ข่าวปนคน คนปนข่าว
**บูลลี่ "ลูกหนัง ศีตลา" เรื่องต่ำตมของคนต่ำช้า
โลกโซเชียลฯร้อนแรงด้วยกระแสที่ถูกปลุกขึ้นมาโจมตี บูลลี่ "น้องลูกหนัง" ศีตลา วงษ์กระจ่าง ลูกสาวฝาแฝดผู้น้อง ของอดีตพระเอกรุ่นใหญ่ "พี่ตั้ว" ศรัณยู วงษ์กระจ่าง และเปิ้ล หัทยา ด้วยการปั่นแฮชแท็ก
#แบนลูกหนัง และต่อเนื่องด้วย #แบนลูกสลิ่ม ขึ้นมาจนติดเทรนด์ทวิตเตอร์ ขณะเดียวกันก็กำลังเกิดกระแสตีกลับเห็นใจ ว่าที่ศิลปินสาวชาวไทยด้วย
เสียงให้กำลังใจและสนับสนุนเธอ โดยผุดแฮชแท็ก #WeSupportSITALA ขึ้นมาสู้ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
เรื่องนี้เกิดขึ้นมา จากกรณีที่มีการเปิดเผยว่า “ลูกหนัง” กำลังเตรียมเดบิวต์เป็น 1 ในไอดอลวงเกิร์ลกรุ๊ปน้องใหม่ของเกาหลี ในชื่อวง H1-KEY หรือ ฮายคีย์ ของค่าย GLG หรือ Grandline Group ซึ่งในวงมีสมาชิก 4 คน คือ ชินยอง, เยจิน, ซึงฮยอน และ “ลูกหนัง” ศีตลา วงษ์กระจ่าง จากประเทศไทย โดยน้องลูกหนัง ได้ใช้ชื่อในวงการว่า “ศีตลา” หรือ SITALA ที่กำหนดจะเดบิวต์อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 5 มกราคม 2565 นี้
หลังจากนั้น ทวิตเตอร์ของวง H1-KEY ได้โพสต์เปิดตัวสมาชิกทั้ง 4 คน โดยในส่วนของ “ลูกหนัง” นั้นมีการแนะนำตัว ว่าเป็นคนไทย สูง 173 ซม. เป็นแฟชั่นนิสต้า มีพ่อเป็นต้นแบบ ศิลปินคนโปรด คือ เทย์เลอร์ สวิฟต์ พร้อมติดแฮชแท็ก #SITALA
ต่อมาเรื่องก็เป็นดรามา เมื่อมีชาวไทยกลุ่มหนึ่งเข้าไปวิพากษ์วิจารณ์ ขุดประวัติ กล่าวหาพฤติกรรมของเธอโยงเข้ากับเรื่องการเมือง พูดไปถึงพ่อ “ตั้ว ศรัณยู” ที่เคยเป็นแกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 และสนับสนุน กกปส. กล่าวหาวา มีส่วนสำคัญในการปลุกระดมคนให้ออกมาม็อบจนให้เกิดรัฐประหาร เมื่อปี 2549 และ 2557 นำมาซึ่งเผด็จการทหารสืบทอดอำนาจมาถึงปัจจุบัน
มิหนำใจ ยังโยงดรามาซ้อนดรามา จากที่ “น้องลูก” หนังเป็นแฟนคลับ “เทย์เลอร์ สวิฟต์” นักร้องดัง แต่เพราะเธอมีส่วนให้เกิดรัฐประหารเป็นเหตุให้ “เทย์เลอร์ สวิฟต์” ต้องยกเลิกคอนเสิร์ต Red Tour ในประเทศไทย ทั้งที่ขายบัตรหมดแล้ว
เรียกว่า อะไรโยงได้ กลุ่มคนเหล่านี้ก็เอามาบูลลี่ไปหมด แม้แต่โยงกรณีในวันที่ “ตั้ว ศรัณยู” เสียชีวิต “สนธิ ลิ้มทองกุล” แกนนำพันธมิตร ก็ไปร่วมงานศพ และมีภาพลูกหนัง และครอบครัวต้อนรับขับสู้อย่างดี ก็ไม่มีข้อยกเว้น
ทว่า ท่ามกลางความเห็นที่เต็มไปด้วยอคติ จิตใจคับแคบ ก็มีคนที่เข้ามาดึงสติให้คิดกันหน่อยว่า สำหรับกับเด็กสาวผู้หนึ่ง ที่มีความมานะบากบั่น ไล่ตามความฝันจนใกล้จะเดบิวต์ เป็นศิลปินสร้างชื่อในต่างแดนในคนไทยได้ เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมยินดีมิใช่หรือ ?
ต้องไม่ลืมว่า “ลูกหนัง” นั้นเธอเรียนจบปริญญาตรี จาก Ewha Womans University ประเทศเกาหลีใต้ เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงเกาหลี ด้วยการเป็นนางแบบภายใต้สังกัด YGKPlus ต่อมาได้เข้าไปเป็นเด็กฝึกหัดในค่าย LIONHEART ของพรรค์นี้ไม่ได้จู่ๆ จะทำกันได้ง่ายๆ เรียกว่าเป็น “คนมีของ” ค่ายเขาถึงเลือก อีกทั้ง “ลูกหนัง” พูดได้ 4 ภาษา ไทย อังกฤษ เกาหลี จีน สำเนียงเสียงร้องมีเสียงเอกลักษณ์เฉพาะตัว ถนัดการแร๊ปและการใช้เสียง แต่งเพลงได้ ถือเป็นลูกไม้ที่หล่นไม่ไกลต้นของพ่อและแม่
เมื่อขั้นแรกของความสำเร็จ จากความพยายาม และการที่ “ลูกหนัง” ซึ่งเป็นคนไทยสามารถไปเติบโต และฟันฝ่าไปจนถึงขั้นได้เดบิวต์เป็นศิลปินเกาหลีได้ หรือ โกอินเตอร์ คนไทยก็ควรสนับสนุน แต่ถ้าไม่สนับสนุน ก็ไม่ควรขัดขวาง
สำหรับสิ่งที่รุ่นพ่อทำ ก็ไม่ควรเกี่ยวกับรุ่นลูก และไม่ควรจะเป็นลูก ที่ต้องมาชดใช้และจ่ายค่าความเสียหาย ด้วยอนาคต และความทุ่มเทพยายามที่ทำมาทั้งหมด ดังนั้นอย่าทำลายความฝันกันเลย ควรต้องให้โอกาสเธอ
และหากคิดด้วยใจเป็นธรรม ก็มีหลายๆคนมองว่า บทบาทของ “พี่ตั้ว ศรัณยู” ทำลงไปในตอนนั้น ก็เหมาะสมกับสถานการณ์บ้านเมืองในเวลานั้นแล้ว อีกทั้งการที่ประเทศมาอยู่ในจุดนี้ ก็มีตัวแปรหลายอย่าง ไม่ควรกล่าวโทษใครคนใดคนหนึ่ง
เรื่องที่พ่อทำแล้วมาลงกับลูกนี้มีหลายคนออกมาแสดงความเห็น เช่น “ณัฏฐา มหัทธนา” หรือ “โบว์” นักเคลื่อนไหวทางการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า ไม่ทราบว่าคนที่โจมตี “ลูกหนัง”อยู่นี่ จะรู้หรือไม่ว่าคนที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตยปัจจุบันจำนวนมากก็เคยเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ และมีคนระดับแกนนำที่เคยเป่านกหวีดมาทั้งบ้านเช่นกัน การแสดงออกทางการเมือง เป็นสิทธิและปัจเจกบุคคลมีหน้าที่รับผิดชอบตามกฎหมายอยู่แล้ว การโจมตีถึงขั้นอยากทำลายอนาคตลูกหลาน คือวัฒนธรรมศาลเตี้ยที่ล้าหลังมาก ต้องไม่ร่วมสร้างบรรทัดฐานที่เสื่อม
ขณะ “บก.ลายจุด” สมบัติ บุญงามอนงค์ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เป็นแนวร่วมฝ่ายประชาธิปไตยเองก็รับไม่ได้ กับพฤติกรรมของคนที่เหยียด “น้องลูกหนัง”กลุ่มนี้ โดยโพสต์เฟซบุ๊กยกประสบการณ์ตรงของตัวเองในประเด็น "เมื่อศัตรูไล่ล่าลูกสาวผม" เล่าถึงความเลวร้าย ที่คนเห็นต่างทางความคิด ไม่คิดจะไม่แยกแยะระหว่างของตัวเองและลูก เอามาเปรียบเทียบ
งานนี้บอกได้คำเดียว ใครที่ก่นด่า แบน หรือบูลลี่ “น้องลูกหนัง” อย่างที่ไม่แยกแยะ ไม่มีสามัญสำนึก คนดีๆ มีสติเขาไม่ทำกันหรอก นอกจากจะเป็นเรื่องต่ำตมของคนต่ำช้า เท่านั้น!!
**“ลุงตู่”บุกคำชะโนด ขอพรพ่อปู่ แม่ย่า ให้โควิดหมดไป ผู้คนสามัคคี คอหวยมีเฮ!!
คึกคักกันทั้งเมืองอุดรฯ เมื่อ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยกทีมใหญ่ลงพื้นที่ พร้อมกับ“ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ซึ่งปกติจะแยกกันไป แต่ครั้งนี้ไปด้วยกันเป็นครั้งแรก แล้วยังมี “รองสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” รมว.พลังงาน “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รมว.คมนาคม “สุชาติ ชมกลิ่น” รมว.แรงงาน “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.อุตสาหกรรม “ทรงศักดิ์ ทองศรี” รมช.มหาดไทย และ “อธิรัฐ รัตนเศรษฐ” รมช.คมนาคม ร่วมทริป
จุดแรกที่คณะของลุงตู่ไปก็คือที่วัดป่าบ้านตาด นมัสการ หลวงพ่อสุธรรม สุธัมโม เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด เป็นการเอาฤกษ์เอาชัย ก่อนตรวจความก้าวหน้าการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน )
จากนั้นก็เข้าเมืองไปประชุม ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เกี่ยวกับการพัฒนา จ.อุดรธานี ให้เป็นศูนย์กลางของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง... ช่วงนี้ “ลุงตู่”ถือโอกาสบอกเล่าเมกะโปรเจกต์ที่กำลังทำอยู่ และที่จะทำในอนาคต ทั้งเรื่อง รถไฟฟ้าความเร็วสูงจากกรุงเทพฯ-นครราชสีมา-ขอนแก่น ผ่านอุดรธานี สิ้นสุดที่ จ.หนองคาย และเชื่อมต่อกับระบบรถไฟลาว-จีน พัฒนาสนามบินอุดรฯ ให้รองรับผู้โดยสารได้มากขึ้น ขยายถนน ตัดถนนใหม่ไปเชื่อม สะพานข้ามแม่น้ำโขง แห่งที่ 5 ที่บึงกาฬ ยกระดับให้อุดรฯเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักของภาคอีสาน และเตรียมเป็นเจ้าภาพจัดงานพืชสวนโลกในปี 2569
เมื่อพูดถึงเรื่องยกระดับการท่องเที่ยว ที่ขาดไม่ได้ก็คือต้องไป “คำชะโนด” สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นที่ตั้งของวังพญานาค หรือ “วังนาคินทร์” ที่สิงสถิตของ “พ่อปู่ศรีสุทโธ และแม่ย่าศรีปทุมมา” ที่ผู้คนเลื่อมใสสักการะ เดินทางไปกราบขอพร ทั้งขอให้หายจากโรคร้าย ให้มีความเจริญรุ่งเรืองในตำแหน่งหน้าที่การงาน... และที่โดงดังจนเป็นที่รู้จักกันทั้งประเทศก็คือ เรื่องโชคลาภ ขอหวย
เมื่อ“ลุงตู่”และคณะเดินทางไปที่คำชะโนด คนที่มารอรับต่างรอดูเลขทะเบียนรถที่ลุงตู่นั่งมา ซึ่งเป็นรถยนต์โตโยต้า อัลพาร์ด สีขาว หมายเลขทะเบียน ชธ 5559 ส่วนในช่วงเช้าที่ไปวัดป่าบ้านตาดนั้น เป็นรถโตโยต้า อัลพาร์ด สีดำ หมายเลขทะเบียน กว 5445
หลัง“ลุงตู่”และคณะรัฐมนตรีที่ติดตาม ประคองพานบายศรีเข้ากราบไหว้ขอพร จากพ่อปู่ แม่ย่า แล้วก็ออกมาบอกว่าได้อธิษฐาน ขอให้ประเทศชาติและประชาชน มีความสุข ขอให้โควิดหมดสิ้นไป ประเทศไทยเจริญก้าวหน้าในทุกมิติ ประชาชนรักใคร่ สามัคคี ปราศจากความขัดแย้ง และขอให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปด้วยความเรียบร้อย...
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะให้คำมั่นสัญญากับชาวอุดรธานี ว่าจะอยู่ครบเทอมหรือไม่ “ลุงตู่” บอกว่า ไม่จำเป็นต้องให้คำมั่น เพราะขึ้นอยู่กับกระบวนการสภา และมาที่อุดรธานีครั้งนี้ รู้สึกอบอุ่นมาก
ก่อนกลับ“ลุงตู่” ยังได้เหมาลอตเตอรี่ ประมาณ 20 ใบที่ยังขายไม่ออก เพราะส่วนใหญ่เป็นเลข 00 ที่นักเสี่ยงโชคไม่ค่อยซื้อกัน
คล้อยหลัง “ลุงตู่” ออกจากคำชะโนดไม่นานนัก ก็เป็นเวลาการออกสลากกินแบ่ง เลขท้ายสองตัว และรางวัลที่ 1 ปรากฏว่า เลขท้ายสองตัว ออก 82 และ เลขท้ายรางวัลที่ 1 คือ 258 ซึ่งไม่ตรงกับเลขทะเบียนรถทั้งสองคันของ “ลุงตู่” ที่นั่งมา คอหวยส่วนใหญ่เลยไม่ได้เฮ แต่ก็บอกว่า
“ลุงตู่” มาในวันหวยออก และกระชั้นชิดไปหน่อย ซื้อไม่ทัน แต่ก็จะตามต่อเพราะอาจจะไปออกงวดหน้า หรืองวดต่อไปก็ได้ เป็นการให้ของขวัญส่งท้ายปีเก้าต้อนรับปีใหม่พอดี
ถึงกระนั้นก็มีระดับ“เซียนหวย”ตัวจริงที่ได้เฮ!! บอกลูงตู่มาเที่ยวนี้ ให้เลขตรงๆเลย พร้อมเฉลยว่านี่เป็นครั้งแรกที่ “ลุงตู่” กับ “ลุงป้อม” ก็คือ “2ป” ลงพื้นที่ด้วยกัน... “2ป” ก็คือ 28-82 !!