“แม่ค้ากระเป๋าแบรนด์เนม” ยอมเปลี่ยนชื่อเป็น “สรพงษ์” แต่ไม่ยอมเลิกเป็นกะเทย และไม่ยอมจ่ายเงิน 2 ล้าน บอกพูดเอาฮา ท้า “ลูกค้า” ไปฟ้องเอา ยันไม่ได้โกง แฉมีดารามาขายกระปลอมให้
กรณีดราม่าร้อนแรงกระเป๋าแบรนด์เนม Hermes Constance 24 ราคาเกือบครึ่งล้าน เมื่อหญิงสาวรายหนึ่งขายให้ร้านค้าที่ดูน่าเชื่อถือ แต่แม่ค้ากลับบอกว่าเป็นของปลอม ไม่คืนกระเป๋าให้ พร้อมใช้ปากกาเขียนลงไปบนกระเป๋าว่า ปลอม โดยมีเดิมพันว่าหากเป็นของแท้จะเลิกเป็นกะเทย โอนเงินให้ลูกค้า 2 ล้าน และเปลี่ยนชื่อเป็นสรพงษ์ ต่อมากูรูกระเป๋าแบรนด์เนมได้ตรวจพิสูจน์ ยืนยันว่าเป็นของแท้ แม่ค้าได้โอนเงิน 3.8 แสนคืนให้ลูกค้า แต่อีกฝ่ายไม่รับเงิน ยันจะเอา 2 ล้าน และขอให้คู่กรณีเปลี่ยนชื่อเป็นสรพงษ์ตามที่ลั่นวาจา
รายการโหนกระแสวันที่ 20 ธ.ค. 64 “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 สัมภาษณ์ “ชมพู่ จิดาภา” เจ้าของกระเป๋า มาพร้อม “ทนายเกิดผล แก้วเกิด” เผชิญหน้า “ทีน่า” แม่ค้าคู่กรณี มาพร้อมเพื่อนสองคน , ครูเจี๊ยบ – ครูพิชญ์ สถาบันตรวจสอบกระเป๋า นำผลการตรวจสอบมาออก , ครูเอ็ด ชานนท์ แตงโสภา จากสถาบัน Catch Fake Brandname
เกิดอะไรขึ้น?
ชมพู่ : “หนูอยากขายกระเป๋าแอร์เมส เลยเสิร์จหาร้านที่เขารับซื้อ และเจอร้านนี้ แบรนด์เนม 168 เจอในเว็บไซต์และไอจี หนูเห็นว่ามีหน้าร้าน ดูน่าเชื่อถือ หนูเลยทักขายไป แต่ทักหลายร้านเหมือนกันค่ะ แต่ร้านเขาให้ราคาดีที่สุดเลยเลือกร้านเขา เขาให้ 395,000 บาทค่ะ กระเป๋าใบนี้อยู่กับหนูก่อน แล้วส่งให้เขาตรวจสอบ ส่งไปทางเคอรี่ค่ะ”
เขาติดต่อมาว่า?
ชมพู่ : “เขาบอกว่าได้รับแล้ว ขอเช็กของก่อน หนูก็โอเค แล้วเขาบอกว่าแม่ทีน่าไม่ว่างติดธุระอยู่ แล้วหายไป 1 วัน หนูเลยโทรไปเบอร์แอดมิน เขาบอกว่าเดี๋ยวเช็กให้แล้วหายไป หนูเลยทักไปอีกรอบ เพราะรู้สึกกังวลใจ ถ้าไม่สะดวกโอน ขอกระเป๋าคืนได้มั้ย แล้วหนูก็โทรไปหาเบอร์เจ้าของร้านอีกรอบนึง เขาบอกขอเช็กก่อน แล้วก็วางไป สักพักเขาติดต่อกลับมาว่าไม่ต้องกังวลนะคะ ของปลอม มารับคืนได้เลย”
เราทำยังไง?
ชมพู่ : “หนูก็งง หนูก็ ห๊ะ ปลอมเหรอ”
ทางทีน่าดูว่าปลอมแล้วไม่คืน แล้วทำยังไง?
ชมพู่ : “เขาเอาปากกาขีดหน้ากระเป๋าแล้วเขียนว่าปลอมค่ะ”
หลังจากนั้นทำยังไง?
ชมพู่ : “หนูก็ถามเขาว่าปลอมเหรอคะ ปกติหนูขายของหนูก็ไม่ปลอม หนูเลยบอกว่าหนูขอติดต่อพี่ที่ซื้อมาก่อน เขาก็งงเหมือนกันว่าปลอมได้ไง หนูเลยบอกว่าขอคืนได้มั้ย เดี๋ยวจะไปเช็กกับที่ซื้อมา เขาบอกว่าไม่ได้ ของปลอมคืนไม่ได้ ต้องทำลาย เพราะเดี๋ยวถ้าปล่อยไปก็จะไปเดือดร้อนร้านอื่น หลังจากนั้นหนูก็เลยโทรไปหาเขาอีก บอกว่าขอคืนได้มั้ย เขาบอกให้ไปเอาที่โรงพัก แล้วอยู่ๆ ก็มีผู้ชายโทรมาหาหนู บอกว่าเป็นพี่ชายเขา บอกว่าอยู่โรงพักให้มาเอาที่โรงพัก ทีแรกเขาให้หนูไปเอา เขาบอกมาได้เลย เขาปักหมุดให้หนู หนูเลยให้แมสเซ็นเจอร์วิ่งไปรับ แต่เขาปักหมุดที่วัด พอแมสฯ ไปถึงก็โทรมาหาหนูบอกว่าถึงแล้ว แต่อยู่ที่วัดค่ะ ไม่ได้ของ หนูก็เลยโทรไปหาเขา เขาก็บอกว่าไม่คืน บอกว่าให้เจ้าของมาเอาเอง หนูก็อธิบายไปแล้วว่าหนูอยู่เชียงใหม่ จะเอาไปเช็ก ถ้าปลอมจะบอกพี่อยู่แล้ว แต่มั่นใจว่าไม่ปลอมแน่นอน”
ทีน่าเกิดอะไรขึ้น เอาตามข้อเท็จจริง ไม่ด่านะ?
ทีน่า : “ไม่ด่าค่ะ (หัวเราะ) เราถามเขาไปว่ากระเป๋านี้ซื้อร้านไหน เราคุยกันไม่เคลียร์ ก็รู้สึกว่าเราเคยโดนสไตล์นี้ ถ้าปลอมไม่เหมือนเราจะไม่ซีเรียส แต่อันนี้มันก้ำกึ่งมากๆ เราเลยโทรถามว่าซื้อจากร้านไหน ก็ได้คำตอบที่ไม่เคลียร์ ได้คำตอบที่ไม่ชัวร์ พอเราถามแมสเขาบอกวิ่งให้คุณชมพู่เราก็คิดว่าอ้าว ชมพู่อยู่โน่น ทำไมมีแมสฯ ที่นี่ แต่ประเด็นนี้ไม่เป็นไร เราก็ถามไป พอเขาบอกของจริง เราก็บอกว่าเราขอเช็กกระเป๋า ถ้าของจริงเราจะซื้อ”
คุณขอซื้อใบนี้ราคาเท่าไหร่?
ทีน่า : “3.95 แสน ราคาตอนแรกเขาขอ 3 แสนนิดๆ 3 แสนอัปค่ะ เด็กที่ร้านคุยค่ะ ตอนแรกน้องให้ไป 3.5 แสนก่อน แล้วมา 3.7 แสน แล้วถึงมา 3.95 แสน”
แม่นแค่ไหนในการดูแอร์เมส?
ทีน่า “ไม่เคยพลาดเลยสักครั้งนะคะ แต่เคยพลาดมาครั้งนึง เพราะความสนิท ความเชื่อใจ เห็นเขาเป็นคนในวงการ ความเชื่อใจ แต่พอขายไปปุ๊บไปมีปัญหา”
จุดไหนคิดว่าปลอม?
ทีน่า : “ยาแนวปลิ้นออกมา ก็รู้สึกว่าเคยเจอแบบนี้ ที่เป๊ะเวอร์ๆ แบบนี้ ก็คิดว่าไม่ใช่แล้ว เราก็อยากพิสูจน์”
อยากพิสูจน์หรืออยากเอาชนะ?
ทีน่า : “เราก็ซื้อไงคะ จะได้ไม่เสียกันทั้งสองฝ่าย”
คุณก็เขียนว่าปลอม?
ทีน่า : “เพราะเราซื้ออยู่แล้วค่ะ เราซื้อแน่นอน”
แต่คุณบอกเขาว่าใบนี้ปลอม?
ทีน่า : “เขาบอกแท้ แต่เราบอกปลอม โอเคเราซื้อ ตอนแรกยืนยันไม่ได้นะคะ”
ถ้าปลอม คุณก็จะจ่าย 3.95 แสนเหรอ?
ทีน่า : “ใช่ค่ะ เราจะไปพิสูจน์ทีหลัง ตอนแรกขอแค่ให้ชัวร์ คือเราโกงเขาไม่ได้แน่นอน เพราะเรามีหน้าร้าน”
คุณเขียนปลอมบนกระเป๋าของเขาทั้งที่ยังไม่ทันได้โอนเงินให้เขา คุณคิดว่าถูกต้องเหรอ?
ทีน่า : “อาจจะไม่ถูกต้อง ตรงนั้นเราอาจจะผิดพลาด พลาดที่ไปเขียน เพราะเราต้องการพิสูจน์ แต่ยังไงเรารับผิดชอบแน่นอน การันตี”
มั่นใจว่าเราแม่น?
ทีน่า : “ใช่ค่ะ เราตั้งใจไว้แล้ว เรากลัวว่าถ้าจ่ายเงินไปแล้ว เป็นของปลอม เราจะเอาคืนไม่ได้ ไม่รู้จะตามกับใคร”
การที่คุณไปเขียนโดยที่ยังไม่ได้พิสูจน์จากร้านหรือคนที่แม่นกว่าคุณ หรือขอหลักฐานเขาบ้างมั้ย?
ทีน่า : “ขอค่ะ โทรไปถาม แต่ก็ไม่ได้ยืนยันค่ะ”
ชมพู่ : “หนูให้เบอร์ร้านที่หนูซื้อไป พี่คนนี้หนูรู้จักกันและเขาใช้แอร์แมสตลอด เขาใช้ของแท้ตลอด หนูก็บอกว่าถ้าปลอมเอากลับคืนมาสิ เดี๋ยวหนูจะเอาไปเช็ก เพราะพี่ยังไมได้เสียเงินให้หนูสักบาทเดียวเลย”
การไปเขียนโดยที่ไม่รูว่าปลอม หมายถึงคุณซื้อแล้วใช่มั้ย?
ทีน่า : “เราต้องการพิสูจน์ เราซื้อแน่นอน”
ถ้าปลอมจะโอนเงินให้เขามั้ย?
ทีน่า : “ถ้าปลอมก็คือปลอม ปลอมก็ไม่โอนไงคะ”
แต่ตอนนั้นคุณยังไม่รู้ไงว่าจริงหรือไม่จริง?
ทีน่า : “เราถึงต้องรอการันตี ไม่ต้องกลัว เราซื้อแน่นอน แต่ถ้าปลอมเราก็ไม่ซื้อ เราขอพิสูจน์แป๊บนึง จริงๆ อยากโอนให้เลย แต่ไม่รู้ทำไง โอนแล้วหายไปเลยก็ไม่รู้จะตามที่ไหน ถ้าเรารู้จักเขาก่อนเราก็โอนเงินไปให้ได้เลย”
ประเด็นไม่ได้จบแค่ตรงนั้น เหมือนเวลานั้นคุณบอกว่าถ้าไม่แท้ ขอทิ้งเลย ไม่จ่าย ทำไมอยู่ดีๆ ถึงไปประกาศเรื่องเงิน 2 ล้าน มันเป็นการตอกฝาโลงเลยว่าคุณมั่นใจว่าปลอมทั้งที่ยังไม่ได้พิสูจน์?
ทีน่า : “เหมือนทุกคนก็พูดใส่เรา เราก็เลยพูดพนันไปเลย 2 ล้านกับเพื่อนเรา เราพูดสไตล์เรา เราไม่ได้พูดว่าเราตกลงกับเขา 2 ล้าน เราพูดสไตล์สาวประเภทสอง พูดสไตล์เชิดๆ ทำนองนั้น”
คะนองปาก?
ทีน่า : (พยักหน้า) “จะพูดยังไงล่ะ”
คำพูดมันคือนายคน?
ทีน่า : “ใช่ เรารู้ แต่ตรงนี้เราไม่ได้พูดว่าการันตีในการขายเรา เรารู้อยู่แล้วว่าเราทำอะไร เราพูดให้ดูเฮฮา”
แต่เขาไม่เฮด้วยไง?
ทีน่า : “แต่เราจ่ายเขาแน่นอน ตามราคาที่ตกลง 3.95 แสน เขาได้เงินแน่นอน ไม่ต้องกลัวไม่ได้เงิน”
คุณจะเลิกเป็นกะเทย เปลี่ยนชื่อเป็นสรพงษ์?
ทีน่า : “เลิกเป็นได้หรือเปล่า” (หัวเราะ)
คนเขาก็รอไง คุณบอกถ้าพิสูจน์มาแล้วเป็นของแท้ คุณจะเปลี่ยนชื่อเป็นสรพงษ์?
ทีน่า : “เปลี่ยนไม่ได้หรอกค่ะพี่ ใครจะเปลี่ยนได้พี่ ดูสภาพหนูสิคะ”
เข้าใจเพศสภาพ คุณรักในสิ่งนี้ไม่มีใครว่า วันนี้จะเปลี่ยนเป็นผู้ชายคงทำไม่ได้ แต่สิ่งที่คะนองบอกไปทำไม่ได้ แต่สิ่งที่คุณทำได้ เปลี่ยนชื่อสรพงษ์ได้มั้ย?
ทีน่า : “มันเข้ากับหนูเหรอคะ” (หัวเราะ)
ก่อนหน้านี้ชื่ออะไร?
ทีน่า : “มงคลศักดิ์ค่ะ”
เปลี่ยนได้มั้ย ชาวเน็ตจะได้จบ?
ทีน่า : “จริงๆ แล้วเราการันตีทุกอย่าง แต่เรื่องนี้เราพูดสนุก เฮฮา”
แต่คนดูไม่สนุกไง?
ทีน่า : “ลูกค้าได้เงินอยู่แล้ว เราพูดแล้วไม่ใช่ว่าลูกค้าขาดทุน ไม่ใช่นะคะ”
กรณีนี้ถ้าผลออกมากระเป๋าที่เขียน เป็นของแท้ขึ้นมาเขาจะโดนยังไงบ้าง?
ทนาย : “สิ่งที่ทีน่าพูดก็เป็นหมิ่นประมาท กล่าวหาว่าเขามอบของปลอมให้ ข้อความที่เขาโพสต์ลงเฟซบุ๊กทั้งหลายแหล่ก็เป็นการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ สร้างความเสียหายแก่คุณชมพู่ รวมทั้งข้อความที่เขาบอกว่าถ้าแท้ จะจ่าย 2 ล้าน ทางกฎหมายถือว่ามีผลเพราะเป็นคำมั่น คุณทีน่าต้องไปศึกษากฎหมายเรื่องคำมั่น”
ทีน่า : “เราพูด เราเล่นการพนัน แต่หนูพูดตามสไตล์ของหนู”
ทนาย : “แล้วแต่ศาลจะว่าครับ แต่มันมีผลแน่นอน ตอนเรียนปริญญาตรีปี 1 คำมั่นเริ่มตั้งแต่บทเรียนแรก”
ทีน่า : “อันนี้เราตกลงราคากันไว้แล้ว แต่อันนี้เราพูดเหมือนท้าทายกับเพื่อน สไตล์ตัวเราเอง พูดไปเรื่อย แต่คำพูดตรงนี้ไม่ได้ทำให้ใครเสียผลประโยชน์”
ฝั่งคุณยืนยันว่าคำพูดที่บอกว่าถ้าแท้จะจ่าย 2 ล้าน ฝั่งนี้เขาบอกว่ามันคือคำมั่น คุณพูดไปแล้ว ข้อกฎหมายมันมีผล แสดงว่าทางนี้เขาไม่ยอม คุณต้องได้คืนเท่าไหร่?
ชมพู่ : “2 ล้านค่ะ 3.95 แสนไม่เอาแล้วค่ะ”
ทนาย : “เขาทวงเงินคืน และทางนี้ก็โอนเงินให้คุณแล้ว”
คุณทวงเงินเขาคืนด้วยเหรอ?
ทีน่า : “ก็เขาไม่ขายให้หนูนี่คะ”
ทนาย : “เมื่อวานเขาส่งเลขบัญชีมาให้และทวงตั้งแต่เช้ามืดเลย น้องชมพู่โทรมาหาบอกว่าถ้าไม่ขายก็ขอเงินคืน ก็แสดงว่าไม่มีข้อตกลงอะไรเกิดขึ้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เราไม่ขอรับเงินตรงนี้ ในฐานะเป็นทนายความชมพู่ คงพูดเยอะไม่ได้ เพราะไม่ได้อยู่ในฐานะคนกลาง”
ทางนี้ไม่ยอม จะเอา 2 ล้านให้ได้?
ชมพู่ : “ไม่ยอมค่ะ”
ด้านอาจารย์ที่มาร่วมงานยืนยันว่า ผลการตรวจกระเป๋าเป็นของจริง และส่งไปตรวจที่อเมริกา ก็ยืนยันว่าเป็นของจริง
ทีน่า : เราไม่ติดใจค่ะ เราก็พลาดค่ะ เรารับผิดชอบอยู่แล้ว เราบอกแล้วว่าเราจะซื้อ
3.95 แสน รับมั้ย?
ชมพู่ : ไม่ค่ะ เอา 2 ล้าน เพราะเขาทำลายกระเป๋าหนูไปแล้ว
ทีน่า : ตอนเขาส่งมาขายไม่ได้ตกลงที่ 2 ล้านค่ะ
เอาเบอร์กิ้นเขาไปแทนมั้ย?
ชมพู่ : ไม่เอาค่ะ จะเอา 2 ล้านค่ะ
คุณก็ไม่ได้มีการท้วงติงอะไร วันนี้จะรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นยังไง?
ทีน่า : เราก็ซื้อไง เราไม่ได้ค้านหรืออะไร เรายินดีที่จะซื้อ
ตอนนี้ฝั่งนี้ไม่เอาแล้ว 3.95 แสน เขาต้องการ 2 ล้าน เพราะคุณพูดไปก่อนหน้านี้ เรื่องเพศสภาพคุณไม่มีทางเปลี่ยนได้ ทีหลังต้องเตรียมใจไว้นะกับสิ่งที่คุณพูดออกมา เพราะคำพูดคือนายคุณ และคุณเปลี่ยนเพศสภาพไม่ได้อยู่แล้ว?
ทีน่า : เหมือนคำสร้อยค่ะ แต่ไม่ได้เสียหายในเชิงธุรกิจ หรือทำให้ลูกค้าเสียหาย เราตกลงในราคาที่ตกลงไว้ คำพูดเราไม่ได้พูดแล้วลูกค้าขาดทุน
เพศสภาพยังไงคุณก็เปลี่ยนไม่ได้ อันนี้คือสิ่งที่พลาดที่พูดไป อันนี้เข้าใจ เรื่องแท้จะจ่าย 2 ล้าน เรื่องนี้เป็นเรื่องทนายบนชั้นศาล เขาต้องร้องคุณแน่?
ทีน่า : เราไม่ได้ตกลงกันว่าจะจ่ายสองล้าน เราเหมือนพูดเล่น พนันกัน
แต่คุณก็เหมือนแพ้พนันไปแล้ว?
ทีน่า : โอเคก็ไปฟ้องได้
สมัยก่อนชื่อมงคลศักดิ์ แล้วเปลี่ยนเป็นนภาพัฒน์ คุณเปลี่ยนเป็นสรพงษ์ได้มั้ย?
ทีน่า : เปลี่ยนได้ค่ะ เปลี่ยนให้เลยค่ะ อยากให้เปลี่ยนก็เปลี่ยนได้ค่ะ ยินดี พรุ่งนี้จะเปลี่ยนแล้วจะโชว์ให้ดูค่ะ
แต่สองล้านขอคุยบนชั้นศาล?
ทีน่า : เราซื้อไม่ได้หรอกค่ะในราคา 2 ล้าน เปลี่ยนชื่อไม่ได้เสียหายอะไร แต่ 2 ล้านมันซื้อได้หรือเปล่า เดี๋ยวทัวร์ก็ลงอีก
พี่เกิดผลเอาไงต่อไป?
ทนาย : “ขึ้นอยู่ที่น้องชมพู่ครับ”
ชมพู่ : “ฟ้องต่อไปค่ะ สิ่งที่เขาพูดเขาทำไม่ได้ ก็จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดค่ะ”
ทนาย : “สิ่งแรกที่เขากล่าวหาว่าส่งกระเป๋าปลอมมาให้เขา ถือว่าเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ทุกคนมองเขาเป็นมิจฉาชีพด้วยซ้ำจากสิ่งที่คุณทีน่าพูด คุณทีน่าพยายามสื่อสารทำนองนี้ว่าชมพู่อาจเป็นมิจฉาชีพ ซึ่งชมพู่เขาก็เป็นแม่ค้าคนนึง เขาเสียชื่อเสียง เสียหาย”
ชมพู่ : “กระเป๋าใบนี้เป็นของหนู ปกติหนูทำแบรนด์เสื้อผ้า”
ทนาย : “การไปพูดทำนองนี้ทำให้สังคมมองว่าคุณชมพู่เป็นมิจฉาชีพได้ อย่างน้อยก็หมิ่นประมาท การโพสต์ก็เป็นพ.ร.บ.คอมพ์ได้ ผมกำลังตรวจพยานหลักฐานอยู่ และจะประชุมกันวันนี้ จะไปฟ้องที่ไหน ฟ้องคดีอะไรบ้าง ขอสรุปวันนี้ก่อน”
ทีน่า : “โอ้ย”
เข็ดมั้ย?
ทีน่า : “หนูติดต่อตลอด หนูไม่ได้เอากระเป๋าไปซ่อน”
ชมพู่ : “แต่พี่ไม่คืนไงคะ หนูให้แมสฯ ไปรับ พี่ก็ปักหมุดที่วัด”
ทีน่า : “บ้านอยู่ใกล้วัดค่ะ”
ชมพู่ : “แมสฯ หนูโทรหาเขาว่าบ้านอยู่ไหนก็ไม่ยอมบอก ไม่ยอมคืน แล้วไปปักหมุดที่วัดท่ากระบือ”
ทีน่า : “บ้านเราอยู่ติดวัดท่ากระบือจริงๆ ค่ะ (หัวเราะ) เราพูดความจริง เราไม่ได้หลบค่ะ บ้านเราอยู่ติดกับวัด เราไม่ได้เอากระเป๋าเขาไปซ่อนหรือแอบ เราไม่ได้เอากระเป๋าเขาไปเปลี่ยน ไม่เคยค่ะ”
ชมพู่ : “อีกวันหนูบินไปหาพี่ พี่บอกให้หนูไปเจอที่ร้าน แต่ร้านพี่ก็ปิด”
ทีน่า : “ร้านพี่ทำอยู่”
ชมพู่ : “ก็พี่บอกพี่อยู่ทุกวัน มาได้เลย แต่พอไปถึงก็ปิด”
ทีน่า : “ปกติก็เปิดทุกวันค่ะลูก แต่ร้านปิดทำรีโนเวทอยู่”
เขาให้ 5 แสนจบมั้ย?
ชมพู่ : “มัน ...” (ถอนใจ)
เคยซื้อกระเป๋าปลอมมั้ย?
ทีน่า : “เคยซื้อที่บอกว่าเป็นของคนในวงการค่ะ ความเชื่อใจไงคะ เราส่งไปฮ่องกงก่อนไปปารีส แล้วเขายึดไปเลย”
ดาราผู้หญิงเหรอ อักษรย่อมาหน่อย?
ทีน่า : (เขียนให้ดู)
บ้า จริงเหรอ?
ทีน่า : “เราเชื่อใจเขาไง เราเลยไม่สนใจ เรามองผ่านๆ เราซื้อมา 3.3 แสน เราเชื่อใจ ลูกค้าก็ไม่รู้ว่าปลอม มารู้ตอนหลัง เราก็โอนเงินคืนลูกค้าไปก่อน ทุกอย่างก็ต้องทำ ถ้าเรื่องเงินไม่ต้องกลัวถ้าปลอมเราการันตีได้”
ทนาย : ขอถามคุณทีน่าก่อน คุณทีน่าเข้าใจความหมายการพนันและคำมั่นแตกต่างกันยังไง แยกออกมั้ย
ทีน่า : เราก็ไม่รู้นะคะจุดนี้
ทนาย : ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราก็รู้กันครับ
เปลี่ยนชื่อเป็นสรพงษ์ คุณต้องเปลี่ยน เปลี่ยนเสร็จเอาบัตรใบใหม่คุณโชว์ในโลกโซเชียลว่าคุณทำแล้ว?
ทีน่า : โอเคค่ะ ยินดีค่ะ
มุมน้องจะดำเนินคดีต่อ?
ชมพู่ : ใช่ค่ะ
มีอะไรอยากแนะนำมั้ย?
ทนาย : เรื่องคำพูด เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าพูดออกไปแล้ว คำพูดเป็นนายเราและมีผลผูกพันตามกฎหมาย คำพูดทุกคำมีราคาครับ
กระเป๋าตกลงเป็นของใคร?
ชมพู่ : หนูโอนคืนเขาแล้วค่ะ