สามกีบสุดเสื่อม! กัดไม่ปล่อย “ลูกหนัง” ตั้งแต่ต้นยัน “ต้นสังกัดเกาหลี” ปล่อย MV โปรโมต “ติ่งก้าวไกล” จับโป๊ะ “พิธา” หนีโหวต จอมหักหลัง ย้อนไทม์ไลน์เห็นได้ชัด “ดร.สามนิ้ว” ซัด “โทนี่” เล่นเกมลับหลังไม่ใช่มิตรแท้ ก้าวไกล
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (16 ธ.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น สามนิ้วดิ้นหนัก! “ต้นสังกัดเกาหลี” ปล่อย MV โปรโมต “ลูกหนัง” ก่อนเดบิวต์ปีหน้า!
โดยระบุว่า จากกรณี “ลูกหนัง” ศีตลา ที่เตรียมเดบิวต์อย่างเป็นทางการกับวง H1-KEY (ไฮคีย์) ของค่าย GLG (Grandline Group) เกาหลีใต้ ในวันที่ 5 มกราคม 2565 แต่กลับมีดรามาถึงเรื่องราวในอดีตของลูกหนัง และ ตั้ว ศรัณยู คุณพ่อผู้ล่วงลับ จากบทบาททางการเมืองในอดีต จนมีกระแส #แบนลูกหนัง ติดเทรนด์ทวีต พร้อมกับจี้ไปทางต้นสังกัดให้ปลดลูกหนังออกจากการเดบิวต์
และต่อมาทางด้าน Grand Line Group หรือ GLG ค่ายต้นสังกัดของ H1-KEY วงเกิร์ลกรุ๊ป K-Pop น้องใหม่ ที่มีสมาชิก 4 คนประกอบไปด้วย ชินยอง, เยจิน, ซึงฮยอน และ ลูกหนัง ศีตลา ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการผ่านทางอินสตาแกรม เกี่ยวกับกรณีของ ศีตลา สมาชิกชาวไทยลูกสาวของ ตั้ว ศรัญยู และ เปิ้ล หัทยา วงษ์กระจ่าง โดยมีใจความว่า
ทางค่ายขอแสดงความเสียใจและขอโทษอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ซึ่งทางค่ายได้รับทราบถึงความกังวลของแฟนๆ ชาวไทยแล้ว จึงได้ทบทวนสิ่งต่างๆ อย่างถี่ถ้วนเกี่ยวกับบิดาผู้ล่วงลับของ ศีตลา และการกระทำของพ่อเธอในอดีต ที่อาจมีผลต่อตัว ศีตลา ในวัยเด็ก จนทางค่ายได้ข้อสรุปว่าไม่ควรให้ ศีตลา เข้าไปรับผิดชอบต่อการกระทำของพ่อเธอในอดีต ซึ่งอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของเธอ ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีการเปลี่ยนแปลงสมาชิกในวง H1-KEY อีกทั้งทางค่ายขอเน้นย้ำเรื่องที่ ศีตลา บอกว่า พ่อของเธอเป็นแบบอย่าง นั้นหมายถึงเป็นแบบอย่างในเรื่องการเป็นนักแสดงและผู้กำกับ ไม่ใช่เพราะเรื่องทางการเมือง
ปัจจุบัน ศีตลา กำลังรู้สึกผิดต่อปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่นี้ เธอยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับความเป็นจริงของบรรยากาศการเมืองไทยอีกด้วย สำหรับ ศีตลา ที่ทางค่ายรู้จักนั้น เป็นคนที่สุภาพและขยันมากๆ เธอรักบ้านเกิดของเธอ และภาคภูมิใจในวัฒนธรรมไทยและคนไทย เธอบอกเสมอว่า แรงจูงใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับความสำเร็จของเธอนั้น คือ การทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วโลกมากขึ้น และเพื่อนำความอบอุ่นมาสู่ชาวไทย เธอใช้ความพยายามอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อเติมเต็มความฝันอันเร่าร้อนของเธอ
พวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า แฟนๆ ทุกคนจะเป็นกำลังใจให้กับ ศีตลา เพื่อไม่ให้ความพยายามของเธอสูญเปล่า สุดท้ายนี้ GLG สัญญาว่าจะใส่ใจต่อความรักและความห่วงใยของแฟนๆ K-Pop ทั้งในและต่างประเทศให้มากยิ่งขึ้น
หลังจากค่าย GLG ประกาศถ้อยแถลงดังกล่าวเพียง 1 ชั่วโมง ทำให้เกิดกระแสดรามา #แบน SITALA พุ่งขึ้นแฮชแท็กอันดับหนึ่งของทวิตเตอร์ทันที พร้อมทั้งมีแนวร่วมสามนิ้วจำนวนมากแสดงความคิดเห็นต่อคำแถลง วิพากษ์วิจารณ์สนั่น และบางคนขุดประเด็นพร้อมแนบรูป ไม่เห็นด้วยกับคำแถลงดังกล่าว
ต่อมาก็ได้เกิดแฮชแท็ก #BANH1KEY แสดงจุดยืนไม่สนับสนุนทั้งค่ายต้นสังกัดและสมาชิกทั้ง 4 คน ของวงเกิร์ลกรุ๊ป H1-KEY ที่ประกอบด้วย ชินยอง, เยจิน, ซึงฮยอน และลูกหนัง โดยเกิดกระแสไม่รับชมเอ็มวี ไม่เปิดเพลง ไม่คอมเมนต์ รวมไปถึงไม่กล่าวถึงวงดังกล่าวอีกต่อไป
ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ที่ผ่านมา ทาง GLG ได้ปล่อยภาพกลุ่มของวง H1-KEY และวิดีโอโชว์การเต้นในเพลง “Me So Bad” ของศิลปินต้นฉบับชาวอเมริกัน ที่ทั้ง 4 สมาชิกได้แสดงความสามารถในบรรยากาศเท่ๆ ซึ่งทำให้แฟนคลับคาดหวังในภาพลักษณ์ของพวกเธอ โดยทางต้นสังกัดยืนยันผ่านสื่อมวลชนว่า H1-KEY จะร่วมเป็นหนึ่งในเกิร์ลกรุ๊ป Gen 4 โดยมีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 มกราคม 2022 ด้วยผลงานเดบิวต์ “All-rounder”
H1-KEY ประกอบไปด้วย สมาชิก ได้แก่ Seoi (ซออี) หัวหน้าวง, Yell (เยล), Riina (รีอีนา) และ SITALA (ศีตลา) โดยทั้งสี่มีความสามารถรอบด้าน ทั้งการร้อง การเต้น การแร็พ การแสดง และภาษาต่างประเทศ
ซึ่งแน่นอนว่า หลังจากที่ ทางสังกัด ได้ทำการเผยแพร่คลิปวิดิโอของวง H1-KEY ออกมา ก็ทำให้กลุ่มสามนิ้ว เข้าไปแสดงความคิดเห็นและโจมตีลูกหนังเป็นจำนวนมาก เช่น ค่ายเพลงเกาหลีใต้กำลังสนับสนุนคนที่ล้มล้างประชาธิปไตยในประเทศไทย, ทำจนออกข่าวที่เกาหลีแล้วอะจ้า แต่ค่ายไม่ถอนตัวเนอะ, ขาดแรงซัปพอร์ตขาดแฟนคลับอยู่ได้ไม่นานหรอกพี่ชาย อาจไม่ได้ ComeBack ในอัลบั้มหน้า ติ่งเกาส่วนใหญ่เป็นสามกีบสัก 80-90% ด้วยสิ ถ้าขาดการปั่นวิวขาดคนช่วยโหวต จบ ฐานแฟนคลับในไทยใหญ่นะเออ
ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น “ดร.สามนิ้ว” เดือดจัด ซัด “โทนี่” แฉเบื้องหลัง แอบตั้งหน่วยไอโอ โจมตีก้าวไกล สนับสนุนฝั่งตรงข้าม
เนื้อหาระบุว่า รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ อดีตอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยมีรายละเอียดว่า จนป่านนี้แล้ว ยังมาอ้าง “ฉันยอมถอย เป็นผู้เสียสละ เราฝ่าย ปชต.ด้วยกัน อย่าตัดคะแนนกัน”!?!
ฝ่ายเดียวกันที่แทงข้างหลังกี่ครั้งกี่หน ต่อหน้าพูดอย่าง ลับหลังทำอีกอย่าง แอบเกี้ยเซี้ยฝ่ายตรงข้ามสารพัดเรื่อง แกนนำแอบตั้งหน่วยไอโอ หนุนหลังให้ท้ายพวกแบก
ทำสงครามโซเชียล ไล่ด่าทั้งพรรคและแกนนำ รุมด่าคนที่สนับสนุนพรรค ทำคลับเฮาส์ป่วนห้อง ด่าว่าเป็น “ปชป.กปปส.พธม” “ตกปลาในบ่อเพื่อน” แก้กฎเกณฑ์เลือกตั้งเข้าหาตัวเอง เวลาแพ้เลือกตั้งก็ด่าว่า “ตัดคะแนนกัน”
ฝ่ายไหนกันแน่? ปชต.หรือเกี้ยเซี้ยเผด็จการเพื่อ ปย.คนตระกูลเดียว
หลังจากนั้น ได้มีฝั่งเชียร์พรรคก้าวไกล เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นโจมตี พรรคเพื่อไทย เป็นจำนวนมาก เช่น “นังแบก ทำคนเกลียด พท.มากกว่านะครับ …ตอนแรกตั้งใจเลือก ปาร์ตี้ กก. สส.เขต พท. (เขตผม กก. คะแนนไม่มีลุ้น) …ตอนนี้เปลี่ยนแล้ว สส. เขต vote no”, “พักหลังมากองเชียร์พรรคนั้น ไล่ด่าและตีตราคนที่ตนเองเรียกว่า ติ่งส้ม มากกว่าสลิ่มและผู้สนับสนุนเผด็จการอีกครับ”
“วันก่อนไปคอมเมนท์ที่โพสต์หนึ่ง คิดว่าจะเลือก สส.เขตเป็น พท. และ บช.รายชื่อเป็น กก. มีติ่ง พท. มาเม้นต์ไร้สติ ไร้สาระ นี่เลยกะว่าถ้ารำคาญติ่ง พท. มากๆ ก็จะไม่เลือก พท. แล้ว”
นอกจากนี้ยังมี สาวกที่คอยหนุน พรรคเพื่อไทย ออกมาตอบโต้แบบไม่ถอยเหมือนกัน เช่น
“แล้วที่เขาพูดมันไม่จริงเหรอคับ
ที่ กก. เคยโวยวาย หลายครั้งก็ต้องกลับมาขอโทษที่เข้าใจผิดนะคับ
ถ้าจะซีเรียสเรื่องเกี้ยเซี้ย ก็มีใครนะ นัดพบกับแดงลูกตาจ๊อด
เขาตั้งประเด็นมา ก็หักล้างที่ประเด็นเขาเถอะครับ
ผมคิดแบบนี้ ผมเป็นพวกไอโอจัดตั้งหรือเปล่าเนี่ย?”
“การต่อสู้ทางการเมืองมันไม่ใช่งานวิชาการ มันไม่ใช่สูตรสำเร็จ 1+1=2 ถ้าเราตั้งเป้าผิดแต่ทีแรกมันก็ผิดยาวไปครับ ส่วนวิธีการมันก็แล้วแต่ใครจะใช้ ที่แน่ๆวันนี้หลายคนยังสับสน
ว่าจะสู้กับทักษิณหรือจะสู้กับเผด็จการตัวจริง”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน THE TRUTH โพสต์ประเด็น ติ่งก้าวไกลจับโป๊ะ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่! “พิธา” “หนีโหวต” ย้อนไทม์ไลน์พบพิรุธ รอบนี้อ้างติดภารกิจสำคัญก็ฟังไม่ขึ้น?
โดยระบุว่า หลังจากในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 64 ได้ลงมติไม่รับหลักการร่างพ.ร.บ.ยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคำสั่งหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ พ.ศ…. ที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย พ.ศ….. ทั้งสองฉบับที่เสนอโดย นายจอน อึ๊งภากรณ์ กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 12,609 คน และอีกฉบับเสนอโดยพรรคก้าวไกล โดยผลปรากฏว่า ร่างทั้ง 2 ไม่ผ่านการโหวต ถูกปัดตกจนทำให้พรรคก้าวไกลออกมาแถลงว่า ผิดหวังและไม่พอใจอย่างมาก
ทั้งนี้ ปรากฏว่า มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ไม่ได้มาลงมติ คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล จนมีประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ว่า ทำไม นายพิธา ถึงไม่มา ติดภารกิจอะไรกันแน่ จนต่อมา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงสาเหตุที่นายพิธาไม่ได้มาลงคะแนนว่า
“ร่างยกเลิกคำสั่ง คสช. ที่ลงมติวันนี้ คุณพิธา หัวหน้าพรรคไม่ได้มาลงมติ เนื่องจากติดภารกิจสำคัญของครอบครัวที่ต่างจังหวัดไม่สามารถเลื่อนได้ พรรคก้าวไกลน้อมรับคำวิจารณ์จากพี่น้องประชาชน เราขอยืนยันว่าก้าวไกลจะสานต่อภารกิจอนาคตใหม่ ล้างมรดกคณะรัฐประหาร ไม่ยอมแพ้จนกว่าภารกิจนี้ลุล่วง”
แต่ในโลกออนไลน์ก็มีกลุ่มกองเชียร์พรรคก้าวไกลเข้ามาต่อว่า ตนเองนั้นเป็นถึงหัวหน้าพรรค และเป็นร่างจากพรรคตัวเอง ทำไมถึงไม่มา ลูกพรรคไม่มา ยังไม่หนักเท่าหัวหน้าพรรคไม่มาอีก แม้จะอ้างว่า ติดภารกิจครอบครัวหรือญาติ แต่วันที่โหวต ต้องรู้ล่วงหน้ามาแล้ว และยังให้ลูกพรรคออกมาแก้ตัวแทน ตนเองไม่เคลื่อนไหว ทั้งๆ ที่ทุกทีไม่เคยพลาด
นอกจากนี้ในเพจ Street Hero V3 ยังได้โพสต์รูปพร้อมเนื้อหาว่า “พิธาหายไปไหน” รวมผลงานพิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกลหักหลังสามนิ้ว ระบุว่า
26 พ.ค. 2563 อ้างป่วย ไม่มาโหวตพิจารณากู้เงินฉุกเฉินก้อนใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย
20 ก.พ. 2564 อ้างเครื่องเสีย กดผิดงดออกเสียงไว้ใจธรรมนัส
9 มิ.ย. 2564 อ้างเจออุบัติเหตุแอดมิทกลางดึกไม่เข้าประชุม กมธ.งบประมาณ-พ.ร.ก.กู้ 5 แสนล้าน
15 ธ.ค. 2564 อ้างมีธุระด่วนกับญาติไม่มาสภาโหวตคว่ำคำสั่ง คสช.ญัตติที่ก้าวไกลเสนอ
อย่างไรก็ตาม ได้มีกองเชียร์พรรคก้าวไกลคอมเมนต์ด้วยว่า ผิดหวังในตัวนายพิธามากๆ เพราะทุกครั้งที่มีการโหวตสำคัญ จะมีเหตุสุดวิสัยตลอด ซึ่งอาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญด้วย
แน่นอน, สิ่งที่สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจน ก็คือ ความเสื่อมทรามของคนบางกลุ่ม ที่ไม่แยกแยะผิด-ถูก ไม่แยกแยะว่า ลูกกับพ่อ คนละส่วนกัน และไม่แยกแยะการนำการเมืองมาโจมตีฝ่ายตรงข้าม ทำให้เห็นถึงการแสดงออกที่ไม่สร้างสรรค์ ไม่สมกับการอ้างตัวเองเป็น ฝ่ายก้าวหน้า เป็นอนาคตของประเทศ ซึ่งถ้าประเทศมีคนเหล่านี้เป็นอนาคต เห็นทีจะเต็มไปด้วยความวุ่นวาน สังคมขัดแย้งแตกแยกอย่างหนัก จนอาจนำไปสู่กลียุคก็เป็นได้?
และไม่เพียงเท่านั้น ที่เห็นได้ชัดอีกอย่างคือ เกมการเมืองที่ใช้การเคลื่อนไหวของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ ม็อบ 3 นิ้ว เป็นเครื่องมือ รวมทั้งการเล่นเกมแย่งชิงมวลชน ของพรรคการเมือง จนกลายเป็นกระแสร้อนโจมตีกันอย่างรุนแรงในโลกโซเชียล ทั้งฝ่ายสนับสนุนม็อบ 3 นิ้ว สาวกหรือ ติ่งพรรคการเมือง พูดได้ว่า ล่อกันแบบทางใครทางมัน ไม่สนใจความเป็นเหตุเป็นผลแต่อย่างใด
เหนืออื่นใด สิ่งที่เกิดขึ้น นับวันสะท้อนให้เห็นความเป็นฝักฝ่าย การเลือกข้าง การเลือกถือหางทางการเมือง และเกมการเมือง ที่หวังโหนกระแสเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง
และที่น่าเศร้าใจ ก็คือ แต่ละฝ่ายแต่ละข้าง ดูเหมือนไม่สนใจความถูกต้อง ผิด-ชอบ ชั่ว-ดี ทั้งที่คนที่พวกเขาขัดแย้ง ต่อสู้ด้วยอย่างเอาเป็นเอาตาย ก็คือ คนไทยด้วยกัน เศร้ามั้ย!?