นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการ โพสต์ข้อความกรณี “มิสแกรนด์เวียดนาม” ชู 3 นิ้ว ตั้งคำถามว่าถูกเสี้ยมให้ชู หรือตั้งใจเอง หากเป็นอย่างหลังก็ผิดสนธิสัญญาระหว่างประเทศ แนะรัฐบาลไทยควรแสดงท่าทีประท้วง พร้อมจี้กองประกวดแสดงความรับผิดชอบ
จากกรณีควันหลงจากกองประกวดมิสแกรนด์อินเตอร์เนชันแนล 2021 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อค่ำคืนวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา ณ โชว์ดีซี ฮอลล์ ในฐานะประเทศเจ้าของลิขสิทธิ์ และประเทศเจ้าภาพในปีนี้ ปรากฏว่า
“เหงียน ตุ๊ก ตุย เตียน” มิสแกรนด์เวียดนาม นักธุรกิจสาววัย 23 ปี เป็นผู้ชนะการประกวดได้มงกุฎมิสแกรนด์อินเตอร์เนชันแนล 2021 ไปครองนั้น ก็ปรากฏเป็นดรามาตามมา หลังจากในรอบ 5 คนสุดท้ายมิสแกรนด์เวียดนามได้ตอบคำถามที่ถามว่า สถานการณ์โลกในปัจจุบันที่มีปัญหามากมาย เช่น สิทธิมนุษยชน เศรษฐกิจ หากคุณสามารถเลือก 1 คนเพื่อมาถกประเด็นปัญหาดังกล่าวเพื่อเปลี่ยนแปลง คุณจะเลือกใคร และเพราะอะไร? โดยสาวเวียดนามตอบได้ดีท่ามกลางเสียงเชียร์ ก่อนทิ้งท้ายเป็นภาษาไทยว่า... “ทำให้โลกเป็นที่ที่ดีขึ้นกว่าเดิมสำหรับทุกคน” พร้อมชูสามนิ้ว เมื่อเหงียน ตุ๊ก ตุย เตียนชูสัญลักษณ์ของม็อบ 3 นิ้วบนเวทีประกวด งานนี้จึงเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์
อย่างไรก็ตาม วันนี้ (6 ธ.ค.) นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการ ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว “เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค” กล่าวถึงประเด็นเหตุการณ์การชู 3 นิ้วของมิสแกรนด์เวียดนาม พร้อมตั้งคำถามว่า “นางงามเวียดนามแหกสนธิสัญญาระหว่างประเทศ หรือคนไทยระยำยืมมือต่างชาติ ทำลายชาติตัวเอง” ทั้งนี้ นายอัษฎางค์ได้ระบุข้อความว่า
“เมื่อเวลา 19.00 น.ของวันที่ 4 ธันวาคม กองประกวดมิสแกรนด์อินเตอร์เนชันแนล 2021 จัดการประกวดรอบตัดสิน (Final Competition) ณ โชว์ดีซี ฮอลล์ (SHOW DC HALL) โดยมีมิสแกรนด์เวียดนาม “เหงียน ตุ๊ก ตุย เตียน” (Nguyen Thuc Thuy Tien) เป็นผู้ชนะการประกวดมิสแกรนด์อินเตอร์เนชันแนล 2021 คว้ามงกุฎและครองตำแหน่งมิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนลคนที่ 9 ของโลกได้สำเร็จ หลังจากกล่าวสุนทรพจน์รณรงค์แคมเปญ “stop the war and violence” ยุติสงครามและความรุนแรงทุกรูปแบบ ก่อนทิ้งท้ายเป็นภาษาไทยว่า “ทำให้โลกเป็นที่ที่ดีขึ้นกว่าเดิมสำหรับทุกคน” พร้อมชูสามนิ้ว ซึ่งการชูสามนิ้วในเมืองไทยคือสัญลักษณ์ของคนกลุ่มใด ด้วยวัตถุประสงค์ทางการเมืองใด คนไทยรู้อยู่เต็มหัวใจทุกคน
เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วว่าม็อบสามนิ้วนั้นเป็นการชุมนุมเพื่อประชาธิปไตยที่ซ่อนเร้นการล้มล้างการปกครอง หมายความว่า นางงามเวียดนามให้การสนับสนุนกลุ่มคนที่ชุมนุมเพื่อประชาธิปไตยที่ซ่อนเร้นการล้มล้างการปกครองในประเทศไทยหรือ?
หมายความว่า นางงามเวียดนามพยายาม “แทรกแซงภายใน โค่นล้มอธิปไตย ด้วยการบีบบังคับจากภายนอก” ซึ่งเป็นการกระทำผิดตาม “สนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือของประเทศสมาชิกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (TAC)” หรือ?
สนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือของประเทศสมาชิกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ (Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia-TAC) ซึ่งจัดทําขึ้นโดยประเทศสมาชิกอาเซียน 5 ประเทศ ต่อมาสมาชิกอาเซียนเพิ่มเป็น 10 ประเทศ ปัจจุบันสนธิสัญญา TAC มีอัครภาคี 29 ประเทศ กับ 1 องค์กรระหว่างประเทศ ประกอบด้วย ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไน ลาว กัมพูชา ลาว เมียนมา ปาปัวนิวกินี อินเดีย ญี่ปุ่น ปากีสถาน เกาหลีใต้ รัสเซีย มองโกเลีย นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส ติมอร์ ศรีลังกา บังกลาเทศ เกาหลีเหนือ สหรัฐฯ ตุรกี แคนาดา และสหราชอาณาจักร
โดยหลักการพื้นฐานของความร่วมมือและการดําเนินความสัมพันธ์ระหว่างกันของประเทศสมาชิก หลักการสําคัญของสนธิสัญญา ซึ่งมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2519 โดยประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศสมาชิกอื่นๆ ทั้ง 29 ชาติต้องยึดถือ ยอมรับและปฏิบัติตามหลักการดําเนินความสัมพันธ์ในภูมิภาค ได้แก่
• เคารพในเอกราช การมีอํานาจอธิปไตย ความเท่าเทียมกัน ความมั่นคงทางดินแดนและเอกลักษณ์แห่งชาติของทุกประเทศ
• ปราศจากการแทรกแซงจากภายนอก การโค่นล้มอธิปไตย หรือการบีบบังคับจากภายนอก
• การไม่แทรกแซงกิจการภายในซึ่งกันและกัน
การกระทำของนางงามเวียดนามเข้าข่ายการกระทำในข้อ “การแทรกแซงจากภายนอก การโค่นล้มอธิปไตย หรือการบีบบังคับจากภายนอก”
เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วว่าม็อบสามนิ้วเป็นการชุมนุมเพื่อประชาธิปไตยที่ซ่อนเร้นการล้มล้างการปกครอง เมื่อนางงามเวียดนามชูสัญลักษณ์สามนิ้ว ก็เป็นการแสดงออกว่าสนับสนุนม็อบล้มล้างการปกครอง เท่ากับสนับสนุนการโค่นล้มอธิปไตย นางงามเวียดนามและรัฐบาลเวียดนามจะรับผิดชอบและตอบคำถามนี้กับประเทศไทยและอาเซียนอย่างไร? คนไทยและอาเซียนรอคำแถลงการณ์ของนางงามเวียดนามและรัฐบาลเวียดนาม
เป็นเรื่องเหลือเชื่อหากนางงามเวียดนามจะอ้างว่าติดตามการเมืองไทย นางงามเวียดนามให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “ฉันทราบถึงสถานการณ์ในประเทศไทยเมื่อประมาณ 2-3 เดือนก่อนเกี่ยวกับการที่ประชาชนออกมาต่อสู้เรียกร้องและต่อสู้ภายในประเทศไทย เพราะฉะนั้นฉันจึงเพียงต้องการชูสามนิ้วด้วยความหมายของประโยคภาษาไทยที่ว่า “ทำให้โลกเป็นที่ที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน”
ถ้านางงามเวียดนามติดตามสถานการณ์ในประเทศไทยเมื่อประมาณ 2-3 เดือนก่อนจริง นางต้องทราบข่าวว่าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยและว่าการที่ประชาชนกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นกลุ่มที่ชูสามนิ้วเป็นสัญลักษณ์ เป็นการออกมาต่อสู้เรียกร้องเพื่อประชาธิปไตยจำแลงที่ซ่อนเร้นการล้มล้างการปกครอง
ดังนั้น การที่นางงามเวียดนามที่ชูสามนิ้วแสดงสัญลักษณ์ถึงการแทรกแซงกิจการภายในนั้นมาจากตัวเองล้วนๆ หรือมีคนไทยเสี้ยม
• ถ้าคิดเอง ก็ถือว่ามีความผิดฐาน “แทรกแซงกิจการภายใน” นางงามและรัฐบาลเวียดนามต้องแสดงความรับผิดชอบต่อความผิดต่อสนธิสัญญาระหว่างประเทศ
• ถ้าถูกเสี้ยม ก็ถือว่าตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง ซึ่งแสดงว่าการประกวดไม่โปร่งใส เป็นเวทีประกวดนางงามที่ซ่อนเร้นวาระทางการเมือง ซึ่งศาลวินิจฉัยว่าเป็นความพยายามเรียกร้องประชาธิปไตยจำแลงที่ซ่อนเร้นการล้มล้างการปกครอง กองประกวดและผู้จัดการประกวดต้องแสดงความรับผิดชอบ
เป็นที่น่าสังเกตว่าการประกวดมิสแกรนด์อินเตอร์เนชันแนลเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมามีนางงาม 6 คน ประกอบด้วย อาเบนา อัปเพียห์ มิสแกรนด์อินเตอร์เนชันแนล 2020 จากสหรัฐอเมริกา, ซาแมนตา เบอร์นาร์โด รองอันดับ 1 จากประเทศฟิลิปปินส์, อีบานา แบตเชเลอร์ รองอันดับ 2 กัวเตมาลา, ออรา คาริสมา รองอันดับ 3 อินโดนีเซีย รองอันดับ 4 เฮเลน แคทเธอรีน มาเฮอร์ มิสแกรนด์สกอตแลนด์ 2020, ฮาน เลย์ มิสแกรนด์เมียนมา 2020 ทั้ง 6 สาวงามชู้สามนิ้วและติดแฮชแท็ก#WhatHappeningInThailand มาครั้งหนึ่งแล้ว และที่เลวร้ายที่สุดคือการให้นางงามฟิลิปปินส์ที่เป็นรองอันดับ 1 ของการประกวดปีที่ผ่านมาทำหนังสือวิจารณ์โจมตีประเทศไทยไปยัง UN
ซึ่งถ้าจับได้ว่าเป็นฝีมือของผู้จัดและกองประกวดที่เสี้ยมสอนนางงามต่างชาติซึ่งไม่รู้ตื้นลึกหนาบางในกิจการในเมืองไทยให้กระทำการดังกล่าว ก็แสดงว่าผู้จัดและกองประกวด ซึ่งมีพฤติกรรมแบบนี้ถือเป็นการ “ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน” และมีความพยายามในการล้มล้างการปกครอง หรือไม่
เนื่องจากสนับสนุนกลุ่มคนผู้ชุมนุประท้วงที่ชูสามนิ้ว ซึ่งศาลวินิจฉัยว่าเป็นการเรียกร้องประชาธิปไตยที่ซ่อนเร้นล้มล้างการปกครอง
หากไม่พอใจนายกรัฐมนตรีหรือรัฐบาลก็วิพากษ์วิจารณ์นายกรัฐมนตรีหรือรัฐบาลไป มันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานภายใต้กฎหมายที่กระทำได้ แต่การกระทำแบบนั้น ไม่เรียกว่าการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลหรือเป็นการแสดงความเป็นห่วงเป็นใยต่อประเทศไทย แต่เป็นการชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้านของตัวการสำคัญที่เราคนไทยไม่ว่าฝ่ายไหนรู้ดีว่าเป็นใคร และเป็นความพยายามแทรกแซงกิจการภายในของนางงามต่างชาติ ที่น่าจะมีคนไทยที่เป็นตัวการสำคัญเสี้ยมอยู่เบื้องหลัง ซึ่งไม่ต้องบอก คนไทยไม่ว่าฝ่ายไหนก็รู้ว่าเป็นใคร หรือไม่
สรุป
คำถามคือ การที่นางงามเวียดนามที่ชูสามนิ้วแสดงสัญลักษณ์ถึงการแทรกแซงกิจการภายในนั้นมาจากตัวเองล้วนๆ หรือมีคนไทยเสี้ยม
• ถ้าคิดเอง ก็ถือว่ามีความผิดฐาน “แทรกแซงกิจการภายใน” คนไทยขอประท้วง และรัฐบาลไทยควรแสดงท่าทีประท้วง นางงามและรัฐบาลเวียดนามต้องแสดงความรับผิดชอบต่อความผิดต่อสนธิสัญญาระหว่างประเทศ
• ถ้านางงามถูกเสี้ยม ก็ถือว่าตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง ซึ่งแสดงว่าการประกวดไม่โปร่งใส เป็นเวทีประกวดนางงามที่ซ่อนเร้นวาระทางการเมือง ซึ่งศาลวินิจฉัยว่าเป็นความพยายามเรียกร้องประชาธิปไตยจำแลงที่ซ่อนเร้นการล้มล้างการปกครอง กองประกวดและผู้จัดการประกวดต้องแสดงความรับผิดชอบ
ซึ่งความผิดต้องเป็นไปตามอย่างใดอย่างหนึ่งจาก 2 กรณีนี้ ถ้าไม่ใช่ตัวนางงามเวียดนามก็ต้องเป็นกองประกวด แต่ถ้าไม่ใช่กองประกวด ก็ต้องเป็นที่ตัวนางงามซึ่งรัฐบาลเวียดนามต้องร่วมรับผิดชอบ”
อ่านโพสต์ต้นฉบับ