xs
xsm
sm
md
lg

“น้าแอ๊ด” เตือนอย่าเชื่อฝรั่งอ้าง “ปชต.” ยึดประเทศ “เจี๊ยบ ก้าวไกล” ถูกจับตา ร่วม “วางหนังสือถืออาวุธ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ “น้าแอ๊ด” ออกรายการ คุยให้เด็กมันฟัง ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
น่ารับฟัง! “น้าแอ๊ด” เตือน อย่าเชื่อฝรั่ง เข้ามาแบ่งแยกคนไทย อ้าง ปชต. ยึดประเทศ แหล่งข่าวระดับสูงความมั่นคง เผย จับตา “เจี๊ยบ ก้าวไกล” ร่วมวง “วางหนังสือถืออาวุธ” แค่หวือหวา หรืออันตราย!

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (21 ธ.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น “น้าแอ๊ด” อบรมสามนิ้ว! อย่าเชื่อพวกฝรั่งเข้ามาแบ่งแยกคนไทย ซัดอ้าง ปชต.แต่แอบยึดประเทศ!

โดยระบุว่า จากกรณีของสถานการณ์ในประเทศไทย เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่มีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งมีเป้าหมายไปที่สถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งกล่าวอ้างว่า เป็นเพียงการปฏิรูป และภายหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มเยาวชนนั้น เป็นการล้มล้างการปกครอง ทั้งยังมีขบวนการต่างชาติ เข้ามาแทรกแซงการเมืองไทย ด้วยเจตนาที่จะก่อให้เกิดเหตุความวุ่นวาย และใช้เด็กเป็นเหยื่อทำให้สังคมไทยแตกแยกนั้น เป็นเรื่องที่อยู่ในความสงสัย เป็นที่เฝ้าจับตามองของคนไทยมาโดยตลอด

รวมถึงข้อสงสัยว่า ใครบ้างอยู่เบื้องหลังชักใยเด็กเหล่านี้ นับแต่เกิดการชุมนุมของ “กลุ่มเยาวชนปลดแอก” หรือในนาม “กลุ่มคณะราษฎร 2563”

ล่าสุด เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ที่ผ่านมา ในรายการ คุยให้เด็กมันฟัง ที่มี น้าเน็ก ป๋อง กพล และ เสนาหอย เข้ามาร่วมพูดคุย โดยแขกรับเชิญ ก็คือ ยืนยง โอภากุล หรือ น้าแอ๊ด คาราบาว ศิลปินเพลงเพื่อชีวิตระดับตำนานของเมืองไทย ได้เล่าถึงเหตุการณ์และจุดเริ่มต้นของการแต่งเพลงเพื่อชีวิต และได้พูดในรายการมีเนื้อหาที่น่าสนใจว่า

ภาพ มวลชน 3 นิ้ว ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
“อยากจะเตือนคนไทยด้วยกันว่า ถ้าเรารักกันต้องสามัคคีกัน อย่าไปเชื่อไอ้พวกฝรั่งที่เข้ามาแบ่งแยกเราแล้วปกครอง เวียดนามโดนฝรั่งเศส ทำให้เกิดการลุกขึ้นมาต่อสู้ ปลดปล่อยจากฝรั่งเศสแล้ว ไอ้ญี่ปุ่นกับไอ้กัน ก็เข้ามาอีก ในที่สุดไอ้กันก็เข้ามาเสือก ดูซิว่ามันสูญเสียงบประมาณเท่าไหร่ ในอินโดจีน ไม่ว่าจะเวียดนาม ลาว เขมร มันเสียเท่าไหร่ คุ้มไหมกับที่มันลงทุน มันมีความหวังอะไรกับเรา เพราะมันต้องการจะมายึดแผ่นดินของพวกเรา ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันนี้ มันจะยึดของพวกเราด้วยอะไร เมื่อก่อนมันจะยึด ด้วยอาวุธกองทัพ แต่ตอนนี้มันจะยึดด้วยประชาธิปไตย ผมพูดแค่นี้จบ”

ย้อนไปก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 น้าแอ๊ด ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ความขัดแย้งในสังคมไทยมันมากเหลือเกิน ขอยุติบทบาทเเต่เพียงเท่านี้ ดูแลตัวเองด้วยครับพี่น้อง โดยในรูปได้โพสต์ข้อความอีกว่า ชีวิตไร้สาระขนาดไหน ยังไม่สายเกินที่จะแก้ไข แม้ชีวิตจะเหลือน้อยสักเพียงใด ก็ยังไม่สายเกินกว่าที่จะทำดี

ต่อมา 13 สิงหาคม 2564 แอ๊ด ได้ออกมาพูดผ่านวิดีโอคลิป โดยเผยแพร่อยู่ในเฟซบุ๊ก Carabao Official ว่า “พี่แอ๊ด คาราบาว ขอส่งความห่วงใย และ กำลังใจ ถึงพี่น้องแฟนคาราบาว ประชาชนชาวไทยทุกคน โดยเฉพาะบุคลากรด่านหน้าทางการแพทย์”

นอกจากนี้ หลังจากคลิปคำพูดของ แอ๊ด คาราบาว เผยแพร่ออกมา ทำให้มีแนวร่วมสามนิ้ว เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นต่างๆมากมาย และมีบางข้อความที่พูดถึงการบริจาคของศิลปินเพลงเพื่อชีวิตที่ร่ำรวย

ขอบคุณคลิปจาก : ช่อง NANAKE555
ชมคลิปเพิ่มเติม : https://www.youtube.com/watch?v=Eu8UyQZ17yk

ภาพ “เจี๊ยบ ก้าวไกล” ถูกจับตา ร่วม “วางหนังสือถืออาวุธ” ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็นแหล่งข่าวระดับสูงความมั่นคง เปิดลับขยับแล้ว จับตา หาความจริง “เจี๊ยบ ก้าวไกล” ร่วมกิจกรรม “วางหนังสือถืออาวุธ”

เนื้อหาระบุว่า สืบเนื่องจากกรณีมีการเปิดเผยภาพของ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ซึ่งได้เปิดเผยผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว ว่า ได้เดินทางไปร่วมกิจกรรม “วางหนังสือถืออาวุธ”

ซึ่งในกิจกรรมดังกล่าว มีวัยรุ่น-เยาวชน ที่สนับสนุนกลุ่มการชุมนุม ประมาณ 20 คน เข้าร่วมกินกรรม นอกจากนี้ ในกลุ่มดังกล่าวยังมีวัยรุ่นหลายคน ใส่หมวกสีเขียวสัญลักษณ์ดาวสีแดง ซึ่งสัญลักษณ์ดังกล่าวนั้น ชัดเจนว่า เป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มฝักใฝ่คอมมิวนิสต์ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเปิดเผยถึงรูปแบบกิจกรรมหรือเนื้อหาในกิจกรรมดังกล่าวแต่อย่างใด

ภาพ วงสัมมนา “วางหนังสือถืออาวุธ” ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่ภาพดังกล่าวได้หลุดออกมา แม้ว่าจะเป็นความตั้งใจปล่อยของ นางอมรัตน์ ก็ตามแต่ สิ่งหนึ่งที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศจับตามอง เนื่องจากความไม่สบายใจในชื่อกิจกรรม “วางหนังสือถืออาวุธ” ทำให้มีคนไทยจำนวนมากต่างมองไปถึงว่าฝ่ายความมั่นคงจะขยับในประเด็นนี้อย่างไร หรือจะขยับตัวเมื่อไหร่ เพราะหากว่าช้าเกินไปอาจจะทำให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างกับเยาวชนในประเทศ รวมถึงกิจกรรมดังกล่าวมีเนื้อหาอย่างไร นั่นเป็นคำถามที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงในสังคม

ทั้งนี้ ทางด้านของแหล่งข่าวระดับสูง ของ ฝ่ายความมั่นคง ได้เปิดเผยถึงกรณีของ นางอมรัตน์ ที่ไปร่วมกิจกรรม “วางหนังสือ ถืออาวุธ” กับกลุ่มวัยรุ่น 3 นิ้ว ที่ จ.นครสวรรค์ ว่า

ทางฝ่ายความมั่นคงมีส่วนงานที่จับตาเฝ้าดูอยู่ทุกความเคลื่อนไหว และทุกกิจกรรมของนักการเมือง และกลุ่มมวลชนต่างๆ หากตรวจสอบแล้ว พบว่า มีการกระทำที่ผิดกฎหมาย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่เป็นหลัก จะเข้าไปดำเนินการทันที เพราะบางที คนเหล่านี้ ชอบถ่ายรูปสร้างภาพ แต่เนื้อหาไม่มีอะไร เหมือนที่ผ่านๆ มา

ภาพ “เจี๊ยบ ก้าวไกล” ร่วมสัมมนา “วางหนังสือถืออาวุธ” ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ การออกมาเตือนด้วยความหวังดีของคนระดับตำนานคนหนึ่ง ซึ่งในอดีต เคยผ่านร้อนผ่านหนาวทั้งในป่าในเมืองมาไม่น้อย และมีประสบการณ์กับของจริงมาอย่างโชกโชน ดังนั้น เยาวชนคนรุ่นใหม่ฟังเอาไว้ไม่เสียหลาย โดยเฉพาะอย่าหลงตกเป็นเหยื่อทางการเมือง ชักศึกเข้าบ้านเป็นอันขาด

อย่าลืม ท่ามกลางการชุมนุมของม็อบ 3 นิ้ว สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นควบคู่กันมา ก็คือ การดึงองค์กรต่างประเทศ และประเทศประชาธิปไตย ให้มีส่วนร่วมแทรกแซงสร้างความกดดันรัฐบาลไทย แม้แต่กดดันในเรื่อง “ปฏิรูปสถาบันฯ” ก็ไม่เว้น ด้วยเหตุนี้ คำเตือน “น้าแอ๊ด” จึงน่ารับฟัง

อีกเรื่องที่มองข้ามไม่ได้เป็นอันขาด ก็คือ กรณี เผยภาพ “เจี๊ยบ ก้าวไกล” เข้าร่วมสัมมนา “วางหนังสือถืออาวุธ” ซึ่งชื่อเรื่องเหมือนยุยงเด็กเยาวชนให้เลิกเรียน แล้วมาต่อสู้ด้วยอาวุธ อะไรประมาณนั้น หรือไม่ ซึ่งหัวข้อนี้ น่าจะเกิดขึ้นในพม่ามากกว่าในประเทศไทย

ที่ผ่านมา การจัดอบรมนักศึกษา เยาวชนคนร่นใหม่ ดูเหมือนเป็นกิจกรรมถนัดของการเมืองสีส้มก็ว่าได้ เพราะพวกเขาต้องการทำงานทางความคิด เพื่อเปลี่ยนแปลงหลายอย่างกับเยาวชน และเคยมีข่าวมาแล้วว่า เข้าข่ายมอมเมาเยาวชนเกี่ยวกับความเชื่อทางการเมือง ที่ต่อต้านรัฐ

และเมื่อไม่นานมานี้ ก็มีเรื่องโรงเรียนคณะก้าวหน้า ของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ลูกพี่ของ “เจี๊ยบ ก้าวไกล” ที่มีเนื้อหาส่วนใหญ่ ปลุกเร้าให้เกิดการลุกขึ้นปฏิวัติ ของประชาชน คล้ายกับที่พรรคคอมมิวนิสต์ในอดีตใช้ปลุกระดม ทำสงครามมวลชน ให้เข้าร่วมต่อสู้กับรัฐบาล ซึ่งเรื่องนี้ ฝ่ายรัฐบาลก็อาจกำลังตรวจสอบอยู่เช่นกัน

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ต้องจับตามองการทำงานของฝ่ายความมั่นคงด้วยเช่นกัน ว่า จะมีน้ำยาหรือไม่แค่ไหน หรือจะปล่อยให้สถานการณ์ดูแลไม่ได้แล้ว จึงค่อยหาทางแก้ไข ก็ไม่แน่เหมือน เพราะการเริ่มมองเพียงว่า เป็นการสร้างภาพโชว์โซเชียล ก็เท่ากับเป็นการประมาทไปกว่าครึ่งแล้ว

เหนืออื่นใด อย่าลืมว่า การทำงานทางความคิดได้สำเร็จกับคนหนึ่งคนก็ถือเป็นชัยชนะของพวกเขาแล้ว เรื่องนี้พวกเขาเคยพูดเอาไว้ แล้วถ้าเป็นกลุ่มเป็นก้อนอย่างที่เห็น หลายต่อหลายครั้ง หลายต่อหลายแห่ง หลายภูมิภาค ที่ฝ่ายความมั่นคงอาจดูเบา ก้าวไม่ทันเกม อะไรจะเกิดขึ้น ลองคิดดู!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น