“เทพมนตรี” ซัด “ปิยบุตร” กลัวตาย! “หมอวรงค์” จวกต่างชาติใช้ “นางงาม” เครื่องมือ “โบว์” ฉะ “ประวิตร” เจ็บ

รักตัวกลัวตาย? “เทพมนตรี” ซัด “ปิยบุตร” รีบแก้เกมหาทางรอด ชี้ หมดเวลาประนีประนอม ต้องหยุดที่คุกเท่านั้น “หมอวรงค์” จับพิรุธเวทีนางงามชักศึกเข้าบ้าน มีขบวนการต่างชาติหนุนหลัง “โบว์” ฟาด “ประวิตร” “ไม่รู้กาลเทศะ”

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (6 ธ.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น ที่แท้ก็รักตัวกลัวตาย? “เทพมนตรี” ซัด “ปิยบุตร” รีบแก้เกมหาทางรอด ลั่นม็อบ 3 นิ้ว หมดเวลาประนีประนอม ต้องหยุดที่คุกเท่านั้น!?

โดยระบุว่า หลังจาก นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้แถลงข่าวความเห็นแย้งคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ กรณีวินิจฉัยว่า 3 แกนนำของกลุ่มราษฎร ใช้สิทธิหรือเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 จากการชุมนุมปราศรัย ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 63 ซึ่งคดีนี้ศาลได้อ่านคำวินิจฉัยและมีคำสั่งเมื่อวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา และต่อมาได้มีการเผยแพร่คำวินิจฉัยฉบับเต็มออกมานั้น

นายปิยบุตร กล่าวว่า หลังจากได้อ่านโดยละเอียดแล้ว ไม่เห็นด้วย และมีข้อวิจารณ์หลายประเด็น จึงขอใช้เสรีภาพการวิจารณ์โดยสุจริต เพื่อประโยชน์ทางวิชาการและตรวจสอบถ่วงดุลการใช้อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ

โดยมีสาระสำคัญบางช่วงว่า ข้อเสนอประนีประนอมเพื่อหาทางออกร่วมกันกับทุกฝ่าย ฝ่ายแรกคือ กลุ่มผู้ชุมนุมที่มีการนำเสนอการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ฝ่ายเยาวชนคนหนุ่มสาว ประชาชน ที่รวมตัวกันในชื่อ “ราษฎร” จำเป็นต้องปรับวิธีการรณรงค์ วิธีการเรียกร้องเสียใหม่ หากใช้ยุทธวิธีเดิมต่อไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ต่างอะไรกับการเอาหน้าเดินชนกำแพง หากให้การปฏิรูปเกิดขึ้นได้จริง ไม่สามารถใช้พลังของเยาวชนคนหนุ่มสาวเพียงอย่างเดียว จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือของสถาบันการเมืองต่างๆ ของผู้ถืออำนาจรัฐ ของสถาบันพระมหากษัตริย์ และองคาพยพรายล้อมต่างๆ ด้วย...

ล่าสุด นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักประวัติศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ว่า

“ไม่ขอเห็นด้วยกับอาจารย์ปิยบุตร

ข้อเสนอของอาจารย์ปิยบุตร เราไม่จำเป็นจะต้องเห็นด้วย หรือมีพลังอำนาจอะไรจะมาต่อรองเจรจาประนีประนอม

1. เพราะมันเลยเวลาที่จะทำการเจรจาประนีประนอมไปแล้ว กลุ่มผู้ชุมนุมเดินเข้าสู่ขบวนการยุติธรรม มีคดีอาญาติดตัวเป็นจำนวนมาก

2. เพราะอาจารย์ปิยบุตร รู้ว่าเกมนี้ฝ่ายตนพ่ายแพ้ แต่ถ้าเป็นฝ่ายชนะคงไม่มีความประนีประนอม ดังเห็นได้จากการโพสต์รัวๆ ของเขาที่ปารีส

3. การปฏิเสธว่าตนเองต้องการปฏิวัติล้มล้างมากกว่าการปฏิรูป เกิดขึ้นหลังจากมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และแนวทางของการปฏิวัติตามความเข้าใจของผู้ชุมนุม มันถูกเริ่มต้นแล้ว เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2563

4. เพราะอาจารย์ปิยบุตร รักตัวกลัวตาย กลัวขบวนการที่จัดตั้งขึ้นมาพังทลายลง จึงออกมาอธิบายต่อรองเพื่อเดิมเกมต่อ หากแต่คนไทยเขาฉลาดไม่ใช่พวกโง่แบบสองเขาสามกีบที่เคลิบเคลิ้มจนหลงลืมความถูกต้อง

5. ข้อเสนอเป็นเรื่องของตัวบุคคลไม่ใช่ของปวงชนชาวไทย

6. อาจารย์ปิยบุตร ตกอยู่ในสภาพหมดเครดิต คือ ถูกศาลฯเพิกถอนสิทธิการรับสมัครทางการเมือง พรรคที่ตนเองเป็นเลขาธิการถูกยุบ และมีแนวโน้มสูงที่จะต้องคดีอาญาหลายมาตรา


7. ข้อเสนอสามารถกระทำผ่านขบวนการรัฐสภา โดยพรรคก้าวไกล แต่ไม่ทำ เพราะต้องการจะนำเสนอผ่านสังคมโซเชียล สร้างความปั่นป่วน และความขัดแย้ง ถือเป็นบุคคลอันตราย

8. การอ้างเสรีภาพทางวิชาการของอาจารย์ปิยบุตร มักละเมิดสิทธิเสรีภาพของพระมหากษัตริย์ซึ่งผิดบทบัญัติตามมาตรา 3-4 ในรัฐธรรมนูญ และอาจลุกลามไปถึงมาตรา 108 หมวดความมั่นคง ในประมวลกฎหมายอาญา

9. ข้อเสนอของอาจารย์ปิยบุตร จึงไม่มีคุณค่าอะไรในทางวิชาการเพราะไม่ผ่านการลงประชามติจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไทย มีลักษณะของการต่อรอง ข่มขู่ ปราศจากความชอบธรรมทั้งทางนิตินัยและในทางที่จะนำไปปฏิบัติ

10. เราควรเลิกเชื่ออาจารย์ปิยบุตรได้แล้ว เพราะเป็นการเสียเวลาและรกสมองไปเปล่าๆ”

ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น “หมอวรงค์” จับพิรุธเวทีนางงามชักศึกเข้าบ้าน มีขบวนการต่างชาติหนุนหลัง!?

เนื้อหาระบุว่า หลังจากที่มิสแกรนด์เวียดนาม “เหงียน ตุ๊ก ตุย เตียน” สาววัย 23 ปี คว้ามงกุฎมิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล 2021 ไปครอง แต่ก็มีกระแสดราม่าตามมา กรณีชู 3 นิ้ว บนเวที


ล่าสุด ทางด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี ได้เคลื่อนไหวโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ขบวนการต่างชาติ “เหงียน ตุ๊ก ตุย เตียน” นางงามเวียดนาม คว้ามงกุฎมิสแกรนด์อินเตอร์ฯ ชู 3 นิ้ว

นี่คือ ความพยายามแทรกแซงกิจการภายในประเทศ ของขบวนการต่างชาติ ผ่านขบวนการต่างๆ ทั้งอาจารย์มหาวิทยาลัย นักศึกษา วงการบันเทิง หรือแม้แต่การประกวดนางงาม ผมเชื่อด้วยความบริสุทธิ์ใจว่า ภาพดังกล่าวที่เกิดขึ้นไม่ใช่ธรรมชาติ แต่น่าจะมีการจัดตั้งเกิดขึ้น อย่างน้อยประชาชนชาวไทยต้องตระหนักว่า ศึกล้มล้างการปกครอง มาจากทั้งภายในประเทศ ที่ชักศึกเข้าบ้าน และจากต่างชาติผ่านขบวนการต่างๆ

เราคนไทยต้องหลอมรวมใจเป็นหนึ่งเดียว เพื่อต่อต้านการรุกรานจากพวกต่างชาติ ต้องฝากไปยังท่านทูตเวียดนาม รัฐบาลเวียดนามที่ปล่อยให้ต่างชาติใช้คนของเวียดนาม เป็นเครื่องมืออ้างประชาธิปไตยจำแลง แทรกแซงระบบการปกครองของชาติไทยของเรา

ทั้งนี้ นางงามเวียดนาม “เหงียน ตุ๊ก ตุย เตียน“ ได้กล่าวสุนทรพจน์เป็นภาษาอังกฤษ เมื่อตอนที่พิธีกรประกาศผู้เข้ารอบ 10 คนสุดท้าย โดยเธอได้พูดว่า ทุกๆ สงครามที่เกิดขึ้น คือ การต่อสู้ระหว่างปีศาจและนางฟ้าที่แสนอันตราย ทว่าพวกเราสามารถรวมกันเป็นหนึ่งเดียวเพื่อควบคุมมันได้ พ่อแม่ของฉันบอกกับฉันว่าสิ่งสำคัญคือเราควรรู้ว่าความรักคืออะไร และจะแบ่งปันไปสู่ผู้อื่นได้อย่างไร ความรักและการเห็นอกเห็นใจกันจะเป็นสิ่งที่ทำให้สงครามไม่เกิดขึ้น

ฉันเชื่อว่า สิ่งนี้จะเปลี่ยนแปลงโลกได้ และพวกเราทุกคนสามารถเป็นฮีโร่ได้ด้วยความรักและความงามนี้ ก่อนทิ้งท้ายเป็นภาษาไทยว่า “ทำให้โลกเป็นที่ที่ดีขึ้นกว่าเดิมสำหรับทุกคน” พร้อมกับ ชูสามนิ้วขึ้น ทำให้กลายเป็นกระแสที่กลุ่ม 3 นิ้ว นำไปชื่นชมว่า ขนาดนางงามต่างชาติ ยังเชียร์ม็อบด้วย

ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน THE TRUTH โพสต์ประเด็น “ประวิตร” รีบแถ หลัง “โบว์ ณัฏฐา” ซัดเจ็บ “ไม่รู้จักกาลเทศะ” ขณะโพสต์ข้อความหมิ่นเหม่ ในวันพ่อ

โดยระบุว่า สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 64 ซึ่งถือว่าเป็นวันสำคัญของประเทศไทย เป็นวันพ่อแห่งชาติ รวมถึงยังเป็นวันชาติไทย ที่สถานทูตทั่วโลกที่มีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศไทยให้ความเคารพ และรำลึกถึงในหลวง ร.๙

วันดังกล่าว นายประวิตร โรจนพฤกษ์ นักหนังสือพิมพ์อาวุโสของหนังสือพิมพ์ ข่าวสดอิงลิช โพสต์ข้อความ ที่หลายคนอาจจะมองว่าเป็นการถากถางเยาะเย้ย หรือไม่? ผ่านเฟซบุ๊ก Pravit Rojanaphruk โดยมีรายละเอียดว่า

“คนไทยผู้จงรักภักดีในทวีตภพครับ รีบตื่นครับ ตื่นๆ แล้วติดแท็กทวีตเหล่านี้เพื่อแสดงความจงรักภักดีรัวๆ หน่อยครับ วันนี้ 5 ธันวา #น้อมรำลึกในหลวงรัชกาลที่9 (เพิ่ง 1.7K) #วันพ่อแห่งชาติ (2.6K) #5ธันวาคม (1.6K) – อย่าไปมัวปั่นแฮชแท็ก #แก้วมังกรสัตว์เลี้ยง เลยครับ นั่นมันสัตว์เดรัจฉานอะไรก็ไม่รู้ แก้วมังกรอ่ะ พวกไม่รู้จักกาลเทศะ เพราะตอนนี้ไปตั้ง 62K แล้ว
สำนึกถึงบุญคุณพ่อหลวงหน่อยครับ
#ป #เจ้า ปล. ข้อมูลทวีตภพ ณ เวลา 8.13am”

หลังจากที่ นายประวิตร โพสต์ข้อความหมิ่นเหม่ดังกล่าวนั้น ทำให้หลายๆ คนต่างพากันรู้สึกไม่สบายใจ หนึ่งในนั้นก็คือ โบว์-ณัฏฐา มหัทธนา นักกิจกรรมอิสระ และนักเคลื่อนไหวทางการเมืองของไทย ต้องเข้ามาแสดงความคิดเห็นในโพสต์ดังกล่าวว่า “สังคมที่มีวุฒิภาวะน่าจะอยู่ร่วมกันอย่างให้เกียรติซึ่งกันและกันได้นะคะ”


ทำให้ นายประวิตร ออกมาตอบกลับว่า ผมชี้ทางอ้อมว่า มีคนติดแฮชแท็กสรรเสริญเจ้าทางทวีตภพน้อยเมื่อตอนเช้า เพื่อสะท้อนความจริงในทวีตภพวันนี้ นั่นเป็นการไม่ให้เกียรติตรงไหนครับ?

ไม่เคยใช้คำด่าหยาบคาย แถมผมเรียกร้องให้รอยัลลิสต์ติดแท็กเยอะๆ ด้วย

หน้าที่ผมคือ ชี้ให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของสังคม ผมไม่ใช่นักการทูต หรือพนักงานกรมประชาสัมพันธ์ พลวัตอะไรที่น่าสนใจผมก็พยายามนำเสนอ

แค่มี #ม112 จนวิพากษ์อะไรก็ไม่ได้เพราะเสี่ยงติดคุกก็หนักพอแล้ว แล้วจะว่าไปก็น่าเสียดายยิ่งที่มิได้มีการปฏิรูปหรือยกเลิก #ม112 ในรัชสมัย ร9 หากกลายเป็นว่าโทษถูกปรับให้สูงขึ้นหลังเหตุการณ์สังหารหมู่ 6 ตุลา 2519 ด้วยซ้ำ

และนี่ยังไม่รวมนักโทษทางความคิด 112 ที่วันนี้ “เฉลิมฉลอง” อยู่ในคุกอีกหลายคน และคนอีกร้อยกว่าคนที่โดนข้อหาคดี ม112

จริงๆ แล้วผมว่าจะไม่พูดเรื่อง #ม112 ในวันนี้ แต่เมื่อโบว์หาว่าผมไม่ให้เกียรติ ก็เลยขอเอ่ยหน่อย เพราะศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ซึ่งรวมถึงเสรีภาพในการแสดงออกอย่างสันติ แสดงความเห็นต่างอย่างสันติ เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่สำคัญกว่ามุมมองว่าใครให้เกียรติหรือไม่ให้เกียรติผู้ใด
ด้วยมิตรภาพครับ
#ป #ม112 #ยกเลิก

ซึ่งหลังจาก นายประวิตร ได้แสดงความคิดเห็นดังกล่าวออกมา โบว์-ณัฏฐา ได้ตอบกลับ ในทำนองไม่อยากโต้เถียงสั้นๆ ว่า “เคารพในวิจารณญาณค่ะ”

แน่นอน, ประเด็นที่น่าคิดก็คือ ความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศไทย นอกจากสีเสื้อแล้ว ยังมีประเด็นความคิดเห็นเกี่ยวกับสถาบันฯ สอดแทรกขึ้นมาอีกอย่างด้วย

ประเด็น “สีเสื้อ” ชัดเจนว่า เป็นการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจทางการเมือง ของกลุ่มอดีตนายกฯ กับ กลุ่มคนชั้นกลาง ที่ต่อต้านนักการเมืองทุจริตคอร์รัปชัน

ส่วนประเด็นความคิดเห็นต่อสถาบันฯ เป็นการจุดประเด็นจากนักวิชาการเสรีประชาธิปไตยสุดโต่ง ซึ่งประกาศตัวชัดเจนว่า คลั่งปฏิวัติฝรั่งเศส และคลั่งการปกครองแบบสาธารณรัฐ ซึ่งแน่นอนว่า ไม่เป็นไปตามการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อย่างที่ไทยเป็นอยู่

ความขัดแย้งส่วนนี้ อาศัยม็อบ 3 นิ้ว เป็นหัวหอกในการเคลื่อนไหวต่อสู้ และมีขบวนการอีแอบสนับสนุนมากมาย ทั้งในไทย และต่างชาติ ซึ่งพบได้จากการออกมาปกป้องหนุนหลังของกลุ่มองค์กรทั้งในไทย และในต่างประเทศ

ความขัดแย้งสีเสื้อนั้น เวลานี้คลี่คลายลงไปมาก แม้ว่า ยังไม่อาจเลือนหายไปตามกาลเวลาก็ตาม
ทว่า ความขัดแย้งเรื่องความคิดเห็นต่อสถาบันฯ กลับรุนแรงขึ้น และแสดงออกอย่างชัดแจ้งผ่านความคิดเห็นทางสื่อสังคมออนไลน์ การร่วมม็อบ 3 นิ้ว การสนับสนุนม็อบ 3 นิ้ว การให้ความช่วยเหลือม็อบ 3 นิ้วที่ถูกดำเนินคดี อันเนื่องมาจากทำผิดกฎหมายหลายคดี รวมทั้ง ม.112 (หมิ่นสถาบันฯ) กว่า 100 คดี นี่คือ สิ่งบ่งบอกอย่างชัดเจนว่า ขบวนการ 3 นิ้ว มีเป้าหมายอะไร?

เพราะฉะนั้น ไม่ว่าประเด็นของ ปิยบุตร ประเด็นนางงามชู 3 นิ้ว ประเด็น “โบว์” ฉะ “ประวิตร” ก็คือ ผลพวงของความขัดแย้ง อันเนื่องมาจากความคิดเห็นต่อสถาบันฯ

แต่ยังดี ที่ต่อให้ดุดันแหลมคมเพียงใด ก็มีข้อพิสูจน์อย่างชัดแจ้งแล้วว่า คนไทยส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย และกำลังเป็นความพ่ายแพ้ของม็อบ 3 นิ้วอยู่ในเวลานี้นั่นเอง