xs
xsm
sm
md
lg

ไม่จบ! ชมรมหนุน “ถ่ายโอน รพ.สต.” ให้ อบจ.ชน “วุฒิสภา” ขอหมื่นรายชื่อ สวนกลับ 10 ข้อคัดค้าน กมธ.สธ.หลังยื่นนายกฯ “ยับยั้ง” ถ่ายโอนฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ไม่จบ! ชมรมหนุน “ถ่ายโอน รพ.สต.” ให้ อบจ. ขอ 1 หมื่นรายชื่อ คน สธ.ในท้องถิ่น-อสม. สวนกลับ 10 ข้อคัดค้าน ฉบับ “กมธ.สาธารณสุข วุฒิสภา” หลัง ส.ว.คนดี ยื่นลุงตู่ “ยับยั้ง” ถ่ายโอนฯ อ้างทำระบบสาธารณสุขปั่นป่วน จี้พิจารณาบนความพร้อมของ อปท. มากกว่ากำหนดเป็นเป้าหมาย “ส.ว.น้องชายรองฯวิษณุ” ชี้ ไม่มั่นใจโครงสร้างระบบนักเลือกตั้งท้องถิ่น หากตัดตอน ยกโครงสร้างพื้นฐาน เงิน บุคลากรให้ อปท. ที่เปลี่ยนทุก 3-5 ปี อาจทำนโยบาย “รพ.สต.” เปลี่ยน

วันนี้ (10 ธ.ค. 64) มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ก.ก.ถ.) ที่มีนายวิษณุเครืองามรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้รับหนังสือ “ด่วนที่สุด” ที่ สว (กมธ 3) 0019/3303 จากคณะกรรมาธิการสาธารณสุข (กมธ.สาธารณสุข) วุฒิสภา

โดยหนังสือดังกล่าว ส่งถึงสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ระบุหัวเรื่องว่า ขอให้ยับยั้งการถ่ายโอนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ไปยังองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ลงนามโดย นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข (กมธ.สาธารณสุข) วุฒิสภา วันที่ 8 ธ.ค. 2564 ถึง “นายกรัฐมนตรี”

หนังสือระบุว่า เนื่องด้วยคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำหนดเร่งรัดให้มีการถ่ายโอนรพ.สต. สังกัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ไป อบจ. ซึ่งมี รพ.สต. ยื่นความประสงค์ขอถ่ายโอนทั้งสิ้น 3,036 แห่ง

และมี อบจ. ยื่นขอรับการถ่ายโอนทั้งสิ้น 49 แห่ง โดยใช้หลักเกณฑ์การประเมิน กำหนดให้ถ่ายโอนอย่างน้อยอำเภอละ 1 แห่ง สำหรับ อบจ. ที่ผ่านเกณฑ์ประเมินระดับดี 2 แห่ง สำหรับ อบจ. ที่ผ่านเกณฑ์ดีมาก และทุกแห่งสำหรับ อบจ. ที่ผ่านเกณฑ์ดีเลิศ

​ทั้งนี้ จากการพิจารณา คณะกรรมาธิการสาธารณสุขเห็นว่า การรวบรัดดำเนินการดังกล่าวอาจจะนำมาซึ่งปัญหาต่อระบบสาธารณสุขในอนาคต ด้วยเหตุผลดังนี้

1. บุคลากรหรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่จะถ่ายโอนยังไม่ได้รับข้อมูลเพียงพอในการตัดสินใจ และคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติยังไม่ได้พิจารณาประชุมเรื่องนี้

2. พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2546 กำหนดให้มีแผนและขั้นตอน แต่การถ่ายโอนไป อบจ. ครั้งนี้เป็นเรื่องใหม่ เนื่องจากการถ่ายโอนที่ผ่านมา 51 แห่ง ก่อนรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 เป็นการถ่ายโอน รพ.สต. ไปองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และเทศบาลเท่านั้น จึงไม่มีแผนและขั้นตอนการถ่ายโอนไป อบจ. ให้บุคลากรด้านสาธารณสุขรับทราบแต่อย่างใด

3. หลังจากปี 2542 มี พ.ร.บ.ออกมาใช้บังคับอีกหลายฉบับทั้ง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 รัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2560 พ.ร.บ.ระบบสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ. 2562 มีการเปลี่ยนแปลงและแนวคิดด้านกระจายอำนาจหลายประการแตกต่างจากแนวคิดปี 2542 จึงต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายทุกฉบับโดยเฉพาะรัฐธรรมนูญ

4. ระบบสาธารณสุขและเครือข่ายสาธารณสุขใน พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 รวมทั้งระบบสุขภาพปฐมภูมิและเครือข่ายสุขภาพปฐมภูมิ ใน พ.ร.บ.ระบบสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ. 2562 มีลักษณะเป็นพวงบริการและมีระบบส่งต่อผู้ป่วยไประหว่างเครือข่าย ไม่ได้มีลักษณะ Stand alone เหมือนบริการสาธารณะอื่น

5. ระบบสาธารณสุขมีการวางรากฐานและการพัฒนาเป็นขั้นตอนมาอย่างยาวนานร่วม 100 ปี ทั้งสาธารณสุขมูลฐาน ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สุขศาลา สถานีอนามัย รพ.สต. และ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จนสร้างระบบสาธารณสุขที่แข็งแกร่งเป็นประโยชน์ต่อประชาชน เคยขึ้นถึงอันดับ 6 ของโลกมาแล้ว

6. การจัดสรรงบอุดหนุนจากท้องถิ่นมาสมทบที่ดี ทำให้ รพ.สต. ได้งบประมาณเข้ามาเติมในระบบ แต่ควรคำนึงถึงระยะยาวว่า อาจเป็นภาระต่องบประมาณแผ่นดินหรือไม่ เพราในช่วงเวลาที่ผ่านมาเพียง 8 ปี ท้องถิ่นให้งบอุดหนุนเพิ่มมากถึง 726 ล้านบาท สำหรับ รพ.สต. ที่ถ่ายโอนเพียง 51 แห่ง

7. การถ่ายโอน รพ.สต. เป็นนโยบายสาธารณะที่สร้างผลกระทบอย่างมากต่อประชาชน จึงสมควรดำเนินการอย่างรอบคอบเป็นขั้นตอน ผ่านการวิจัยและทดลองไปตามลำดับขั้น

8. การกระจายอำนาจเป็นหลักการที่ดี เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและทำให้มีส่วนร่วม แต่การกระจายอำนาจมีหลายวิธี ไม่ใช่เพียงการถ่ายโอนเท่านั้น เช่น ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับพื้นที่ พ.ศ. 2561 ที่กำหนดให้มีการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) และการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับตำบล (พชต.) หรือการปฏิรูปประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติที่ทดลองให้มีเขตสุขภาพในพื้นที่นำร่องใน 4 เขตภูมิภาค กระจายทั่วประเทศ ประชาชนได้รับประโยชน์ และอยู่ในระหว่างดำเนินการของกระทรวงสาธารณสุขในขณะนี้

9. นโยบายสาธารณะที่มีผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง สมควรทำประชามติหรือสอบถามประชาชนโดยตรงว่า เห็นด้วยหรือไม่ แต่ยังไม่มีการดำเนินการในขณะนี้

10. ระบบสุขภาพปฐมภูมิมีผลงานเป็นที่ประจักษ์มาแล้วในการควบคุมการระบาดของโรค Covid-19 และในอนาคตอาจมีการระบาดของโรคระบาดใหม่ที่อาจมีความรุนแรงกว่าเดิม ต้องอาศัยเครือข่ายของระบบสาธารณสุขที่จะต้องทำงานประสานกันเหมือนปัจจุบัน ซึ่งไม่ควรแยกจากกัน เพราะอาจสร้างปัญหาเหมือนกรุงเทพมหานครดังที่ผ่านมา

“จากเหตุผลทั้งหมดข้างต้น คณะกรรมการได้ขอให้มีการพิจารณาจัดให้มีคณะกรรมการศึกษากรณีการถ่ายโอนครั้งนี้ให้รอบคอบ ก่อนที่จะมีการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เพราะการดำเนินการที่เร่งรัดดำเนินการจะทำให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนในลักษณะที่ยากต่อการแก้ไขต่อไป” หนังสือระบุ

เมื่อวันที่ 30 พ.ย. ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา วาระพิจารณาศึกษาเรื่อง การถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต. ให้แก่ อบจ.โดยคณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น วุฒิสภา ที่มี พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว. เป็นประธาน ได้วิเคราะห์ถึงเนื้อหาต่อการถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต. กว่า 9,787 แห่ง ตามกฎหมาย แผน และขั้นตอนการกระจายอำนาจให้ อปท. ปี 2542 ซึ่งในปี 2563 พบว่าสามารถถ่ายโอนสำเร็จ 70 แห่ง

ส.ว. ส่วนใหญ่แสดงความเห็นให้ทบทวนการถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต. และพิจารณาบนความพร้อมของ อปท. เป็นหลักมากกว่าการกำหนดเป็นเป้าหมาย และความสำเร็จในการถ่ายโอน

คราวนั้น นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ส.ว. อภิปรายว่า การถ่ายโอนภารกิจ เชื่อว่าประชาชนจะได้รับ ผลกระทบ โดยเฉพาะการส่งต่อการรักษา หาก อปท.ไม่มีเครือข่ายโรงพยาบาลของตนเอง แต่ต้องฝากงานให้โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข

นอกจากนี้ การจัดสรรเงิน ซึ่งปัจจุบันตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 หรือ พ.ร.บ.สปสช. กำหนดให้ สปสช. เป็นผู้จัดสรรงบรวม 2 แสนล้านบาททั่วประเทศ แต่หากไม่แก้ไขกฎหมายจะทำให้มีปัญหา และที่ผ่านมาพบว่าการจัดสรรงบไม่เพียงพอ แต่ใช้การส่งต่อผ่านเครือข่ายโรงพยาบาล

ด้าน พลอากาศตรี นายแพทย์เฉลิมชัย เครืองาม ส.ว. (น้องชายนายวิษณุ เครืองาม) อภิปรายว่า รพ.สต. คือ การแพทย์ปฐมภูมิ หากตัดตอนยกโครงสร้างพื้นฐาน เงิน และบุคลากรให้ อปท. ที่มาจากการเลือกตั้ง คือ อบต. หรือ อบจ. ที่ไม่มั่นใจในโครงสร้างอำนาจที่มาจากการเลือกตั้ง ที่เปลี่ยนทุก 3-5 ปี ทำให้นโยบายการดูแล รพ.สต.เปลี่ยน

ดังนั้น ขอฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรพิจารณา เพราะตลอด 20 ปีพบว่า ถ่ายโอนไปเพียง 84 แห่ง หากพร้อมต้องโอนได้มากกว่านี้

ขณะที่เมื่อวานนี้ ( 9 ธ.ค. 64) ชมรม รพ.สต.ถ่ายโอน (ประเทศไทย) ได้โพสต์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เชิญชวนหมออนามัย ผู้ทำหน้าที่ใน รพ.สต.ทั่วประเทศ ผู้ทำงานใน อบจ. ตลอดจนเครือข่าย อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) รวมลงชื่อ 1 หมื่นรายชื่อ แสดงพลังสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการถ่ายโอน รพ.สต.ให้ อบจ.

โดยประกาศลงแคมเปญผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ ลงนามโดย นายสมศักดิ์ จึงตระกูล ประธานชมรมฯ


กำลังโหลดความคิดเห็น