อดีตรองโฆษก ปชป. ชี้ ต้องยกเครื่องกระบวนการยุติธรรมปลายน้ำ หลังนักโทษคดีโกงจำนำข้าวใกล้พ้นคุก เตือน “บิ๊กตู่” คิดปราบโกงจริง ต้องห้ามคนโกงได้รับอภัยโทษ-ย้ายราชทัณฑ์สังกัด ศาลฯ สกัดการเมืองแทรกแซง
วันนี้ (12 ธ.ค.) นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว เรื่อง ถอดบทเรียนโกงจำนำข้าว ใกล้พ้นคุก ต้องยกเครื่องกระบวนการยุติธรรมปลายน้ำ มีเนื้อหาระบุว่า ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมามีกระแสเรียกร้องให้รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขหลักเกณฑ์ผู้ต้องขังที่จะเข้าข่ายได้รับพระราชทานอภัยโทษ หลังพบคนทุจริต โดยเฉพาะคดีโกงจำนำข้าว ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาลงโทษหนักสุด 48 ปี กำลังจะพ้นอิสรภาพ เพราะเข้าเงื่อนไขได้รับการพระราชทานอภัยโทษในอีกไม่นานนี้ ขณะที่ นายกรัฐมนตรี ออกมาชี้แจงว่า ทุกอย่างเป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ เรียกว่า “ตอบแบบกำปั้นทุบดิน” ไร้ความรับผิดชอบทางการเมือง ในฐานะผู้นำประเทศ ที่ประกาศปักธงต้านทุจริต
“ส่วนตัวผมมองเรื่องนี้ว่า ควรแก้ไขในสองประเด็น คือ แก้ไขหลักเกณฑ์ในพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ กำหนดให้คดีทุจริตคอร์รัปชัน ห้ามได้รับการพระราชทานอภัยโทษ เช่นเดียวกับคดียาเสพติด ซึ่งเรื่องนี้ดำเนินการได้ทันทีโดยฝ่ายบริหาร เพราะพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ ต้องผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี และผู้รับสนองพระราชโองการก็คือ นายกรัฐมนตรี หากมีเจตจำนงต้านทุจริต ปราบคอร์รัปชันอย่างจริงจัง ก็เริ่มจากจุดนี้ อย่าให้คนเขาว่าได้ว่า ดีแต่พูด แต่ปราศจากการกระทำ”
นายเชาว์ กล่าวว่า ประเด็นหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ กลไกในการพิจารณาเลื่อนชั้นนักโทษ ซึ่งมีผลต่อการลดโทษ ไปจนถึงพักโทษ ซึ่งในปัจจุบันเป็นอำนาจของกรมราชทัณฑ์ สังกัดกระทรวงยุติธรรม ผมเสนอปรับสองเรื่อง คือ ย้ายงานราชทัณฑ์ไปเป็นหน่วยงานหนึ่งของยุติธรรม หรือแยกออกมาเป็นหน่วยงานเอกเทศคล้ายกับองค์กรอัยการ จะได้ปลอดการครอบงำจากรัฐมนตรีที่มาจากฝ่ายการเมือง และการพิจารณาลดโทษ ควรต้องทำเรื่องเสนอให้ศาลที่คดีนั้นถึงที่สุดพิจารณาด้วย” นายเชาว์กล่าว