xs
xsm
sm
md
lg

ผ่ากรมคุก! แฉส่วยเลื่อนชั้น จ่าย 2 ล.- จ่ายมากพ้นโทษเร็ว “วัชระ” ยื่น “ป.ป.ช.” ข้องใจยกเลิกไม่ลดโทษทุจริต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ หลักฐานเด็ดเริ่มโผล่! แฉขบวนการส่วยช่วยลดโทษ? ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
หลักฐานเด็ดเริ่มโผล่! แฉขบวนการส่วยช่วยลดโทษ? พบอดีต ผตข.เพิ่งร้องเรียน จนท.เรียก 2 ล้าน เลื่อนชั้น-เผยจ่ายมากพ้นคุกเร็ว “วัชระ” ไล่บี้ยกแผง ยื่น ป.ป.ช.สอบ “สมศักดิ์” ผิดจริยธรรม จี้ถามยกเลิกไม่ลดโทษทุจริตตอนไหน

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (15 ธ.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น เปิดลึกส่วยช่วยลดโทษ? พบอดีต ผตข.เพิ่งร้องเรียน จนท.เรียก 2 ล้าน เลื่อนชั้น-อภัยโทษพ้นคุกเร็ว

โดยระบุว่า สืบเนื่องจาก แพทย์หญิง คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา และอดีตผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม อภิปรายในการประชุมวุฒิสภา กรณีลดโทษของกรมราชทัณฑ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 64 คุณหญิง พรทิพย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า “ปัญหาในกระบวนการยุติธรรมมีอยู่ทั้งท่อนต้น คือ งานตำรวจ และท่อนปลาย คือ ราชทัณฑ์ น่าเสียดายที่การขับเคลื่อนการปฏิรูปทั้งสองเรื่องไม่ได้มีในแผนปฏิรูปประเทศ เรื่องของตำรวจยังคงเน้นเรื่องการแต่งตั้งการเลื่อนขั้นที่อยู่ในชั้นการพิจารณาร่วมของ ส.ว.และ ส.ส. มีชิงไหวชิงพริบตลอดเวลา

ในส่วนราชทัณฑ์ต่อประเด็นเรื่องการลดโทษนักโทษโกงแผ่นดิน เป็นเพียงเศษเสี้ยวเดียว หากข่าวว่า นายกฯตอบอย่างไรเป็นเรื่องจริง ข้อนี้น่าเป็นห่วงยิ่ง การปฏิรูประบบราชทัณฑ์ต้องมองทั้งระบบ

ระบบตรวจสอบการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้เสนอรายชื่อนักโทษที่จะได้รับการลดโทษ เพราะมีข้อมูลเล็ดลอดมาว่า นักโทษร้ายแรงบางคนได้รับโอกาสจากการทำผัดไทยอร่อย ประเด็นนี้มีเรื่องส่วยซ่อนอยู่แน่นอน คงไม่มีแค่ผัดไทยอร่อย”

ภาพ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ นำอดีตนักโทษร้อง บก.ปปป. ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
โดยความน่าสนใจจากที่หมอพรทิพย์ ออกมาพูดนั้น มีเรื่องส่วย ซึ่งสอดคล้องกับเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 64 ที่ นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าศาลฎีกา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีการลดโทษให้กับนักโทษช่วงหนึ่งกล่าวถึงข่าวการเรียกเงิน ด้วยว่า

“กรณีการลดโทษผู้ที่ถูกลงโทษจำคุก แต่ได้รับโทษน้อยกว่าโทษตามคำพิพากษามากมายที่สังคมกล่าวถึงโวยวายกันอยู่ในปัจจุบันนั้น เกิดจากปัญหา 2 ประการ คือ

การกำหนดชั้นของนักโทษ ว่าเป็นนักโทษชั้นไหน คือ ชั้นเยี่ยม ชั้นดีมาก ชั้นดี และชั้นกลาง นั้น มีหลักเกณฑ์อย่างไร และใครเป็นผู้กำหนด เพราะในแต่ละชั้นของนักโทษจะได้รับการลดโทษต่างกันมาก กรณีนี้โอกาสที่ผู้มีหน้าที่อาจมีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องได้ ดังที่เคยมีข่าวมีผู้ร้องเรียนว่า มีเจ้าหน้าที่เรือนจำเรียกร้องเงินเพื่อเลื่อนชั้นนักโทษ แต่ข่าวดังกล่าวก็เงียบหายไป”

นั่นเองที่ทำให้ทีมข่าวเดอะทรูธ ได้ตรวจสอบถึงข่าวสาร ว่า เคยเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ก็พบว่า เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 64 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อม นายจำรัส อดีตผู้ต้องขังคดีฆ่าคนตาย ซึ่งเคยถูกควบคุมตัวไว้ที่เรือนจำแห่งหนึ่ง ตั้งแต่ปี 2551 จนถึงเดือนเมษายน 2564 ที่เพิ่งพ้นโทษมา พร้อมหลักฐานการโอนเงินข้อความแชตพูดคุยต่อรองเรียกรับผลประโยชน์ เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป.

“หลังจากในช่วงระหว่างที่ถูกควบคุมตัวภายในเรือนจำดังกล่าว มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นายหนึ่ง อ้างว่า สามารถเลื่อนชั้นหรือลดชั้นและได้สิทธิการอภัยโทษลดจำนวนการจำคุกได้ แต่ต้องจ่ายเงินให้เป็นค่าตอบแทนครั้งละหลักหมื่นบาทถึงแสนบาท โดยอ้างว่าจะต้องนำไปจ่ายให้กับเรือนจำ กรมราชทัณฑ์ และคณะกรรมการพิจารณา

โดย นายจำรัส ยินยอมจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวให้หลายครั้ง รวมมูลค่ามากกว่า 2 ล้านบาท โดยมีทั้งที่จ่ายเป็นเงินสดและที่เป็นการโอนเงินจากญาติมาให้อีก 5 ครั้ง ซึ่งในระหว่างการถูกคุมขังอยู่นั้น ก็มีการถูกเลื่อนชั้นและลดชั้นอยู่บ่อยครั้ง โดยสอดคล้องกับการจ่ายเงินในแต่ละครั้ง หากไม่ยอมจ่ายให้ก็จะถูกลดชั้น โดยอ้างว่าทำเรื่องไม่ถูกต้อง หรือไม่เข้าเกณฑ์ตามระเบียบ หากจ่ายให้ตามที่ต้องการก็จะได้รับการเลื่อนชั้น หรือ อภัยโทษ พักนี้มีผู้ต้องขังที่ต้องจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นายดังกล่าวหลายคน

บางคนที่ยอมจ่ายเงินให้ตามที่เรียกรับก็ได้รับการพ้นโทษเร็วกว่า โดย นายจำรัส มีโทษจำคุก 23 ปี 4 เดือน แต่จำคุกจริงเพียงแค่ 5 ปี ส่วนผู้ต้องขังรายอื่นที่จ่ายเงินให้กลับพ้นโทษได้เร็วกว่าตัวเองทั้งที่โทษจำคุกมากกว่า

ที่ผ่านมาได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังผู้บัญชาการเรือนจำให้ตรวจสอบแล้ว แต่เรื่องก็เงียบหายไป กระทั่งได้ทำเรื่องไปถึงปลัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งทางกระทรวงได้รับเรื่องแล้วแต่เรื่องก็เงียบหายไปอีก ทั้งที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นายดังกล่าวก็รับสารภาพในขั้นตอนการสอบสวน จึงเข้าร้องเรียนกับนายอัจฉริยะ และเข้าแจ้งความให้ช่วยตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เพราะคิดว่ากระบวนการที่เกิดขึ้นไม่ได้มีเพียงแค่คนเดียว และอาจมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงในระดับเรือนจำและกระทรวงเกี่ยวข้องอีกเป็นจำนวนมาก

เรื่องดังกล่าวทำให้กระบวนการลงโทษผู้กระทำความผิดไม่ได้ผล และทำให้เกิดผู้กระทำความผิดออกมาก่อเหตุซ้ำเป็นจำนวนมาก”

ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น ไล่บี้ยกแผง! “วัชระ” ยื่น ป.ป.ช.สอบ “สมศักดิ์” ส่อผิดจริยธรรม ลดโทษให้คดีโกงชาติ

เนื้อหาระบุว่า หลังจาก นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงกระแสที่ถูกกดดันให้ลาออกหลังเสนอการลดโทษผู้ต้องขังคดีทุจริต ว่า การเมืองก็เป็นแบบนี้เวลาที่เราทำอะไรที่ดูดีมีราคา

ขณะนี้นายกรัฐมนตรีได้ตั้งคณะกรรมการศึกษาเรื่องนี้แล้ว และตนไม่อยากให้สัมภาษณ์ก่อน เพราะจะเกิดความสับสนในรายละเอียด เพราะเรื่องพระราชกฤษฎีกามีรายละเอียดมากและหลายขั้นตอน อีกทั้งตนไม่มีพื้นทางกฎหมาย พูดไปจะทำให้เกิดความสับสน

เมื่อถามว่า ครั้งนี้โดนการเมืองเล่นงานหรือเปล่า นายสมศักดิ์ ได้ยกมือ 2 ข้างขึ้นมาโบกปฏิเสธ พร้อมกล่าวว่า ไม่ทราบ เมื่อผู้สื่อข่าวถามอีกว่า มีกระแสข่าวว่า การเสนอการลดโทษครั้งนี้ มีการพูดคุยกับคนแดนไกลและพรรคเพื่อไทย นายสมศักดิ์กล่าวว่า ผมเป็นคนตรงไปตรงมา เรื่องแบบนี้ต้องทำอะไรที่ตรงไปตรงมา

ภาพ “วัชระ” ยื่น ป.ป.ช.สอบ “สมศักดิ์” ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
ล่าสุด นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้ยื่นหนังสือผ่าน นายพิศิษฐ์ พัฒนกิจจำรูญ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวน ถึง พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เสนอลดโทษชั้นเยี่ยมให้นักโทษคดีทุจริตจำนำข้าวว่าผิดกฎหมายอื่นใดหรือผิดจริยธรรมหรือไม่

โดยทั้ง 2 คน ใช้กลไกทางกฎหมายตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ดำเนินการบริหารโทษ (ลดโทษ) กับบุคคลที่ได้รับการลงโทษตามคำพิพากษาคดีทุจริตโครงการจำนำข้าวคือ นายภูมิ สาระผล จากโทษจำคุก 36 ปี ล่าสุดเหลือวันต้องโทษ 8 ปี นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ กำหนดโทษจำคุก 48 ปี ล่าสุดเหลือวันต้องโทษ 10 ปี นายมนัส สร้อยพลอย กำหนดโทษจำคุก 40 ปี ล่าสุดเหลือวันต้องโทษ 8 ปี และ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร (เสี่ยเปี๋ยง) กำหนดโทษ 48 ปี ล่าสุด เหลือวันต้องโทษ 6 ปี 3 เดือน ตามที่เป็นข่าวดังและกำลังถูกกระแสสังคมต่อต้านอย่างหนักอยู่ในขณะนี้

“การกระทำของ นายสมศักดิ์ และ นายอายุตม์ ส่อว่าผิดจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและหรือกฎหมายอื่นใด และหรือจริยธรรมของข้าราชการหรือไม่ เนื่องจากเป็นที่สงสัยค้างคาหัวใจของประชาชนผู้รักความยุติธรรมทั้งประเทศ กระทบกระเทือนต่อหลักนิติรัฐ นิติธรรม และกระบวนการยุติธรรมทั้งประเทศ จึงขอให้สำนักงาน ป.ป.ช. เร่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเพื่อพิจารณาสอบสวนว่าเป็นการกระทำที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนผิดกฎหมายอื่นใดหรือไม่ และส่อว่าผิดจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีข้อต่างๆ ต่อไปนี้หรือไม่”

อาจผิด ข้อ 6 ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน

ข้อ 7 ต้องถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน

ข้อ 12 ยึดมั่นหลักนิติธรรม และประพฤติตนอยู่ในกรอบศีลธรรมอันดีของประชาชน

ข้อ 13 ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความยุติธรรม เป็นอิสระ เป็นกลาง และปราศจากอคติโดยไม่หวั่นไหวต่ออิทธิพล กระแสสังคม หรือแรงกดดันอันมิชอบด้วยกฎหมาย โดยคำนึงถึงสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ทั้งนี้ ตามความเหมาะสมแห่งสถานภาพ

ข้อ 17 ไม่กระทําการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดํารงตําแหน่ง

ข้อ 21 ปฏิบัติหน้าที่ราชการอย่างเต็มกําลังความสามารถ และยึดมั่นในความถูกต้องชอบธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ และปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการ โดยคํานึงถึงผลประโยชน์ของชาติ และความผาสุกของประชาชนโดยรวม

ที่ผ่านมา ในสมัยที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา เป็น รมว.ยุติธรรม เคยมีนโยบายว่า ไม่ลดโทษให้กับคดีทุจริต แต่ในยุคนี้เพราะเหตุใดกระทรวงยุติธรรมจึงเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ในทางที่เป็นคุณต่อนักโทษคดีทุจริตคอร์รัปชัน ทั้งๆ ที่สวนทางกับนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันอย่างสิ้นเชิง

ตนเป็นอดีต ส.ส. 2 สมัย ได้รู้จักนักการเมืองที่ถูกจำคุกทุกคน แต่เรื่องหลักการแห่งความยุติธรรมจะนำเรื่องส่วนตัวมาละเว้นไม่ได้ ถ้าบรรดานักการเมืองที่ถูกจำคุกได้ลดโทษชั้นเยี่ยมแล้ว ลูกหลานคนจนที่ถูกจำคุกนับแสนคนก็ควรได้ลดโทษชั้นเยี่ยมเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ ไม่ได้ว่ารัฐมนตรีทำผิดกฎหมายหรือจริยธรรม แต่ประชาชนสงสัยในเรื่องนี้ทั่วทั้งสิบทิศ จึงต้องมายื่นหนังสือถึง ป.ป.ช. ให้ช่วยสร้างความกระจ่างให้กับสังคม ถ้ากรมราชทัณฑ์อ้างว่าศาลมีหน้าที่ลงโทษจำคุก ส่วนกรมราชทัณฑ์มีหน้าที่บริการโทษ (ลดโทษ) ถือเป็นเป็นคำพูดที่ไม่มีเหตุผล กรมราชทัณฑ์จะมีอำนาจเหนือคำพิพากษาของศาลได้อย่างไร

ทั้งนี้ ขอให้ ป.ป.ช. เชิญ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ และ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มาให้ข้อมูลว่ามีการแก้ไขกฎระเบียบลดโทษให้นักโทษคดีคอร์รัปชันเกิดขึ้นในสมัยใด มีบุคคลใดเกี่ยวข้องบ้าง และให้กันข้าราชการกรมราชทัณฑ์ชั้นผู้น้อยไว้เป็นพยานเพื่อความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย

ภาพ “วัชระ” ขณะยื่นเรื่อง ป.ป.ช.สอบ “สมศักดิ์” ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ ความเป็น “แดนสนธยา” ของกรมราชทัณฑ์ หรือ กรมคุก ที่เรียกกัน และการปล่อยปละละเลยของผู้บริหารกระทรวง ยิ่งถ้าเป็นคนที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับราชทัณฑ์ ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง นี่มองในแง่ดี ว่า รัฐมนตรีอาจบริหารงานผ่านข้าราชการเป็นหลัก และไว้ใจข้าราชการเกินไปหรือไม่ จึงปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น ซึ่งถ้ามองในแง่ร้าย ก็ต้องคิดว่า มี “ขบวนการ” ตั้งแต่ระดับล่างถึงระดับบน เพียงแต่บนแค่ไหนเท่านั้น

ประการต่อมาที่หลายฝ่ายหยิบมาเป็นประเด็นอย่างสอดรับกัน ก็คือ การพิจารณาเลื่อนชั้นนักโทษ เพื่อลดโทษ และอภัยโทษ เพราะเรื่องนี้สามารถมีผลประโยชน์แลกเปลี่ยนได้ เนื่องจากเป็นแดนสนธยาดังกล่าว และก็มีข่าว มีเรื่องร้องเรียนเป็นหลักฐานชัดเจนว่า มีการเรียกรับเงิน มีส่วย อยู่จริง ทั้งยังมีจำนวนเงินที่เรียกรับออกมาเปิดเผย

นั่นแสดงว่า สิ่งที่สังคมสงสัย และต้องการความชัดเจนนั้น มีแล้ว เพียงแต่คนที่มีอำนาจจะจัดการอย่างเด็ดขาดเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน รวมทั้งการไต่สวนของ ป.ป.ช.จะดำเนินการอย่างไรหรือไม่

อีกประการที่มองข้ามไม่ได้ ก็คือ การยกเลิกนโยบาย ไม่ลดโทษให้กับนักโทษคดีทุจริต ที่เคยมีสมัย พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ก็นับว่าน่าสนใจ เพราะถือว่า ยังอยู่ในยุค คสช. เรืองอำนาจ และ คสช.ก็ประกาศที่จะเข้ามาสู้รบกับการทุจริต จนกระทั่งร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง (2560) แต่เหตุใด จึงสวนทางกับนโยบาย คสช.เสียเอง เรื่องนี้ต้องมีคำตอบให้กับประชาชน ไม่เช่นนั้น คนใหญ่คนโตในรัฐบาลต้องรับผิดชอบ

ทั้งหมด ล้วนเป็นช่องว่างให้มีขบวนการหากินกับนักโทษคดีทุจริต และคดีร้ายแรงทั้งหลายได้ทั้งสิ้น และน่าจะมีผลประโยชน์มหาศาล เพราะเงินจ่ายส่วยของคนพวกนี้เรื่องขี้ประติ๋วอยู่แล้ว? ซึ่งหลายคนอาจมีเงินเก็บสะสมเอาไว้มากมายที่มือกฎหมายเอื้อมไม่ถึง?

ดังนั้น ดูเหมือนการแก้ปัญหาเฉพาะเรื่อง หรือ ปลายเหตุ จะเป็นเรื่องผักชีโรยหน้าเสียมากกว่า เพราะถ้าดูจากข้อมูล และหลักฐานที่มีการแฉออกมา มันถึงขั้นที่จะต้องผ่าตัดรื้อกรมคุกทั้งหมดเสียด้วยซ้ำ ถ้าต้องการแก้ปัญหาให้สะเด็ดน้ำ ไม่เช่นนั้น แดนสนธยา ก็จะยังเป็นแดนสนธยาของการหากินกับนักโทษ และไม่ยุติธรรมกับนักโทษยากจนอยู่เช่นเคย ไม่เชื่อคอยดู!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น