวอยู่ดูไบ
ขณะเดียวกัน ดร.เสรี วงษ์มณฑา ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย บรรณาธิการบริหาร เพื่อวางกลยุทธ์สื่อสาร ศบค. ได้โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ โดยมีข้อความระบุว่า
...ถ้าเสียงปืนแตกจะเข้ามานำ (แล้วเข้ามาไหม)
จะวางมือจากการเมือง (แล้วทำไมถึงยังเห่านายกฯแทบทุกวัน) บอกว่าจงรักภักดีกับสถาบันพระมหากษัตริย์ (ทำไมถึงได้เลี้ยงคนทำผิด 112)
ฉีดวัคซีน 100 ล้านเข็มภายในปีนี้ ไม่มีทางเป็นไปได้ 100 บาท เอาขี้หมากองเดียว (ตอนนี้เขาทำได้แล้ว จะขอโทษเขาไหมล่ะ ที่ไปปรามาสเขาไว้) คนอะไรปากเปราะจริงๆ เห่าหรือสำรากอะไรออกมา มันไม่มีความน่าเชื่อถือเลย (จากสยามรัฐออนไลน์)
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย อดีตผู้ต้องหาตามความผิดมาตรา 112 ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพลงเฟซบุ๊ก ระบุว่า
“นักบุญผู้ค้ำจุนคนบาป
รัฐบาล ประยุทธ์ บริหารประเทศล้มเหลว ด้วยการเอื้อประโยชน์ให้บรรดาพวกเจ้าสัวร่ำรวยกันถ้วนหน้า ส่วนราษฎรยากจนกันทั่วถึง ใช้งบประมาณแผ่นดินไปให้พวกอภิมหาเศรษฐีไปเสพสุขอยู่เมืองนอก ใช้เงินมากมายเพื่อโฆษณาให้เคารพนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์จอมปลอม ล้างผลาญเงินงบประมาณไปซื้ออาวุธ และให้พวกพ้องไปนั่งตำแหน่งทางการเมืองที่ไม่มีคุณค่าต่อบ้านเมือง ฯลฯ ปล่อยให้เด็กต้องออกจากระบบการศึกษาถึง 30 เปอร์เซ็นต์ คนชรา 10 ล้านคน ยากจนข้นแค้นมีรายได้ยังชืพแค่วันละ 20 บาท คนจนดักดานจาก 5 ล้านคน ในปี 2557 เพิ่มมาเป็น 15 ล้านคน ในปี 2564
ตูน บอดี้สแลม หรือ อาทิวราห์ คงมาลัย ใช้การวิ่งๆ ระดมเงินเป็นทุนการศึกษาให้เด็กยากจน 109 ราย ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีของการอุทิศตนเพื่อผู้ยากไร้ แต่ทว่าไม่อาจแก้ปัญหาความยากจน ขาดแคลนที่เกิดจากความไม่เป็นธรรมในสังคม เพราะยังปล่อยให้ รัฐบาลเผด็จการประยุทธ์ เอื้อประโยชน์เศรษฐีให้ขูดรีดคนจน และขึ้นภาษีสารพัด นำเงินงบประมาณไปปรนเปรออภิมหาเศรษฐีเสวยสุขกันโดยใช้กฎหมายปิดปากประชาชน ปราบปรามการเคลื่อนไหวต่อสู้ของประชาชน ดังนั้นนักบุญแบบ ตูน บอดี้สแลม เป็นเพียงนักบุญผู้ค้ำจุนคนบาป
ชื่อเสียงของคนดังในการทำกุศลนั้น เป็นเพียงการฉาบฉวย ที่ทำกันง่าย เป็นไปแบบวูบวาบ แต่การกดขี่ยังมีอยู่และเป็นการทำความดีเพื่อช่วยหล่อเลี้ยงระบบการเมืองที่ฉ้อฉล ปล้นสะดมเงินในกระเป๋าของชาวบ้านแล้วเอาเศษเงินมาโปรยทาน สร้างชื่อเสียงกันต่อไป
ความดีกากๆ ของนักบุญผู้ค้ำจุนคนบาป...” (จากแนวหน้า)
แน่นอน, ประเด็นเรื่องพูด เรื่องวาทกรรม เพื่อเอาชนะทางการเมืองนั้น ก็เห็นมีอยู่ไม่กี่คนที่พูดแล้วไม่รับผิดชอบ พูดเพียงเพื่อให้คนอื่นเห็นว่าตัวเองเก่ง พูดเพียงเพื่อด้อยค่า ปรามาสคนอื่น พูดเพียงเพื่อยกตนข่มคนอื่น พูดเพียงเพื่อวิพากษ์วิจารณ์คนให้ดูต่ำต้อยด้อยปัญญา ไม่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง จนนานเข้าก็เผยธาตุแท้ออกมาเอง ว่าที่พูดนั้น ไม่จริง หรือ ปรามาสในสิ่งที่เขาทำได้ แล้วก็ไม่รับผิดชอบ เหมือนใครก็ลองคิดดู
อย่าว่าแต่ไม่รับผิดชอบกับคำพูดเลย ทำผิดกฎหมาย จนศาลตัดสินถึงที่สุด ยังไม่ยอมรับผิด รับโทษเลย ทุกวันนี้ยังคิดว่าตัวเองดีกว่าใครอยู่อีกต่างหาก แถมยังจะเอาวงศ์วารว่านเครือมาสืบทอดทางการเมือง เหมือนเห็นคนไทยโง่หนักหนา?
อีกประเภท คิดว่าตัวเองทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่เกินมนุษย์คนไทย จึงเห็นสิ่งที่คนอื่นทำเล็กกว่า ด้อยค่ากว่า ประเภทคิดเองเออเอง ไม่สนใจสิ่งที่คนส่วนใหญ่เขาคิด เขาเชื่อ อย่างกรณีที่อ้างต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ต่อสู้ล้มเจ้า ทั้งที่ ก็แค่อ้าง ยังไม่เห็นวี่แววว่า จะเป็นผลดีอะไรเลย แถมยังเป็นการสนองตัณหาทางการเมืองเท่านั้น
ขณะที่คนอื่น ทำความดี อย่างเห็นผลชัดเจน เช่น กรณีของ “ตูน” ถามว่า ใครที่ไหนเห็นเป็นเรื่องไม่ดี ยกเว้นพวกคลั่งแบ่งแยก แตกแยก มองคนเห็นต่างเป็นศัตรู และหาเรื่องโจมตีได้ตลอด ต่อให้ตรรกะผิดเพี้ยน แต่ไหนก็ตาม ก็น่าไม่อายที่จะหยิบยกมาโจมตี
จากที่อ้างตนเป็นคนดี เป็นหัวก้าวหน้า จนกลายเป็นผู้ร้าย พวกบ้าอุดมการณ์สุดโต่ง ที่ใครก็ไม่อยากคบหาเข้าใกล้ แล้วก็ยังไม่ดูตัวเอง มาโทษคนทำดีเขามั่วไปหมด
ถามจริง ระหว่าง “สมยศ” กับ “ตูน” คนไทยคิดว่าใครเป็นคนดี ทำโพลสำรวจเลยดีมั้ย ก่อนที่สาวกไม่กี่คนจะออกอาละวาด ตามที่ศาสดาชี้นำ จะได้รู้ดีรู้ชั่วกันเสียที
เหนืออื่นใด ถ้าต้องการแก้ปัญหาการเมืองไทยให้สะเด็ดน้ำ สิ่งหนึ่งที่จะต้องคิด ก็คือ การทำให้คนไทยแยกแยะให้ได้ว่า อะไรผิด อะไรถูก อะไรชั่ว อะไรดี และไม่ถูกหลอกเป็นเหยื่อได้ง่าย ทำอย่างไรดี ถ้าทำได้ พวกลวงโลกทางการเมืองจบเห่ทันที ไม่เชื่อก็ลองดู!!!