xs
xsm
sm
md
lg

ส่งท้ายคุก “เจ้าสัวเปรมชัย” บทพิสูจน์ รวย-จนเท่าเทียม แต่มีดรามาลุคป่วยหวัง “พริวิเลจ”? ** “ถาวร” บอกยอมรับคำตัดสิน แต่ไม่เชื่อถือ!! หลังศาล รธน.สั่ง 5 กปปส.พ้นสภาพ ส.ส.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

**ส่งท้ายคุก “เจ้าสัวเปรมชัย” บทพิสูจน์ รวย-จนเท่าเทียม แต่มีดรามาลุคป่วยหวัง “พริวิเลจ”?

กระบวนการยุติธรรมดำเนินมากว่า 3 ปี นับตั้งแต่เกิดคดีสะท้านป่า สะเทือนใจสังคม กรณี “เจ้าสัวเปรมชัย กรรณสูต” อดีตประธานกรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ พร้อมพวกถูกจับกุมในข้อหาล่าเสือดำในเขตในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ท้องที่ ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เมื่อปี 61 ในที่สุดศาลจังหวัดทองผาภูมิ ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา เมื่อวานนี้ (8 ธ.ค.) ตัดสินจำคุก “เจ้าสัวเปรมชัย” พร้อมพวก ซึ่งในส่วนของเปรมชัย ถูกสั่งจำคุก 2 ปี 14 เดือน ยืนตามคำสั่งศาลอุทธรณ์

คดีนี้ได้รับความสนใจจากสังคมติดตามอย่างมาก นอกจากจะเรียกร้อง “เสือดำต้องไม่ตายฟรี” ยังถูกจับตาในเรื่องของฐานะความเหลื่อมล้ำของสังคม ระหว่างคนรวย-คนจน เพราะผู้ต้องหา “เจ้าสัวเปรมชัย” นั้น อยู่ในขั้นมหาเศรษฐี มีเครือข่ายธุรกิจหลายหมื่นล้าน

ทุกย่างก้าวของ “เจ้าสัวเปรมชัย” นับแต่เกิดเรื่องเป็นคดีก็ถูกเฝ้ามองมาโดยตลอดจนถึง “วันพิพากษา” เมื่อวานนี้ ที่ระหว่างการเดินทางมาฟังคดี เจ้าสัวเปรมชัย ปรากฏตัวในสภาพใช้ผ้าปิดตาหนึ่งข้าง ทำให้โลกโซเลียลฯ ตั้งคำถามว่าเปรมชัย ป่วยเป็นอะไร ซึ่งคนใกล้ชิดได้ให้ข้อมูลผ่านสื่อว่า “เจ้าสัว” เพิ่งผ่าตัดต้อกระจก อยู่ระหว่างการรักษา ขณะเดียวกัน ก็มีโรคประจำตัวตามวัย เช่น โรคเบาหวาน ที่ยังต้องรักษาตามอาการ และพบแพทย์อย่างต่อเนื่อง

เปรมชัย กรรณสูต
การปรากฏตัวในสภาพดังกล่าวนี้เอง ทำให้เกิดดรามา ว่า เจ้าสัวรู้ตัวดีว่าบทสรุปของคดีจะเป็นอย่างไร จึงมาด้วยภาพลักษณ์ที่ไม่ปกติทางกาย หรือแสดงออกถึงอาการป่วย เพื่อจะใช้เป็น “พริวิเลจ” หวังสิทธิพิเศษในการออกมารักษาใน รพ.นอกเรือนจำ

ประเด็นนี้ “ราชทัณฑ์” ต้องออกโรงมาชี้แจงว่า เบื้องต้นเรือนจำอำเภอทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ต้องรับตัวเปรมชัยในฐานะผู้ต้องขังเข้าใหม่ สอบประวัติ และพิมพ์ลายนิ้วมือตามปกติ จากนั้นจะต้องกักตัวเปรมชัย ตามมาตรการโรคโควิด-19 จำนวน 21 วัน
หาก “เจ้าสัว” อ้างเรื่องโรคประจำตัว หรือมีอาการป่วย ไม่สบาย ทางเรือนจำก็มีพยาบาลวิชาชีพในการตรวจอาการ ซึ่งหากป่วยจริง กรมราชทัณฑ์มีสถานพยาบาลรองรับอยู่แล้ว

ส่วนกรณีมีอาการป่วยหนัก ต้องมีการยืนยันจากแพทย์ จากนั้นจึงจะนำตัวไปตรวจรักษาในโรงพยาบาลแม่ข่าย ในลักษณะเช้าไป เย็นกลับ ไม่อนุญาตให้มีการแอดมิด เว้นเสียแต่มีอาการโคม่า ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด

สรุปว่า ไม่น่ามีเหตุที่จะต้องนำตัว “เจ้าสัวเปรมชัย” ไปรักษาที่โรงพยาบาล ส่วนพริวิเลจการขอพักโทษนั้น “เปรมชัย” ต้องจำคุกให้ครบ 2 ใน 3 ตามหลักเกณฑ์เสียก่อน...ก็ชัดเจนกันไป

พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล
พูดถึง “คดีเสือดำกับเจ้าสัวเปรมชัย” ก็ต้องบอกว่า มีดรามามาตั้งแต่ต้นจนจบ อีกคนที่เจอกระแสดรามาในช่วงแรกๆ วันนี้ก็น่าจะหายใจโล่ง ก็คือ “พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล” ซึ่งวันนี้นั่งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี อดีต รอง ผบ.ตร. หัวหน้าชุดคดีเสือดำ หลังคดีสิ้นสุด “พล.ต.อ.ศรีวราห์” ได้ย้อนถึงตำนานดรามา “กราบเจ้าสัว” ที่บรรดาชาวโซเชียลฯ แห่แหนพาทัวร์มาลง วันนี้เขาบอกว่า ตำรวจทำไปตามหน้าที่ของพนักงานสอบสวนสวน ตำรวจทำหน้าที่เสร็จสมบูรณ์ไปตั้งนานแล้ว ส่วนข้อครหาก้มกราบเปรมชัย เกรงว่า จะเป็นการช่วยกันนั้นในตอนนั้น ก็เพราะว่า ที่บ้านพ่อแม่สอนมาแบบนี้ ที่บ้านเป็นพราหมณ์ การไหว้หรือรับไหว้พี่น้องก็ทำกันแบบนี้ อีกอย่างการที่จะไหว้อย่างไร หรือรับไหว้อย่างไร ก็ไม่เป็นเหตุให้กฎหมายเปลี่ยน อย่างไรตำรวจก็ต้องทำตามกฎหมายอยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นคนรวย คนจน จบดอกเตอร์ หรือไม่จบปริญญา ก็แล้วแต่กฎหมายไม่ได้บอกไว้ มีสิทธิเท่าเทียมกัน ทุกคนมีสิทธิสู้ตามกฎหมาย สำหรับพนักงานสอบสวนถ้าพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องนั่นคือสิ้นกระแสของตำรวจแล้ว
งานนี้ก็เป็นอันว่าจบด้วยกรรมใดใครก่อ รวย-จน ก็อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน!!.


** “ถาวร” บอกยอมรับคำตัดสิน แต่ไม่เชื่อถือ!! หลังศาล รธน.สั่ง 5 กปปส. พ้นสภาพ ส.ส. กรณีศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวันิจฉัยให้สมาชิกภาพส.ส.ของ 5 แกนนำ กปปส. “ชุมพล จุลใส” ส.ส.เขต 1 จ.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ “อิสสระ สมชัย” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ “ถาวร เสนเนียม” ส.ส.เขต 6 จ.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ “ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ” ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ สิ้นสุดลง

ถาวร เสนเนียม
จากกรณีศาลอาญามีคำพิพากษาลงโทษจำคุก ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.317/2564 เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 64 และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง “ชุมพล-อิสสระ-ณัฏฐพล” เป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษา โดยศาลอาญาออกหมายจำคุกระหว่างอุทธรณ์ ฎีกา และขังผู้ถูกร้องทั้ง 5 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แม้ต่อมาทั้ง 5 คน ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว และคดีอยู่ระหว่างการอุทธรณ์

ปมถูกเพิกถอนสิทธิ และถูกคุมขังระหว่างอุทธรณ์นี่เอง ที่เป็นเหตุให้หลุดจากตำแหน่ง ส.ส.!!

แม้ผู้ถูกร้องจะมีข้อโต้แย้งที่ว่า การที่ศาลอาญาออกหมายจำคุกระหว่างอุทธรณ์ ไม่ใช่การคุมขังโดยหมายของศาล ตามมาตรา 98(6) นั้น ศาลฯบอกว่า ฟังไม่ขึ้น... ส่วนที่โต้แย้งว่า เจตนารมณ์ของ รธน.มาตรา 98(6) ต้องเป็นการถูกคุมขัง จนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ได้นั้น ศาลฯบอกว่า รธน.ไม่ได้กำหนดเงื่อนไขดังกล่าวไว้ ข้อโต้แย้งจึงฟังไม่ขึ้น ... ส่วนข้อโต้แย้งที่ว่า รธน.มาตรา 125 วรรคสี่ บัญญัติคุ้มครอง ส.ส.ระหว่างสมัยประชุม การที่ศาลอาญา อ่านคำพิพากษา และออกหมายขังระหว่างรออุทธรณ์ เป็นการขัดขวาง ส.ส.จะมาประชุมสภานั้น ศาลฯบอกว่า บทบัญญัติดังกล่าว มุ่งคุ้มครอง ส.ส. ระหว่างพิจารณาคดี แต่ในกรณีการพิจารณาคดีเสร็จสิ้น จนถึงขั้นตอนการอ่านคำพิพากษา ย่อมไม่อาจอ้างความคุ้มครองได้ ข้อโต้แย้งดังกล่าวจึงฟังไม่ขึ้น

 พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ - ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ
หลังศาลฯ มีคำวินิจฉัยออกมา “ถาวร เสนเนียม” ซึ่งมาฟังคำพิพากษาที่ศาลฯ ถึงกับออกปากว่า “ยอมรับคำวินิจฉัยโดยหลักการ แต่ไม่เชื่อถือในเหตุผล” เพราะ รธน.มาตรา 125 ระบุว่า เปิดโอกาสให้ศาลพิจารณาคดีในสมัยการประชุมได้ แต่จะไปขัดขวางการทำหน้าที่ไปประชุมของ ส.ส.ไม่ได้

... ที่ศาล รธน.เขียนคำวินิจฉัยเอาไว้ว่า เมื่อพิพากษาเสร็จแล้ว ไม่ใช่กระบวนการพิจารณาเพราะฉะนั้น จะนำมาตรา 125 วรรคสี่ มาบังคับใช้ไม่ได้ ...จึงขอถามกลับไปว่า การใช้ดุลพินิจในการให้ประกันตัว ส่งคดีไปยังศาลอุทธรณ์ การใช้ดุลพินิจในการไม่ให้ประกันตัว นั่นเขาเรียกว่าอะไร เขาไม่เรียกว่ากระบวนการพิจารณาโดยใช้ดุลยพินิจของศาลหรือ...

เมื่อศาลฯใช้แนวทางอย่างนี้ต่อไป ถ้าหากว่าฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายผู้มีอำนาจรัฐ จับกุุม ส.ส.สัก 20 คน ขังสัก 1 นาที ส.ส.เหล่านั้นก็จะขาดสมาชิกภาพ ไม่สามารถประชุม ลงมติไม่ได้ ก็จะมีการกลั่นแกล้ง แนวทางนี้ขอความกระจ่างจากศาล รธน. ในการใช้ทัศนคติ วิสัยทัศน์ ในการมองการณ์ไกลสำหรับวงการการเมือง อย่างไรก็ตามตนยอมรับโดยดุษฎีภาพ จะไปร้องแรกแหกกระเชอ ไม่ได้ ...มีแต่น้ำตาตกใน ด้วยอกระทม ขมปวด!!

ชุมพล จุลใส - อิสสระ สมชัย
ผลต่อจากคำวินิจฉัยครั้งนี้ ทำให้ต้องมีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 2 เก้าอี้ และเลื่อน ส.ส.บัญชีรายชื่อขึ้นมาแทน 3 คน โดยในส่วนของพรรคพลังประชารัฐนั้น ก่อนหน้านี้ “ณัฏพล ทีปสุวรรณ” ได้ยื่นลาออกจาก ส.ส. ไปแล้ว และได้ขยับเอา “ยุทธนา โพธสุธน” ขึ้นมาเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อแทนแล้ว และครั้งนี้ก็จะมีการขยับเอา “ต่อศักดิ์ อัศวเหม” ขึ้นมาแทน “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” ส่วนประชาธิปัตย์ “ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง” ก็จะได้ขึ้นมาแทน “อิสสระ สมชัย”

แต่ที่น่าสนใจ คือ การเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต แทน “ชุมพล จุลใส” ที่เขต 1 ชุมพร และเขต 6 สงขลา แทน “ถาวร เสนเนียม” ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดที่ผ่านมานี้ ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ เข้าที่ 2 ทั้งสองแห่ง
เลือกตั้งซ่อมที่จะเกิดขึ้นภายใน 45 วันข้างหน้านี้ อาจเป็นศึกล้างตาของพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง ถ้าพลังประชารัฐไม่หลบให้ โดยที่ จ.สงขลานั้น ประชาธิปัตย์น่าจะวางตัว “สุภาพร กำเนิดผล” รองนายก อบจ.สงขลา ภรรยาของ “เดชอิศม์ ขาวทอง” ส.ส.สงขลา ลงปะทะกับ “สมปอง บริสุทธิ์” ของพลังประชารัฐ ... ส่วนที่ จ.ชุมพร “อิสระพงษ์ มากอำไพ” เลขานุการ นายกอบจ.ชุมพร หลานภรรยาของ ชุมพล จุลใส น่าจะได้ลงสู้กับ “ชวลิต อาจหาญ” พลังประชารัฐ
ก็ต้องจับตาศึกเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ว่าจะดุเดือดเพียงใด และสุดท้ายประชาธิปัตย์ จะกอบกู้ศักดิ์ศรี จะรักษาเก้าอี้ไว้ได้หรือไม่!!




กำลังโหลดความคิดเห็น