xs
xsm
sm
md
lg

ฟัดกันเละ! “ประวิตร-โบว์” ฟาด ทัวร์ 3 นิ้ว โจมตี “ลูกตั้ว ศรัณยู” แฉยับ “บุ้ง” 18 มงฯ “สมยศ” ขอเงินม็อบ “เลิก 112”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ  “ประวิตร ข่าวสด” เบรกทัวร์สามนิ้ว ไม่เห็นด้วยโจมตี “ลูกหนัง” ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
พวกเดียวกันยังหน่าย! “ประวิตร ข่าวสด” เบรกทัวร์สามนิ้ว ไม่เห็นด้วยโจมตี “ลูกหนัง” ด้าน “โบว์” ฟาดแรง อันธพาลออนไลน์ แฉ “บุ้ง 18 มงฯ” ร่วมมือคู่อริ “ต้อม” สร้างหลักฐาน ขู่ ตร.ดำเนินคดี ขอเงินจัดม็อบ “สมยศ” ไม่สำนึก

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (1 ธ.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น พวกเดียวกันยังรับไม่ได้! “ประวิตร ข่าวสด” เบรกทัวร์สามนิ้ว? ไม่เห็นด้วยโจมตี “ลูกหนัง” ด้าน โบว์ ฟาดแรง อันธพาลออนไลน์?

โดยระบุว่า จากกรณีวานนี้ (30 พ.ย. 64) มีประเด็นพูดถึงกันอย่างมาก เรื่อง “ลูกหนัง” ศีตลา วงษ์กระจ่าง ลูกสาวคนสวยของ ตั้ว ศรัณยู และ เปิ้ล หัทยา ที่เพียรพยายามฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มากมาย จนกระทั่งได้รับข่าวดีจากวง H1-KEY ซึ่งเป็น เกิร์ลกรุ๊ปใหม่ จากค่าย GLG (Grandline Group) ที่เตรียมเดบิวต์อย่างเป็นทางการในวันที่ 5 มกราคม 2022 และกำลังจะไปสร้างชื่อเสียงในระดับโลก

ซึ่งทำให้กลุ่มแนวร่วมสามนิ้ว ออกมาโจมตีกันอย่างมาก เนื่องจากว่า ตั้ว ศรัณยู ถือว่าเป็นหนึ่งในนักเคลื่อนไหวเพื่อประเทศชาติคนหนึ่ง เป็นแกนนำในกลุ่ม กปปส.โดยหลายๆ คนเข้ามาโจมตี น้องลูกหนัง ด้วยถ้อยคำหยาบคายต่างๆ นานา มากกว่านั้นคือ การด่าทอไปถึงบุพการี เพียงเพราะแนวคิดทางการเมืองไม่ตรงกัน บางคนถึงกับประกาศไม่ขอสนับสนุนวงนี้

ภาพ “ลูกหนัง” ศีตลา วงษ์กระจ่าง เมื่อครั้งไปร่วมม็อบกับพ่อ ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
ต่อมา นายประวิตร โรจนพฤกษ์ นักเคลื่อนไหว และผู้สื่อข่าวอาวุโสข่าวสดภาคภาษาอังกฤษ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีดังกล่าว ว่า

“ศาลตัดสินลงโทษ ยังลงโทษลูกเมียแทนมิได้ เราจึงมิสมควรลงโทษและบอยคอตหญิงคนหนึ่งเพราะสิ่งที่พ่อเธอก่อ (เธอเป็นเพียงตัวประกอบในการชุมนุมที่ไม่มีใครสนใจ จนกระทั่งจะเดบิวต์กับวง K Pop แล้วพบว่าเป็นลูกตั้ว ศรัณยู - และถามจริงว่า ถ้าลูกหนังมิใช่ลูกของตั้ว ศรัณยู จะมีใครสนใจประเด็นนี้ไหม? เกลียดชังขนาดนี้ไหม?)

ผมไม่เห็นด้วยกับการกดดันลูกหนังเพื่อลงโทษกับกรรมที่ ตั้ว ศรัณยู ทำ นี่มืใช่ความยุติธรรม แต่มันคือการล้างแค้นอย่างไม่ถูกต้อง เราควรจะมองไปในอนาคต มิใช่จมปลักอยู่กับความเกลียดชังในอดีต”

ขณะที่ น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือ โบว์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ก็ได้พูดถึงกรณีดังกล่าวด้วยว่า

“#lisa #SITALA https://twitter.com/i/spaces/1vOGwyzQAlvxB… พฤติกรรม Cyber Bullying หรืออันธพาลออนไลน์ มันมีฐานมาจากความเอาแต่ใจตัวเอง จนไม่สามารถจะเคารพสิทธิและให้เกียรติคนอื่นได้ การพยายามใช้เหตุผลกับคนที่ยืนบนความเอาแต่ใจตัวเองจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะในความเอาแต่ใจมันไม่มีพื้นที่ให้เหตุผล”

ภาพ ทะเลาะเบาะแว้ง ธาตุแท้ขบวนการ 3 นิ้ว ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น แฉยับ “บุ้ง 18 มงฯ” ร่วมมือ ว่าที่ “ส.ส.พรรคส้ม” ข่มขู่ตำรวจ ให้ดำเนินคดี “ต้อม-ยุทธเลิศ”
เนื้อหาระบุว่า สืบเนื่องจากกรณี ไอซ์ รักชนก ศรีนอก นักกิจกรรมการเมือง และผู้ช่วย ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ถูก ต้อม-ยุทธเลิศ สิปปภาค ผู้กำกับหนังดัง ตบเข้าที่ใบหน้า เนื่องจากอาการเมา

แต่ ต้อม-ยุทธเลิศ ออกมาเคลื่อนไหวว่า ไอซ์ รักชนก กำลังโกหกเรื่องทั้งหมด ทำให้ บุ๊ง ปกรณ์ หนึ่งในผู้ดูแลเงินบริจาคม็อบ ออกมาปกป้อง ไอซ์ รักชนก พร้อมกับเปิดเผยว่า ต้อม-ยุทธเลิศ กำลังโกหกสังคม

ล่าสุด ผู้ใช้ชื่อทวิตเตอร์ว่า BAD DIRECTOR ซึ่งเป็นทวิตเตอร์ส่วนตัวของ ต้อม-ยุทธเลิศ สิปปภาค ผู้กำกับชื่อดัง ที่โพสต์ข้อความแจกแจงว่า

1. นายบุ้ง 18 มงกุด สั่งให้มาบันทึกเสียง
2. สร้างเรื่องได้ซีนสมใจ
3. ปั่นเรื่องใส่ความ ’เหยื่อ’ ในโซเชี่ยลด้วยความสนุกสนาน
4. แถลงข่าวที่โรงพัก สะดุดที่ยอมรับ สั่งให้กราบตีนจริง

4.1 เสียอาการ ตาลอย ชักไม่แน่ใจว่าโดนตบข้างไหน
4.2 ไม่มีบาดแผล ตำรวจไม่รับแจ้งความทำร้ายร่างกาย
4.3 คลิปเสียงที่แอบบันทึก ชัดเจนว่าสาเหตุคือทะเลาะวิวาท
4.4 โวยจะเล่นงานตำรวจ ตำรวจให้เอาหลักฐานมาเพิ่ม
5. กลับมานำคลิปภาพ (ที่ตัดต่อแล้ว) กลับไปให้ตำรวจ
กดดันจะให้ พนง.รับแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายให้ได้
6. ผู้รู้กฎหมายทายซิว่า ‘ว่าที่ ส.ส.’ ท่านนี้อะโดนเล่นกลับกี่คดี

ภาพ ไอซ์ รักชนก คู่อริ ต้อม- ยุทธเลิศ ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน THE TRUTH โพสต์ประเด็น สมยศไม่สำนึก! เพิ่งได้ประกันคดี ม.112 รีบประกาศนัดศึกใหญ่ธันวานี้ แต่ไม่วายเปิดบัญชีขอบริจาค!

โดยระบุว่า

จากกรณีเมื่อวันที่ 25 พ.ย.64 ที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก หลังจากที่พนักงานอัยการ สำนักงานคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ผู้ต้องหา ม.112 กับพวก กรณีปราศรัยหน้ากรมทหารราบที่ 11 จากนั้นทนายจำเลยได้ยื่นขอปล่อยชั่วคราว โดยศาลได้พิจารณาคำร้องแล้ว อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว นายสมยศ จำเลยที่ 3 โดยมีประกันในวงเงิน 200,000 บาท โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยทำกิจกรรม ที่จะทำความเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ให้มาศาลตามนัด

พร้อมกับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว น.ส.พิมพ์สิริ, น.ส.ณัฎฐธิดา หรือ แหวน จำเลยที่ 4- 5 โดยมีประกันในวงเงินคนละ 100,000 บาท และห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาต กับห้ามจำเลยที่ 4-5 ทำกิจกรรมที่จะทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว น.ส.อินทิรา หรือ ทราย เจริญปุระ จำเลยที่ 6 โดยมีประกันในวงเงิน 35,000 บาท และห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาต ห้ามจำเลยที่ 6 ทำกิจกรรมที่จะทำความเสื่อมเสีย ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

โดย นายสมยศ เปิดเผยว่า ขอขอบคุณศาลที่วันนี้ให้สิทธิพวกเราได้ประกันตัวเพื่อที่จะได้ต่อสู้คดี พิสูจน์เจตนารมณ์ของกลุ่มราษฎรเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของบ้านเมืองและต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ก้าวหน้าและเป็นการประกันว่าพวกเราจะมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

“ผมเองเป็นห่วงหลายคนที่ยังถูกคุมขังอยู่ในขณะนี้ ก็หวังว่าพวกเขาจะได้รับสิทธิในการประกันตัวโดยเร็วที่สุด”

ล่าสุด นายสมยศ ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีการล่ารายชื่อเสนอกฎหมายยกเลิกมาตรา 112 ทะลุหลักแสนแล้ว พร้อมกับบอกว่า มีการเตรียมการที่จะทำศึกใหญ่ โดยระบุข้อความว่า

“เตรียมทำศึกใหญ่ ขอปัจจัยสนับสนุน
จำนวนประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมายยกเลิกมาตรา 112 ทะลุหลักแสนแล้ว คณะราษฎรยกเลิก 112 เตรียมทำศึกใหญ่ เร็วๆ นี้ ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนผนึกกำลังสนับสนุนปัจจัยเพื่อการเคลื่อนไหว “จ๊วดจ๊าดประกาศศึก” เร็วๆ นี้ สมทบทุนด้วยการโอนเงินในนามของ สมยศ พฤกษาเกษมสุข ปัญญารัตน์ นันทภูสิตานนท์ ธนาคารกสิกรไทย เลขที่บัญชี 114-1-49XXX-X

ในขณะที่ทางเพจ กองทุนราษฎรประสงค์ ได้โพสต์ข้อความว่า เรียน ราษฎรที่เคารพ หลังจากที่เมื่อวานนี้เราได้ขอแรงทุกท่านเติมกำลังกลับมายังกองทุนประกันตัวประชาชนของพวกเราทุกคนนั้น ปรากฏว่า หลังจากที่เมื่อเช้าวานนี้ยอดเงินลดฮวบลงไปอยู่ที่ราว 781,374.42 บาท ครั้นเช้าวันนี้ ยอดเงินกลับพรวดขึ้นมาอีกเป็นจำนวนถึงเกือบเท่ากันกับจำนวนที่มีอยู่เดิม คือเพิ่มมาอีก 747,569.55 บาท โดยแบ่งเป็นยอดรับวันที่ 30 พ.ย. คือเมื่อวานนี้ 671,077.07 บาท และยอดรับจนถึง ณ เวลา 08.15 น. ของเช้าวันที่ 1 ธ.ค. นี้อีก 76,492.48 บาท ทำให้ตอนนี้ยอดเงินในบัญชีกองทุนราษฎรประสงค์มีอยู่รวมทั้งสิ้น 1,488,343.97 บาท

ภาพ ขอเงินจัดม็อบ “สมยศ” ไม่สำนึก ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
เงินจำนวนนี้น่าจะเพียงพอสำหรับการประคองสถานการณ์ไปได้อีกระยะ และหวังว่าจะประคองไปได้ถึงราวกลางเดือนธันวาคมนี้ซึ่งจะครบกำหนดที่กองทุนฯจะได้รับเงินประกันคืนจากศาลในหลายคดีที่อัยการยังไม่สั่งฟ้องภายในกำหนดฝากขัง โดยนายประกันในคดีต่างๆ เหล่านั้นได้ทยอยทำเรื่องขอรับคืนไว้ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว เพื่อให้เราสามารถนำเงินกลับมาหมุนสำรองไว้ในบัญชีสำหรับการวางประกันคดีต่อไปพลางๆ จะได้ไม่ต้องรบกวนประชาชนด้วยกันในยามยากนี้มากเกินไป ทั้งนี้ หากว่าเราได้รับเงินเหล่านั้นคืนจากศาลเมื่อใด ก็จะได้นำมาแจ้งต่อทุกท่านทางหน้าเพจกองทุนฯเช่นเคย...

แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจอย่างมาก ก็คือ การทำตัวเป็นอันธพาลออนไลน์ หรือ “ทัวร์ลง” ของเหล่า “สาวก 3 นิ้ว” ในสังคมออนไลน์ ที่นับวันจะทำตัวเสื่อมทราม ไม่มีวุฒิภาวะ ไม่มีกาลเทศะ ไม่สามารถแยกแยะผิด-ชอบ ชั่ว-ดีได้

จนแม้แต่พวกที่สนับสนุนแนวทางต่อสู้ ก็เริ่มรับไม่ได้ เริ่มเหลืออดเหลือทนที่จะยอมนิ่งอยู่ได้ อย่างล่าสุด กรณีโจมตี “ลูกหนัง” ศีตลา วงษ์กระจ่าง ลูกสาวคนสวยของ ตั้ว ศรัณยู และ เปิ้ล หัทยา โดยที่น้องไม่ได้ทำผิดอะไรเลย

มิหนำซ้ำ ยังเป็นความสำเร็จในอาชีพ และความฝัน ที่ควรแก่การร่วมแสดงความยืนดีด้วยมากกว่า

นี่มันอะไรกันนักหนา จะฝังแค้นกันไปชั่วลูกชั่วหลานเลยหรืออย่างไร มันเป็นการต่อสู้เพื่อสร้างสรรค์สังคมที่ดีขึ้น หรือ ต้องการสร้างความขัดแย้งแตกแยก จนล้างเผ่าพันธุ์กันไปข้าง อะไรคือ ความต้องการของพวกเขากันแน่???

แต่ที่น่าคิดอย่างมาก ก็คือ มีไม่กี่คนที่จะออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย หรือ ห้ามปราม รวมทั้งดึงสติ (แต่ไม่เคยรับฟัง) แล้วก็มักจะมีเพียงขาประจำ ที่ไม่ถือหางพวกเดียวกันที่ทำผิดเท่านั้น ส่วนอีแอบทั้งหลาย ส่วนใหญ่ก็มักจะให้ท้าย ยุยงส่งเสริม ไม่แยกแยะผิดถูก ไม่รู้กาลเทศะพอกัน ต่อให้เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย หรือจบดอกเตอร์ก็ตาม

ประเด็นก็คือ สังคมไทยต้องตื่นรู้ให้มากกับคนพวกนี้ ที่แอบอ้างการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยเพียงเปลือกนอก แต่ภายในแก่นแท้ ก็คือ ความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง โดยใช้เด็กนักเรียน นักศึกษาที่อ่อนประสบการณ์เป็นเหยื่อเท่านั้นเอง

จึงไม่น่าแปลกใจที่คนไทยส่วนใหญ่ ไม่ยอมหลงกล หลงเชื่อ กลอุบายต่างๆ นานา ที่สร้างวาทกรรมสวยหรูหลอกล่อ และนับวันจะนำไปสู่ภาวะจนตรอก ที่จะไม่เหลืออะไรให้คนไทยเชื่อถืออีกแล้ว ไม่เชื่อคอยดู!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น