โฆษกพรรคพลัง เผย “นโยบายเศรษฐกิจฐานราก” มุ่งเน้นแก้ปัญหาปากท้องเป็นหลัก แจงสามารถขับเคลื่อนเป็นนโยบายสาธารณะ ชี้ เมื่อเป็นรัฐบาล สามารถทำได้ทันที ระบุนโยบายที่ปล่อยออกมา ถูกใจพี่น้องประชาชนทุกสาขาอาชีพแน่นอน
วันนี้ (20 ธ.ค.) นายวิสิทธิ์ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลัง กล่าวว่า หลังจากการประชุมใหญ่สามัญที่ผ่านมา ได้มีสมาชิกเข้าร่วมประชุมและเลือกตั้ง กก.บริหารพรรคพลัง ชุดแรก วาระ 2564-2568 โดยได้เปิดแคมเปญ “นโยบายเศรษฐกิจฐานราก” ที่มุ่งเน้นแก้ปัญหาปากท้องเป็นหลัก ซึ่งได้นำปัญหาต่างๆ มาวิเคราะห์ Demand &Supply ทางเศรษฐศาสตร์ แล้วมาออกในชื่อนโยบายต่างๆ ซึ่งสามารถขับเคลื่อนเป็นนโยบายสาธารณะ เมื่อเป็นรัฐบาล สามารถทำได้ทันที่ นโยบายที่ปล่อยออกมา ถูกใจพี่น้องประชาชนทุกสาขาอาชีพแน่นอน
โฆษกพรรคพลัง กล่าวอีกว่า โดยเฉพาะภาคเกษตรกร ภาคครัวเรือนและอุตสาหกรรมต่างๆ ทำให้ประชาชนทุกคนได้รับประโยชน์กันถ้วนหน้า และจะทยอยปล่อยหมัดเด็ดนโยบายพรรคให้ประชาชนรับทราบ เพื่อส่งให้ตัวแทนพรรคตามเขตเลือกตั้งต่างๆ ในทำความเข้าใจและขายนโยบายได้ ซึ่งพรรคพลัง จะเน้นนโยบายเศรษฐกิจที่จับต้องได้เป็นหลัก “ไม่ขายฝัน” จะทำให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดี เข้าถึงโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างคนจน/คนรวย ต้องเท่าเทียมกัน จะต้องได้รับการเยียวยา ฟื้นฟูและแก้ไข ดังนั้น นโยบายพรรคที่ปล่อยออกมา เป็น “สัญญาประชาคม” ที่พรรคจะขับเคลื่อนนโยบายให้ประชาชนฐานรากได้เข้าถึงโอกาสทุกคน ในฐานะที่เป็นพรรคการเมือง “สายกลาง” ไม่มุ่งเล่นแต่การเมืองและไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่จะสร้างโอกาสดีๆให้เกิดขึ้นในสังคมไทย
“พรรคมองว่าปัญหาสังคมที่สะสมมานานเกิดจากปัญหาทางเศรษฐกิจและความเหลื่อมล้ำ เป็นหลัก เพราะฉะนั้น พรรคพลัง จึงมุ่งเน้นในการแก้ไขปัญหาปากท้องให้กับประชาชน ซึ่งนโยบายเศรษฐกิจฐานราก (เกิด-ตาย) จะเพิ่มความมั่นคงในชีวิตให้กับประชาชนทุกคน ได้แก่ “นโยบายประกันสุขภาพฟรี” “นโยบายลูกรักของครอบครัว” “นโยบายเรียนฟรีอนุบาลถึงระดับปริญญาตรี” “นโยบายอาหารกลางวัน” “นโยบายเรียนจบไม่ตกงาน” นโยบายแรงงาน ยังให้ความสำคัญกับลูกจ้างที่ตกงาน จะต้องดูแลค่าครองชีพรายเดือน เดือนละ 10,000 บาท ภายในระยะเวลา 18 เดือน หรือ 1 ปี 6 เดือน ซึ่งไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง นโยบายที่ปล่อยออกมา ที่น่าสนใจ คือ “นโยบาย 1 หมู่บ้าน 1 ปริญญาเอก” “นโยบาย 1 ตำบล 1 แพทย์ในฝัน” “นโยบายฟื้นฟูกองทุนหมู่บ้าน กองทุนละ 20 ล้านบาท” “นโยบายกองทุนบทบาทสตรี ระดับตำบล ตำบลละ 20 ล้านบาท” “นโยบายบำนาญประชาชน เดือนละ 5,000 บาท “นโยบายคนไทยไม่ทิ้งกัน” สนับสนุนค่าจัดการทำศพ รายละ 10,000 ต่อศพ นอกจากนี้ ที่เอาใจ ด่านหน้าสาธารณสุขระดับหมู่บ้าน “นโยบายเพิ่มค่าตอบแทนให้กับ อสม.” เดือนละ 5,000 บาท
ทั้งในส่วนของระบบข้าราชการประจำ”นโยบายเพิ่มเงินเดือนข้าราชการ พนักงานลูกจ้างของรัฐ 30%” เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน พร้อมโบนัส และเพิ่มฐานอายุราชการให้คนมีประสบการณ์ในการทำงานเรื่องระยะเวลาเกษียณอายุราชการ นโยบายเพิ่มอายุเกษียณราชการ 65 ปี แถมด้วย เพิ่มเงินบำนาญข้าราชที่เกษียณอายุราชการ 25% นอกจากนี้ ปัญหา ความไม่คล่องตัวของการท่องเที่ยว และขาดสภาพคล่อง “นโยบายตั้งธนาคารท่องเที่ยว” เพื่อให้อุตสาหกรรมทั้ง ผู้ประกอบการรายใหญ่ รายย่อย รวมถึงบริษัทท่องเที่ยว เข้าถึงเงินทุนได้โดยง่ายและกระตุ้นระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนได้รวดเร็ว และนโยบายประกันราคาน้ำมันเชื้อเพลงทุกชนิดราคาไม่เกินลิตรละ 20 บาท” ซึ่งพรรคพลัง เป็นรัฐบาล จะเข้าไปคุมราคาน้ำมันให้เหมือนกับต่างประเทศ
“ผมเป็นคนอีสาน จ.ศรีสะเกษ ขอตอบแทนบ้านเกิดและพี่น้องชาวนาอีสานและทั่วทุกภาคของประเทศ “นโยบายสันหลังฐานราก” ข้าวเปลือกทุกเมล็ด ผลิตโดยคนไทย (สัญชาติไทย) กิโลกรัมละ 30 หรือตันละ 30,000 บาทต่อตัน การเพาะปลูก ถึงจะคุ้มทุนในการปลูกข้าวทั้งนาปีและนาปรัง ชาวนาจะได้หลุดพ้นจากความยากจน ส่วนขั้นตอน หลักเกณฑ์ วิธีดำเนินการ จะทำได้ดีกว่า การประกันราคาข้าว และไม่ใช่การจำนำข้าว ซึ่งในปัจจุบัน การช่วยเหลือพี่น้องชาวนา แจกเงินชาวนา ของรัฐบาลเป็นการแก้ปัญหาระยะสั้น ไม่ใช่การแก้ปัญหาระยะยาว นโยบายที่ฮือฮามากสุด ที่เอาใจพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยาง นโยบายเพิ่มราคายางพารา และพยุงสินค้าราคาสินค้าเกษตรทุกชนิด
นายวิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า พรรคพลัง มั่นใจว่าจะทำให้เศรษฐกิจของประชาชนดีขึ้นโดยเฉพาะประชาชนระดับฐานราก และจะช่วยลดช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยได้ ที่สำคัญจะลดปัญหาอาชญากรรมทางสังคมได้อย่างชัดเจน เป็นการผสมผสานระหว่าง ประชานิยมกับรัฐสวัสดิการ ซึ่งนโยบายที่พรรคพลังนำเสนอล้วนอยู่ในกรอบของกฎหมายกำหนดไว้ คือ แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐและแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีทั้งสิ้น และสามารถปฏิบัติได้จริง ทำได้ทันที หากพี่น้องประชาชนเชื่อมั่นร่วมกันให้โอกาสกับพรรคพลัง ในการร่วมบริหารประเทศแล้ว จะเป็นที่มาของบทเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงในสังคมไทยโดยเฉพาะประชาชนคนฐานราก และเป็นที่มาของคำว่า “พรรคพลัง พลังแห่งการเปลี่ยนแปลง” (Power of change) เปลี่ยนแปลงบนพื้นฐานที่มั่นคง ทันเหตุการณ์ปัจจุบันและมองล่วงหน้าไปถึงอนาคตของประเทศไทย