ไม่ต้องกลัวว่าจะดูของแบรนด์เนมผิด ทักของแท้เป็นของปลอม จนต้องเลิกเป็นกะเทยอย่างเคสดัง และนี่คือ วิธีดูรู้เท่าทันก่อนตกเป็นเหยื่อ!! “แบรนด์เนมหรู” จากผู้เชี่ยวชาญสถาบันสอนดูกระเป๋าแบรนด์เนมแห่งแรกของไทย... พร้อมแชร์ทริกเก็งกำไร สะสม “แบรนด์เนม” รายได้พุ่ง!!
เช็กแบรนด์เนม “จริง-ปลอม” ก่อนตกเป็นเหยื่อ!!
กลายเป็นดรามาร้อนไม่จบไม่สิ้น ในวงการแบรนด์เนม หลังสาวรายหนึ่งขาย “Hermès Constance 24” ราคาเกือบครึ่งล้าน ให้ร้านค้าที่ดูน่าเชื่อถือ แต่แม่ค้ากลับบอกว่าเป็นของปลอม ไม่คืนกระเป๋าให้
ไม่เพียงแค่นั้น ใช้ปากกาเขียนลงไปบนกระเป๋า อ้างลบได้โดยมีเดิมพันว่าหากเป็นของแท้จะเลิกเป็นกะเทย และโอนเงินให้ลูกค้า 2 ล้าน พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น “สรพงษ์” รวมทั้งตรวจพิสูจน์ ว่าเป็นของแท้-ปลอมกันแน่!!
ล่าสุด เธอได้เปลี่ยนชื่อ “สรพงษ์” ตามที่ลั่นวาจาไว้แล้ว เพราะพิสูจน์แล้วว่า กระเป๋าแบรนด์เนมหรูเป็นของจริง แต่ไม่ยอมชดใช้เงิน 2 ล้านบาท แต่กลับซุ่มโอนเงินเป็นจำนวน 395,000 บาท ไปหาเจ้าของแบรนด์เนมหรู
ขณะที่ ทางด้านเจ้าของกระเป๋า ออกมายืนยัน ต้องการรับเงินสด 2 ล้านเท่านั้น เพราะได้รับผลกระทบหนักมาก เนื่องจากสังคมคิดว่า เธอคือมิจฉาชีพ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทาง ทีมข่าว MGR Live จึงติดต่อไปยัง “ครูเจี๊ยบ - สุนิสา เอกวิทยาเวชนุกูล” หนึ่งผู้บริหารบริษัท เดอะแคทช์เฟค แบรนด์เนม จำกัด สถาบันที่สอนดูกระเป๋าแบรนด์เนมแห่งแรกของประเทศไทย รวมทั้งเป็นหนึ่งในทีมตรวจสอบหาความจริง ให้ช่วยไขข้อสงสัยเรื่องราวที่เกิดขึ้น ถึงวิธีการสังเกตกระเป๋าแบรนด์เนม แท้-ปลอม ก่อนตกเป็นเหยื่อ
“อย่างเคสล่าสุด จริงๆ ทีมตรวจเรามีเยอะค่ะ และมีที่ปรึกษาอีก คือ เราก็เอามาเทียบกับใบที่เรามีด้วย และฐานข้อมูลที่เรามีทั้งหมด ว่า ของปลอมมันเป็นยังไง ทุกคนลงมติกันแล้วว่า ใบนี้มันแท้ จริงๆ รู้ตั้งแต่แรกแล้ว เพราะมันไม่มีจุดผิดสังเกต
เพราะอย่างเวลาที่เราตรวจกระเป๋า เวลาเราได้รับ เราจะรู้สึกว่า เอ๊ะแล้ว พอเอ๊ะแล้วเราจะรีบหาข้อมูล แต่ใบนี้ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรเลย
ไม่ได้รู้สึกว่ามันมีจุดแปลก เลยคิดว่ามันแท้ แต่ที่เราไปตรวจอีกที่หนึ่ง เพราะเราเชื่อว่า บางทีคนไทยก็จะยอมรับความเป็นคนของเมืองนอก เราเลยต้องส่งไปตรวจที่อื่นเพิ่มด้วย ให้มา support สถาบันเรา
เรื่องรอยปากกามันทำให้ราคาตกอยู่แล้ว แล้วยิ่งมันมี story แบบนี้ มันทำให้คนซื้อมา และเขารู้ว่ามันเป็นรุ่นสรพงษ์ รุ่นปากกาขีด เขาจะรู้สึกว่ามี story เขาก็ไม่อยากจะใช้แล้ว
หรือบางคนอาจจะคิดว่า มันก้ำกึ่งว่าปลอมรึเปล่า เพราะว่ามันมีประเด็นอยู่ สถาบันมันเชื่อได้รึเปล่า มันก็ทำให้กระเป๋ามันดูไม่มีมูลค่า ลดคุณค่าไป เพราะด้วยความที่มี story
คือ รอยปากกา มันทำให้ราคามันตกอยู่แล้ว บวกกับ story ที่มันมีข้อพิพากษ์ว่าแท้หรือปลอม แล้วไม่มีใครยืนยันได้ เขาก็จะไม่เชื่อ 100% มันก็ทำให้กระเป๋ามันดูไร้ค่า ราคาตกลงมา”
ไม่เพียงแค่นั้น ทางผู้เชี่ยวชาญแบรนด์เนม ได้เปิดเผยถึงวิธีการรับมือ และสังเกตกระเป๋าแบรนด์เนม แท้-ปลอม จะต้องตรวจสอบ โดยเริ่มจากจุดสำคัญ ตัวแบรนด์แสตมป์ (Brand Stamp), เดตโค้ท (Date Code), ซีเรียล นัมเบอร์ (Serial Number)
“คือ ถ้าเป็นอันดับแรก จะเป็นเรื่อง แบรนด์แสตมป์, เดตโค้ท, โฮโลแกรม, ซีเรียล นัมเบอร์ พอรองลงมาก็มาดูตัว material พวกหมุด กระดุม ซิป อันดับ 3 ดูเรื่องตัวหนัง รูปทรง อันดับ 4 คือ จะเป็นเรื่องอุปกรณ์ที่ตามมา รองลงมาท้ายๆ ก็จะเป็นหนังสัมผัส ตัวหนัง และขนาดทรงของกระเป๋า ว่า มันได้รูปไหม มันผิดเพี้ยนไหม
ส่วนกระเป๋า Hermès มันจะมีในเรื่องของแบรนด์แสตมป์, ซีเรียล นัมเบอร์ และมาดูตัว texture ตัวหนัง เพราะของปลอมมันจะมีหลายเกรดมากค่ะ อย่างเกรดที่มันดี จะมีราคาเป็นแสน ตัวหนังก็จะมีความเหมือนมาก แต่ถ้าเกรดไม่ดี หนังก็จะหยาบๆ
เรื่องกลิ่นก็สามารถเช็กแท้-ปลอมได้ ถ้าเป็นของปลอม ที่เกรดไม่ดีมาก กลิ่นมันจะเหมือนกาวหนัง ถ้าของแท้สังเกตจะนิยมดมกัน เพราะว่าเป็นของแท้จะกลิ่นเหมือนกระเป๋านักเรียนใหม่ที่เราไปซื้อตอนเด็กๆ ดมเหมือนกับกระเป๋าใหม่”
ปั่นแบรนด์เนม ราคาพุ่งกว่า “ทอง”
แน่นอนว่า ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ในยุคปัจจุบัน ตลาดกระเป๋าแบรนด์เนม ถือเป็นตลาดที่มีการเติบโตขึ้นทุกปี เพราะคุณภาพและความหรูหรา รวมทั้งสามารถนำมาเพิ่มมูลค่า สร้างรายได้-เก็งกำไรให้ผู้ลงทุนได้ในอนาคต
“จริงๆ ตอนนี้ ราคาแบรนด์เนมมันก็สูงขึ้นมากกว่าทองแล้ว หลังๆ มาคนเริ่มจะลงทุนกระเป๋าแบรนด์เนมมากกว่า อย่างอื่น เพราะว่าราคามันขึ้นไว อย่าง CHANEL Classic ไม่เคยลงเลย มีแต่ขึ้นเอาๆ ภายในปีเดียวขึ้นไป 3 รอบ
อย่างเมื่อปลายปีที่แล้ว ก็ประมาณ 2 แสนต้นๆ แต่ตอนนี้ 3 แสนกว่า คือ ราคาค่อนข้างขึ้นสูง และยิ่งเป็นรุ่นหายาก และจะไม่มีทางตกลงมาได้ อย่างทองยังมีช่วงเวลาตก ราคาลง แต่กระเป๋า CHANEL มีแต่ขึ้นกับขึ้นตลอด ยิ่งหายากกว่าเดิมด้วยค่ะ คือ ราคาพวกนี้ในช็อปจะไม่แพง แต่เวลาเขาเอามาขายข้างนอก ราคาจะอัปขึ้นไป เรื่องความหายาก
ยิ่งหายาก ยิ่ง limited ยิ่งแพง เป็นประเด็นสำคัญเลย คือ ถ้าสมมติมีดาราคนไหนถือ ลง IG ลง Story รุ่นนั้นจะหายาก จะแพง อย่างเช่น รุ่น Louis Vuitton มีที่ญาญ่าสะพาย ใน shop ราคา 6 หมื่นบาท แต่พอมาขายข้างนอกก็เคยสูงสุด คือ ราคา 1 แสนบาท แต่ตอนนี้ราคาก็ตกลงมา มันจะเป็นแค่ช่วงที่ดาราสะพาย
คือ บางรุ่นมันจะเป็นกำไรสั้นๆ ที่ดาราฮิต แต่ว่าบางอย่าง เช่น Hermès Birkin คือ ขึ้นกับขึ้นอย่างเดียวเลย …ราคา 5 แสนบาท พออีกปีขึ้นมาเป็น 6-7 แสนแล้วค่ะ หมายความว่า ทุกรุ่นจะเอามาเก็งแล้วมันจะขึ้นนะคะ มันแล้วแต่กระแสด้วย อย่างบางรุ่นเล่นช่วงนี้ ขายช่วงนี้ ปั่นช่วงนี้ ก็จะได้ แต่สักช่วงนึงก็จะราคาลงไป”
สุดท้าย ครูเจี๊ยบ ผู้ที่มีประสบการณ์การดูของแบรนด์เนม ที่สะสมมาจากประสบการณ์และการพบเจอของจริง ได้ฝากถึงผู้ที่สนใจในการซื้อ-ขาย ทั้งในมุมของผู้เชี่ยวชาญที่ต้องรักษามาตรฐานของตัวเองไว้ไม่ให้บกพร่อง และมุมของผู้บริโภคเองที่ต้องพิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจก่อน
“เรื่องพลาด เราก็ไม่ว่าทีน่าในเรื่องดูพลาด เพราะมันเกิดขึ้นได้ปกติ อย่างเจี๊ยบก็เคยพลาด ขณะเจี๊ยบเป็นครูเอง ยังเคยซื้อกระเป๋าปลอมมาเลย แต่โชคดี คือ ครูตามเคสได้
โดยส่วนมากเวลาเราจะซื้อกระเป๋า เราจะดูจากภาพเบื้องต้น แล้วเราก็จะโอเค... ซื้อค่ะ แล้วเขาจะส่งมาให้เรา พอเราเช็กจากของอีกที จึงมารู้ว่าปลอม ครูก็ยังเคยพลาดขนาดครูเป็นครู ดังนั้น เรื่องที่เขาพลาดเป็นเรื่องธรรมดา มันเกิดขึ้นได้ แต่เขาพลาดตัดสินไวไปหน่อย ดันไปเขียนกระเป๋าเขา หรือไม่มีการตรวจสอบ สอบถามคนอื่น
สำหรับคนที่สนใจซื้อ ถ้าอยากจะเริ่มซื้อแบรนด์เนมนะคะ คงเริ่มจากคนขายที่น่าเชื่อถือ เขาอาจจะมีหลักแหล่ง มีสถานที่ มีหน้าร้านที่น่าเชื่อถือ เพราะว่าถ้าเกิดมีปัญหาขึ้นมา เรายังย้อนกลับไปหาเขาได้
หรือว่ามีการค้นประวัติ การค้าขายของเขาเป็นยังไง คือ ต้องซื้อกับคนที่มีความรับผิดชอบ ว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมา มันแท้หรือปลอม ก็มีการเคลมได้
จริงๆ อยากจะฝาก ว่า เรามีห้องตรวจสอบกระเป๋าแบรนด์เนมแท้-ปลอม ที่เป็นห้องฟรีอยู่ เป็นจิตสาธารณะ อยู่ในเฟซบุ๊กชื่อว่า ‘The Catch Fake Brandname ห้องตรวจสอบกระเป๋าแบรนด์เนม’ ทุกคนสามารถไปลองถามแท้-ปลอม ในห้องนั้นได้ จะมีคนจิตสาธาณะที่คอยช่วยตอบ”
สกู๊ปข่าว : MGR Live
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **