xs
xsm
sm
md
lg

เกาะติดกระแส “พรรคพลัง” พรรคสายกลาง มุ่งเน้นนโยบายปากท้องประชาชน แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาสให้ประชาชน!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันที่ 6 ธันวาคม 2564 เวลา 15.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลการเลือกตั้งกรรมการบริหาร “พรรคพลัง” สมาชิกโหวตเสียงสนับสนุนให้ “ดร.ชัยยพล พสุรัตน์บรรจง” นั่งหัวหน้าพรรค อย่างท่วมท้น และโหวตให้ “แหม่ม” ว่าที่ ดร. อัญชิสา เทพทับทิมทอง เป็นเลขาธิการพรรคพลัง และโหวตให้ “วิสิทธิ์ ใสกระจ่าง” นั่งโฆษกพรรค กระบอกเสียงของพรรค ส่วนบิ๊กเนมทางการเมือง อักษรย่อ “บิ๊ก ณ” จะมานั่งประธานยุทธศาสตร์พรรคพลัง ยังไม่เปิดตัว รอ กกต.มีมติรับรองพรรคพลัง และประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นพรรคการเมือง การเปิดตัวพรรคพลังอย่างอลังการโดยใช้นโยบายเศรษฐกิจเป็นตัวนำ เป็นที่น่าจับตากระแสความร้อนแรง บนกระดานการเมืองไทย จากทุกภาคของการเมืองอย่างยิ่ง หากวิเคราะห์เชิงยุทธศาสตร์ในการเปิดตัวพรรคพลังในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2564

โดยใช้สถานที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น ถนนวิภาวดี โรงแรมห้าดาว ซึ่งเดิมที วันและเวลาดังกล่าว จะเป็นการประชุมใหญ่สามัญของพรรคประชาธิปัตย์ แต่กลับเป็นการแย่งชิงพื้นที่สื่อของ “พรรคพลัง” เปิดตัวพรรคอย่างเป็นทางการ กองทัพสื่อมวลชนยกทัพกันติดตามจำนวนมาก ทำให้พรรคพลังโด่งดังเป็นพลุแตก ชั่วข้ามคืน คอการเมืองจับจ้อง ก่อนมีการเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกท้องถิ่น (อบต.) ในวันถัดมา ซึ่ง พรรค ปชป.แถลงนัดประชุมใหญ่ วันที่ 18 ธ.ค. 2564 โดยใช้สถานที่เดียวกัน การฟอร์มทีมพรรคพลัง เหมือนพรรคการเมืองขนาดใหญ่ ทั้งผู้เข้าร่วมเกือบ 500 คน ล้นห้องประชุม ชั้นเชิงชิงเหลี่ยมการเมือง เลือกที่จะใช้แผนยุทธศาสตร์นี้ สมราคา ส่วนพรรคการเมืองของกลุ่ม 4 กุมาร กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง

พร้อมกับการเดินสาย “ปิดดีล” เจรจาลับกับนักการเมืองเก่า-ขาใหญ่ ระดับเจ้าแม่-มาดามดาวเด่น-รุ่นใหญ่ฝ่ายประชาธิปไตย เตรียม “เปิดตัว” ปลายเดือนมกราคม 2565 นำทีมโดย “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” มีดีกรีเป็นขงเบ้ง-แม่ทัพเศรษฐกิจ อดีตรองนายกรัฐมนตรี-รัฐมนตรียุคทักษิณ ชินวัตร และรัฐบาลยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 2 สมัย ไม่ว่า “สมคิด” จะอยู่ตรงไหนของสมการใน “พรรคใหม่สี่กุมาร” การันตีได้ว่าอยู่ “ส่วนยอด” เอื้อมไม่ถึง แต่จับต้องได้แน่นอน กับอีก 2 กุมาร “อุตตม สาวนายน” อดีตหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ รัฐมนตรีรัฐบาลยุค คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พล.อ.ประยุทธ์ 1-2 และ 1 กุมาร “หน้าใหม่” นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์-ขุนพลภาคใต้ หลังจากถูกพรรคประชาธิปัตย์ “ถอดปลั๊ก” ขอเลือกทางเดิน-ไปต่อ เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจ-พัฒนาภาคใต้

ดร.ชัยยพล พสุรัตน์บรรจง ว่าที่หัวหน้าพรรคพลัง กล่าวว่า จากกระแสเปิดตัว “พรรคพลัง” และ นโยบายของ “พรรคพลัง” ที่เริ่มปล่อยหมัดออกมาในวันประชุมใหม่สามัญเป็นนโยบายทางเศรษฐกิจฐานราก (ตั้งแต่เกิด-ตาย) “นโยบายประกันสุขภาพฟรี” พรรคพลัง เห็นว่า สุขภาพไม่สามารถซื้อขายกันได้ ไม่ว่า เอกชนหรือภาครัฐ ทำงานมาทั้งชีวิต กลับต้องเอาเงินที่หามาได้ ไปใช้รักษาร่างกายตนเอง รัฐต้องดูแลตั้งแต่เกิดจนตาย ซึ่งเอาหวยใต้ดิน บ่อนที่ผิดกฎหมายมาทำให้ถูกกฎหมายแล้วเอาเงินไปสนับสนุนนโยบายนี้ หากเทียบเคียงกับนโยบาย 30 บาท รักษาทุกโรคของพรรคเพื่อไทย กลับมาจุดแตกต่างตรงยารักษาโรคที่มีคุณภาพลดลง หรือนโยบายบัตรประกันสุขภาพ 500 บาท ของ ปชป.มีความต่างกันสิ้นเชิง “นโยบายลูกของครอบครัว” ตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 ปี เดือนละ 3,000 บาท พรรคพลัง ให้ความสำคัญต่อเด็กตั้งแต่แรกเกิดวัยเยาว์

เพราะความสมบูรณ์ของเด็กไม่ใช่แค่ดูแลเมื่อคลอดออกมาลืมตาดูโลกเท่านั้น แต่ต้องดูแลให้ความสำคัญทั้งแม่และเด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์ จึงจะมีสุขภาพและสมองที่ดี มีการพัฒนาเจริญเติบโตในทุกๆ ด้าน “นโยบายเรียนฟรีถึงปริญญาตรี” การศึกษามีความสำคัญต่อการพัฒนาของประเทศ พรรคพลังให้ความสนใจด้านการศึกษา แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ คนรวย คนจน ให้เข้าถึงการศึกษาเท่าเทียมกัน และ “นโยบายอาหารกลางวัน” ชั้น ป.1-ป.6 เดือนละ 2,000 บาท ม.1- ม.3 เดือนละ 3,000 บาท ม.4-ม.6 เดือนละ 4,000 บาท ปริญญาตรี เดือนละ 5,000 บาท ทำให้เยาวชนของชาติ กินอิ่ม นอนหลับ เข้าถึงระบบการศึกษาอย่างทั่วถึง โดยเอาเงินที่จะเอางบประมาณซื้อเรือดำน้ำหลายหมื่นล้าน ตัดมาสนับสนุนนโยบายนี้ โดยเฉพาะอาหารกลางวัน แต่ละเดือน เสมือนกับเงินเดือนนักเรียน นักศึกษา คนยากจน ได้สิทธิ ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ “นโยบายเรียนจบไม่ตกงาน” เป็นนโยบายที่พรรคพลังมุ่งถึงคุณภาพชีวิต เพราะสถานการณ์ปัจจุบัน ผู้ประกอบการย่ำแย่ ประชาชนตกงาน ในระหว่างที่ตกงาน รัฐจะต้องสนับสนุนดูแลเดือนละ 10,000 บาท ภายใน 18 เดือน

นอกจากนี้ นโยบายที่ปล่อยออกมา คือ “นโยบาย 1 หมู่บ้าน 1 ปริญญาเอก” “นโยบาย 1 ตำบล 1 แพทย์ในฝัน” หรือ “นโยบายฟื้นฟูกองทุนหมู่บ้าน กองทุนละ 20 ล้านบาท” “นโยบายกองทุนสตรี ระดับตำบลๆ ละ 20 ล้านบาท” รวมทั้ง นโยบายบำนาญประชาชน เดือนละ 5,000 บาท รวมทั้ง “นโยบายคนไทยไม่ทิ้งกัน” สนับสนุนค่าจัดการทำศพ รายละ 10,000 ต่อศพ นอกจากนี้ “นโยบายเพิ่มค่าตอบแทนให้กับ อสม.” ด่านหน้าสาธารณสุขหมู่บ้าน เดือนละ 5,000 บาท “นโยบายเพิ่มเงินเดือนข้าราชการ พนักงานลูกจ้างของรัฐ 30%” เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน พร้อมโบนัส

“นโยบายเพิ่มอายุเกษียณราชการ 65 ปี” “นโยบายตั้งธนาคารท่องเที่ยว” “นโยบายหลักประกันราคาน้ำมันเชื้อเพลงทุกชนิดราคาไม่เกินลิตรละ 20 บาท” นโยบายเพิ่มราคายางพารา กิโลกรัม 200 บาท/กก. พยุงราคาสินค้าเกษตรทุกชนิด โดยเฉพาะนโยบายที่เอาใจพี่น้องชาวนา คือ “นโยบายสันหลังฐานราก” 30,000 บาท/ตัน ส่วนนโยบายด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม สินทรัพย์ดิจิทัลในโลกอนาคต พรรคพลัง จะทยอยปล่อยหมัดเด็ดออกมา ทั้งทรัพย์อิงสิทธิ์ เพื่อแก้ปัญหาหลักประกันการเข้าถึงการปล่อยสินเชื่อของสถาบันทางการเงิน สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ รวมทั้งแก้ปัญหาการเอารัดเอาเปรียบนายทุนได้ ซึ่งนโยบายที่พรรคพลังมองว่า การแก้ปัญหาความไม่เป็นธรรมทางสังคม ถูกกดทับทางสังคม สร้างความไม่เป็นธรรม ทำให้ประชาชนขาดโอกาส โดยเฉพาะมรดกบาปของ คสช.จะต้องรื้อใหม่ นโยบายที่ปล่อยออกมา เป็นเพียงน้ำจิ้ม!!!! มุ่งเน้นเศรษฐกิจ เทคโนโลยีล้ำหน้า สินทรัพย์ดิจิทัล “พรรคพลัง” เป็นพรรคสายกลาง มุ่งเน้นปากท้องประชาชน ให้กินอิ่ม นอนอุ่น หาก”พรรคพลัง” เป็นรัฐบาลในสมัยหน้า นโยบายต่างๆ เกิดขึ้นได้จริง!!!! และสามารถชี้แจงที่มาของแหล่งรายได้ตามกฎหมายพรรคการเมือง นาทีนี้ ต้องจับกระแสฟีเวอร์ของพรรคการเมืองใหม่ เน้นด้านเศรษฐกิจ แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ขาดโอกาส กระดานการเมืองไทย ร้อนแรง กระแส จับตาไปโฟกัส “พรรคพลัง”














กำลังโหลดความคิดเห็น