xs
xsm
sm
md
lg

“รถเมล์” รีวิวชีวิตคู่ วิวาห์ครบ 1 ปี มีบ้านสองชั้นแยกกัน - ต้องปรับตัว เหตุไม่เคยอยู่ด้วยกันตลอด 24 ชม. ปีหน้าต้องมีลูก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“รถเมล์ คะนึงนิจ” รีวิวชีวิตมีสามีครบ 1 ปี ต้องปรับตัวเข้าหากัน ลั่นบ้านสองชั้นแยกโซน ต่างคนต่างได้มีพื้นที่ของตัวเอง ปีนี้กลัวโควิด แต่ปีหน้าแพลนปั๊มลูก บอกไม่รับละครเพราะกลัวมีลูก เน้นวิธีธรรมชาติ ยังหวังได้ไปฮันนีมูนที่แอฟริกา

เผลอแป๊บเดียวใช้ชีวิตคู่ มาครบ 1 ปีแล้ว สำหรับ “รถเมล์ คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์” กับสามี “บอล สุเมธ” ล่าสุดรถเมล์ได้เผยว่าเป็นหนึ่งปีที่เร็วมาก ยังอยากไปฮันนีมูนที่แอฟริกา แม้โอกาสจะยากเต็มที และตั้งใจจะมีลูกปีหน้าที่จะถึงนี้
 
“ครบหนึ่งปีแล้ว เร็วมาก เหมือนเป็นหนึ่งปีที่ไม่ค่อยได้ทำอะไรมากขึ้นกว่าเดิมเยอะเท่าไหร่เลย เพราะด้วยสถานการณ์ต่างๆ การเดินทาง เพราะว่าปกติการแต่งงานมันก็จะต้องมีฮันนีมูนที่เราจะต้องไปไหนสักที่ แต่นี่ก็ไม่ได้ไปไหน ส่วนใหญ่ก็คือจะไปทำงาน

แพลนฮันนีมูนยังมีอยู่ค่ะ แต่คิดว่าน่าจะไม่ได้ไปอีกยาวมากเพราะว่าเราวางแผนกันไว้ว่าจะไปแอฟริกา ตอนนี้ด้วยสถานการณ์ต่างๆ นานา มันคงจะนานมาก จริงๆ กว่าที่ทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติแล้วเราสามารถเดินทางได้ ตอนนั้นเราอาจจะมีลูก จนลูกโตแล้วหรือเปล่ายังไม่รู้เลย”

เผยแอฟริกาเป็นจุดหมายที่วางไว้ตั้งแต่ก่อนแต่งงาน
“ที่ไทยก็ไป ในไทยก็ไปอยู่ แต่จริงๆ แอฟริกามันเป็นจุดหมายปลายทางตั้งแต่ก่อนแต่งงานว่าจริงๆ แล้วเราอยากจะไปเที่ยวที่นี่ เราอยากไปดูสัตว์ แต่พอแต่งงานแล้วมันคือจุดหมายที่เราอยากจะไป จริงๆเราอยากจะไปก่อนมีลูกด้วยซ้ำ แต่จริงๆแล้วยังไม่ได้ ก็เออไม่เป็นไรเอาไว้ก่อนก็ได้ค่ะ”

ทานอาหารร้านเดิมที่เคยมาแต่งงาน
“คือจริงๆ รถเมล์แต่งงานที่ปาร์คนายเลิศ เราก็เลยรู้สึกว่าหนึ่งปีเราก็อยากจะวนเวียนกลับไปที่นั่นอีกครั้งหนึ่ง ให้รู้สึกว่าหนึ่งปีที่แล้วเราแต่งงานที่นี่ เราก็กลับไปทานอาหารที่เดิม มีการใส่เสื้อคู่ จริงๆ ก็คือไม่ มีแค่คู่นี้คู่เดียวที่เป็นเสื้อคู่คุณแฟนก็เลยออกมาแซวว่ามันคู่เดียวจริงเหรอ จริงๆ แล้วมันไม่ได้เคยมีแผนอยู่ในหัวว่าเราจะใส่เสื้อเหมือนกัน แต่แล้วไปเจออันนี้ ดูแล้วว่ารถเมล์ก็ใส่ได้พี่บอลก็ใส่ได้ก็เลยซื้อเก็บไว้ วันสำคัญก็ใส่ทีหนึ่ง

ถามว่าเขาเขินไหม เป็นคนพูดเอง จริงๆ รถเมล์หยิบชุดมาก่อนไม่ใช่ชุดนี้ แล้วเขาก็บอกว่ารถเมล์ใส่เสื้อตัวนี้แล้วกัน แล้วเขาก็หยิบขึ้นมา คือตอนแรกเราไม่ได้คิดจะใส่ไง เขาก็คิดให้”

รีวิวชีวิตคู่หนึ่งปีหลังวิวาห์ ค่อยๆ ปรับตัวเข้าหากัน
“มันก็ปกติดี แต่มันก็มีอะไรที่จะต้องมานั่งปรับตัวเข้าหากันอยู่เหมือนกัน เพราะก่อนหน้านี้เราก็ไม่รู้ว่าการใช้ชีวิตของคุณสามีเขาทำอะไรยังไงบ้างเวลาที่อยู่ที่บ้านของเขาตลอด 24 ชั่วโมง พอไปอยู่ก็ต้องปรับตัวกันไป มีบ้างที่เถียงกัน เพราะเราก็ใช้ชีวิตแบบเป็นตัวเองมากๆ ไม่ใช่ว่าคนนั้นต้องพยายามเป็นแบบโน้นแบบนี้ ก็เลยค่อยๆ ปรับตัวเข้าหากันไป”

ลั่นมีบ้านสองชั้นแยกกัน ให้ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเอง
“ก็ต่างนะ พูดถึงการใช้ชีวิตคล้ายๆ กัน ไปดูต้นไม้เดิน Shopping แล้วก็เป็นคนที่ไม่ได้เที่ยวกลางคืนเหมือนกัน แต่การใช้ชีวิตหมายถึงเราเป็นคนชอบเงียบๆ อย่างเช่นเรากลับบ้านไป เราก็อยากจะอยู่ในห้องที่เงียบๆ ในขณะที่คุณสามีชอบดูหนังดูซีรีส์ เปิดโทรทัศน์เครื่องเสียงกระหึ่ม มันก็เลยกลายเป็นว่า เวลาเรากลับไปเราก็จะบอกว่าพี่เบาได้ไหม สุดท้ายก็เลยมีแบบสองชั้นแยกกัน ถ้าเขาอยากดูหนัง ดูอะไรก็จะไปดูห้องข้างบน ส่วนเรากลับบ้านมาตอนเย็นหลังจากทำงานเสร็จเราก็จะอยู่ข้างล่าง รถเมล์ว่าชีวิตคู่มันก็ต้องปรับตัวเข้าหากันแหละ เพราะเราไม่รู้จริงๆ ว่าคนคนหนึ่ง 30 กว่าปีเขาใช้ชีวิตมายังไง เราอยู่กับครอบครัวเราก็จะใช้ชีวิตอีกแบบหนึ่ง พอวันหนึ่งที่จะต้องมาอยู่ด้วยกันมันก็ค่อยๆ ปรับกันไป

ถามว่าเวลาโกรธใครเป็นคนยอม ก็แล้วแต่กันไป ถ้าใครผิดหรืออันนี้มันอะลุ่มอล่วยกันได้ก็ยอมรับไป หรือเรารู้สึกว่าเออไม่เป็นไรเปิดก็ได้เดี๋ยวเราไปหาที่อยู่ตรงอื่นเองก็ได้เราก็ใช้วิธีการอะลุ่มอล่วยกันไป (มีเวลาที่เราต้องง้อไหม?) มีเหมือนกันเวลาคนนั้นเขางอน คือเวลางอนเราก็จะต้องดู เพราะว่าบางทีเขาโกรธเขาก็จะปรี๊ด อีกแป๊บนึงเขาก็จะเบาลงเองแล้วเราค่อยคุยตอนนั้น เพราะว่าถ้าไปเคลียร์แต่ต้นเลยเดี๋ยวจะเป็นเรื่อง ต้องดูแล้วแต่เหตุการณ์ เสียงสองกับสามี รถเมล์ไม่ค่อยนะ ปกติจะคุยแบบนี้เลยค่ะ เขาก็ไม่มีเสียงสองกับเราเหมือนกัน”

ไม้ตายง้อ
“คือนิ่งๆ แล้วก็พูดดีๆ เดี๋ยวก็หายเอง แต่ถ้าจะเถียงเสียงแข็งไปด้วยกันจะไม่จบ”

วางแผนปีหน้ามีลูก
“จริงๆ แล้ววางแผนว่าปีหน้านะคะ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมีได้หรือเปล่า เพราะว่าเราพูดได้แต่ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วเขาจะมาไหม ถามว่ากังวลเรื่องอะไรอยู่ เรื่องสถานการณ์ต่างๆ นานาในชีวิตนี่แหละ ด้วยความที่มันมีโควิด เราก็จะกลัวเวลาที่เราต้องออกไปทำงานข้างนอกเจอผู้คน ทำงานเจอโควิดติดโควิดอะไรแบบนี้ มันก็กังวล คือก่อนหน้านี้มีญาติรถเมล์ที่เขาติดโควิดตอนที่ท้องมันดูแบบทุลักทุเลมาก เราเลยตัดสินใจว่าปีนี้ไม่มีน้อง ด้วยเหตุผลเพราะโควิด เรากลัว

จะลองวิธีธรรมชาติก่อน เพราะอย่างก่อนหน้านี้เรามีการปรึกษาคุณหมอและเก็บไข่ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ตั้งแต่งงานแรกๆ เพราะเราก็กังวลนี้แหล่ะเพราะอายุก็ไม่ได้ใช่น้อยแล้ว จะมีอีกทีหนึ่งหรือเปล่ายังไงก็ค่อยว่ากัน

(ถ้าปีหน้าโควิดยังไม่หมด เพราะตอนนี้มีสายพันธุ์เข้ามาใหม่ ก็คือต้องเลื่อนอีก?) คือแก่แล้ว คือมันก็พูดยาก จริงๆ คุณแม่รถเมล์เองแล้วก็คุณแม่ของพี่บอลเขาก็อยากมีหลานแล้ว แล้วรถเมล์ปีนี้ 36 แล้ว คือถ้าไปมากกว่านี้ก็อันตราย แต่ก็ภาวนาว่าทุกอย่างมันจะดีขึ้น ก็อาจจะเป็นปีหน้านั่นแหละ แต่ก็ต้องดูสถานการณ์อีกทีว่ามันจะรุนแรงไปขนาดไหน

ไม่รับละคร กลัวมีลูก
“ปีหน้าก็คงต้องมีค่ะ ใช้คำว่าต้องมีเนาะ ก็ปีหน้าอีกยาวอยู่ 12 เดือน ก็เดี๋ยวค่อยว่ากัน แต่ว่าก็แพลนเรื่องละครก็คือขยับไปไว้ก่อนแล้ว กลัวว่าละครยังถ่ายอยู่แล้วยังถ่ายไม่เสร็จ ดันมีน้องเดี๋ยวกลายเป็นปัญหาของกองละครต้องมารอ ตอนนี้ก็เลยยังไม่ได้รับละคร แต่ตอนนี้ก็ยังถ่ายละครอยู่ยังถ่ายไม่เสร็จเลยของพี่ตั้ว ศรัณยู สองปีกว่าแล้ว ตอนนี้ทีมงานก็พยามกลับมาถ่ายกันอยู่ ไปหาคิวนักแสดงหลายๆ ท่านเพื่อที่จะให้เวลามันตรงกัน ถามว่าถ้าปีหน้ามีลูกงานในวงการต้องพักหายไปเลยไหม ก็ต้องไปดูอีกทีหนึ่ง มันตอบยากจริงๆ นะ มันแพลนชีวิตยากถ้าจะมีน้อง แต่ถ้าสมมุติคิดเยอะๆ มันก็จะมีลำบากเลย”







กำลังโหลดความคิดเห็น