“แรมโบ้” สวนกลับแกนนำราษฎร หลอกเด็กจะฟ้องสหประชาชาติ อ้างนายกฯ ไม่เคารพสิทธิมนุษยชน ย้ำต้องไล่แอมเนสตี้ฯ เพราะเคลื่อนไหวปลุกปั่นสนับสนุนคนทำผิดกฎหมาย ล้มล้างการปกครอง ศาล รธน.ตัดสินแล้ว ถ้ายังไม่หยุด ปลายทางคือคุก
วันนี้ (8 ธ.ค.) นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกลุ่มม็อบราษฎรแถลงจะเคลื่อนไหวยกเลิก ม.112 ต่อเนื่อง และ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข จะฟ้องสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่เคารพสิทธิมนุษยชน แต่กลับให้ ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี แสดงจุดยืนขับไล่องค์กรแอมเนสตี้ฯออกจากประเทศ และดำเนินคดี 112 กับประชาชน นายเสกสกล ระบุว่า ตนประกาศขับไล่แอมเนสตี้ประเทศไทย ไม่มีใครมาสั่งให้ตนทำ นายกฯ ก็ไม่ได้สั่ง แต่เป็นเพราะองค์กรดังกล่าวสนับสนุนกลุ่มคนที่ทำผิดกฎหมายไทยซ้ำซาก ฝ่าฝืนคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญอันถือเป็นที่สุด มีผลผูกพันทุกองค์กร จาบจ้วงสถาบันรุนแรง แสดงตนเป็นปฏิปักษ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์ เสนอเลิกมาตรา 112 กดดันระบบยุติธรรมให้ยกเว้นดำเนินคดีกับจำเลยคดี 112 ที่เป็นแกนนำม็อบทำผิดซ้ำซาก ไม่ไยดีกับสิทธิและเสียงของคนไทยอีกหลายสิบล้านคนที่ทนไม่ไหวกับขบวนการจาบจ้วงสถาบัน โดยใช้ข่าวปลอมสารพัดเรื่อง แม้กระทั่งกรณีสนามม้านางเลิ้งที่จะกลายเป็นสวนสาธารณะ ก็เคยถูกศาสดาของคนพวกนี้ใส่ร้ายป้ายสีสร้างความเกลียดชังต่อสถาบันมาอย่างต่อเนื่อง
“ไล่ดูแถลงการณ์ ไล่ดูกิจกรรม ไล่ดูหน้าเว็บของแอมเนสตี้ฯ แทบจะไม่ต่างจากเว็บของกลุ่มม็อบจาบจ้วงสถาบัน ถ้าแอมเนสตี้ประเทศไทยดำเนินการถูกต้อง ไม่มีแผล ไม่มีการซิกแซก ฝ่าฝืนกฎหมาย กฎระเบียบ ไม่ได้รับเงินต่างชาติมาทำกิจกรรม ไม่ได้รับใช้เพื่อผลประโยชน์ของใคร ใครก็ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องเกรง แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยชี้แจงรายละเอียดว่ารายรับแต่ละปี เงินทุนที่นำมาดำเนินการมาจากไหน เท่าไหร่ มีแต่ปฏิเสธแบบเรื่อยเปื่อย จึงต้องมีการตรวจสอบให้สาธารณชนได้รับความกระจ่างชัด เพราะคนไทยอีกหลายสิบล้านคนที่เห็นว่าแอมเนสตี้ฯล้ำเส้นไปมากแล้ว ดำเนินการขัดวัตถุประสงค์ของการจดจัดตั้งตาม ป.แพ่งและพาณิชย์ ม.101 ขัดต่อกฎหมาย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรืออาจเป็นภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชน หรือความมั่นคงของรัฐ ตาม ม.102 หรือไม่ รู้ดีอยู่แก่ใจ ส่วนที่จะไปฟ้องยูเอ็นนั้น สงสัยคิดว่ายูเอ็นเป็นบิดาหรืออย่างไร เพราะเรื่องกิจการภายในประเทศ อำนาจอธิปไตยของชาติ ยูเอ็นจะมาก้าวก่ายแทรกแซงก็ไม่ได้ ไปยื่นหนังสือหลอกเด็กไปวันๆ”
นายเสกสกล ยังเตือนด้วยว่า ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาด ว่า การปราศรัย การเคลื่อนไหว ที่อ้างว่า เรียกร้องปฏิรูปสถาบันนั้น แท้จริงเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป้นประมุข ให้ยุติการกระทำเสีย ถ้ายังกระทำฝ่าฝืนก็เตรียมตัวรับผลตามกฎหมายที่จะตามมา อย่าได้เอาเด็ก เยาวชน เอามวลชนมาเป็นโล่ จงใจฝ่าฝืนกฎหมาย ปลายทางคือคุกสถานเดียว