ย้อนลึก! “สาว” ตัดต่อภาพพระแก้วฯ ทำผิดแต่โทษ กม. พบคลั่ง “ธนาธร” ขั้นอยากเป็นภรรยาน้อย? “สุนัย” เผยพระกัมพูชาลี้ภัยไทยถูก ตร.จับสึก ได้ประกันพ้น ปท.แล้ว! “รุ้ง” โผล่ถูกใจ “เทพมนตรี” ย้ำ จับตาเผ่นซบสหรัฐฯ?
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (4 ธ.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น ย้อนลึก! “สาว” ตัดต่อภาพพระแก้วฯ ทำผิดแต่โทษ กม. พบคลั่ง “ธนาธร” ตั้งแต่สมัย อนค. อึ้งถึงกับโพสต์ ทีเล่นทีจริง อยากเป็นภรรยาน้อย?
โดยระบุว่า จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Warunee Weerasak ได้โพสต์ข้อความพร้อมกับรูปภาพ ที่มีการตัดต่อพระแก้วมรกต ซึ่งทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก
และเมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่ บก.ปอท. นายอานนท์ กลิ่นแก้ว แกนนำกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) พร้อม นายนพดล พรหมภาษิต เลขาฯ ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ (ศชอ.) เข้าพบ พ.ต.อ.อธิป พงษ์ศิวาภัย รอง ผบก.ปอท. และ ร.ต.อ.ฐานันดร สาสูงเนิน รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท.
พร้อมหลักฐานภาพตัดต่อพระแก้วมรกต ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่ประชาชนคนไทยเคารพบูชา จากเฟซบุ๊กชื่อ “Warunee Weerasak” โพสต์ไว้เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 64 ที่ผ่านมา ซึ่งพบว่ามีคนแชร์ไปกว่า 968 ครั้ง เพื่อให้ตรวจสอบและดำเนินคดีตามความผิด ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนรับแจ้งไว้ตรวจสอบและจะได้ดำเนินการตามตามขั้นตอนทางกฎหมาย
ต่อมา วานนี้ (3 ธ.ค. 64) ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ ศชอ. ได้โพสต์ข้อความว่า เมื่อวาน ทีมสืบทำการจับกุมตัวตามหมายจับของศาลที่บ้านพัก ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก โดยไม่มีการขัดขืน นำตัวมาฝากขังที่ สน.ทุ่งสองห้อง วันนี้ จะพาตัวมาที่ ปอท. เพื่อขอศาลฝากขังผ่านทาง Online ตอนเย็นถึงทราบว่าศาลจะให้ประกันตัว หรือถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ #ตัดต่อภาพพระแก้ว
โดยเมื่อเวลา 10.00 น. ร.ต.อ.พิเชษศักดิ์ ปิยะรัตนสถิตย์ รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท.เบิกตัว น.ส.วารุณี (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว เจ้าของบัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “Warunee Weerasak” ที่โพสต์ภาพตัดต่อเครื่องทรงพระแก้วมรกต เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่ผ่านมา ในลักษณะมิบังควร มายัง บก.ปอท.เพื่อขออำนาจศาลอาญาฝากขัง ผ่านทางระบบ video conference
หลังจากฝ่ายสืบสวน กก.3 บก.ปอท.นำหมายจับศาลอาญา ที่ 2047/2564 ลงวันที่ 1 ธ.ค. 2564 ไปจับกุมตัวมาจาก จ.พิษณุโลก เมื่อวานนี้ (2 ธ.ค.) มาดำเนินคดีข้อหา ม.112 ซึ่งบัญญัติว่า “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี” และ มาตรา 206 “ผู้ใดกระทำด้วยประการใดๆ แก่วัตถุหรือสถานอันเป็นที่เคารพในทางศาสนาของหมู่ชนใด อันเป็นการเหยียดหยามศาสนานั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” รวมทั้งความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ม.14(3) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูล คอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย ต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนก แก่ประชาชน โดยวันนี้มีเพื่อนๆ จำนวน 5-6 คนที่ทราบข่าวว่า น.ส.วารุณี ถูกจับเดินทางมารอลุ้นว่าศาลจะให้ประกันตัว หรือถูกส่งตัวเข้าเรือนจำในช่วงบ่ายวันนี้ ภายหลังได้ประกันตัวจากศาลอาญา ที่ทนายยื่นขอประกันด้วยเงินสด 1 แสนบาท
น.ส.วารุณี เปิดใจให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับคดีที่โดนจับกุมตัวมา บก.ปอท.ว่า “ศาลได้ให้ประกันตัวในข้อหาความผิดกฎหมายอาญา ม.112 ม.206 และ พ.ร.บ.คอมพ์ ม.14(3) ตนได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยวางเงินประกันจำนวน 1 แสนบาท และต้องมารายงานตัววันที่ 20 ม.ค. 65 ก่อนตำรวจ ปอท.จะไปจับตนไม่เคยได้รับหมายเรียกมาก่อน เมื่อวานนำกำลังไปจับตนที่หน้าบ้าน ก่อนแสดงหมายจับและหมายค้น ยึดเอาโทรศัพท์มือถือ และคอมพิวเตอร์มาตรวจสอบเป็นของกลางในคดี ซึ่งตนปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและจะสู้ให้ถึงที่สุดต่อไป
ทั้งนี้ สงสัยว่า ทำไมไม่มีหมายเรียกก่อนถึงออกหมายจับตำรวจที่ไปจับกุมแจ้งว่า ไม่ทราบ เขามาจับตามหน้าที่ก่อนเอาตัวไปลงประจำวันที่ สภ.เมือง พิษณุโลก แล้วคุมตัวมา บก.ปอท.ถีงเมื่อบ่ายวานนี้ สอบปากคำอยู่ประมาณ 2 ชม. เสร็จเอาตัวไปฝากขังที่ สน.ทุ่งสองห้อง ได้รับความสะดวกตามอัตภาพ ได้อนุญาตให้โทร.ติดต่อญาติและทนาย ซึ่งจัดให้อยู่ห้องขัง สน.ทุ่งสองห้อง กับผู้ต้องหาหญิงอีก 1 คนในคดีอื่น ก่อนตำรวจ ปอท.ไปเบิกตัวมาฝากขังเช้าวันนี้
น.ส.วารุณี กล่าวว่า ตนอยากจะบอกสังคมว่ากฎหมายมาตรานี้ เป็นกฎหมายที่กว้างมาก ยังมีหลายคนที่ใช้มันเป็นเครื่องมือเป็นอาวุธในการทำร้ายบุคคลอื่นอีก ฉะนั้น ถ้าใครจะทำอะไรก็ขอให้มีสตินึกคิดเยอะๆ ขอให้เคสของตนเป็นกรณีตัวอย่างแล้วกันว่า การที่เราจะโพสต์อะไรลงไปในเฟซบุ๊ก บางทีเราอาจจะไม่ทันได้คิดว่ามันจะเกิดเรื่องที่บานปลายได้ขนาดนี้ แต่เป็นเพราะกฎหมายตัวนี้ มันถึงทำให้เกิดเรื่องขนาดนี้ได้ ตามมุมมองของตนที่โดนดำเนินคดีนี้ไม่เข้าข่ายที่จะถูกดำเนินคดีด้วยซ้ำไป แต่ก็ยังสามารถเอามาแจ้งความดำเนินคดี ม.112 กับตนได้เลย ฉะนั้น อยากจะฝากให้คนที่คิดจะโพสต์อะไรก็คิดให้ดีๆ ก่อน ตนก็เป็นห่วงทุกๆ คน เบื้องต้นตนได้ให้การปฏิเสธทุกข้อหาจะขอไปต่อสู้ในชั้นศาลต่อไป
จากการตรวจสอบของทีมข่าวเดอะทรูธ พบว่า น.ส.วารุณี มีเฟซบุ๊กสำรองที่ใช่ชื่อเดียวกัน ซึ่งมีการเคลื่อนไหวหลายอย่าง โดยเฉพาะเกี่ยวกับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า
โดยเมื่อวันที่ 25 พ.ค. 62 ได้มีการเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ โดยถ่ายคู่กับนายธนาธร พร้อมกับแคปชันว่า รอที่บ้านนะที่รัก
และวันที่ 26 พ.ค. ได้โพสต์รูปพร้อมกับข้อความว่า อยากไปแต่ไม่มีเพิ่ลไป เอางัยดีย์ ถ้าไปก็กืออยากได้บัตร 4,000 นั่งที่ตักธนาธรเลย ขออนุญาตยืมรูปคุนปูนค่ะ*
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 62 ได้มีการไลฟ์สด โดยในไลฟ์สดดังกล่าว ปรากฏภาพนายธนาธร โดยเจ้าตัวได้แสดงความคิดเห็นในไลฟ์ดังกล่าวว่า “อยากได้อะ” “พูดไม่ได้ กลัวคนมองแรง” “อยากเปงเมียน้อย”?
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือน น.ส.วารุณี จะมีความชื่นชอบและมีความชื่นชมต่อตัวนายธนาธรเป็นอย่างมาก อาจเป็นเพราะว่า นายธนาธร คือ นักการเมืองรุ่นใหม่ ที่นอกจากมีความสามารถแล้ว หน้าตาก็ยังจัดว่าดีเลยทีเดียว
ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น สุนัย เผยพระกัมพูชาลี้ภัยไทยถูก ตร.จับสึก ได้ประกันพ้น ปท.แล้ว! รุ้งโผล่ร่วมเคลื่อนไหว จับตาเผ่นซบสหรัฐฯ?
เนื้อหาระบุว่า จากกรณีที่ รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ได้รับการปล่อยตัวจากทัณฑสถานหญิงกลาง หลังศาลให้ประกันตัวชั่วคราว เพื่อกลับไปทำการสอบ โดย รุ้ง ได้เปิดเผยว่า ตนเองกำลังจะเป็นคนที่โดนคดีทางการเมืองอย่างเต็มรูปแบบ ก่อนที่รถจะเคลื่อนออกไปจากหน้าเรือนจำ
ต่อมา นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา โพสต์เฟซบุ๊ก ถึง “รุ้ง” ว่า
พรุ่งนี้อยากเห็นศาลถอนประกันรุ้ง ดูเหมือนว่าเธอกำลังจะปูพื้นฐานจากคดีอาญา ให้กลายเป็นคดีการเมือง ถ้าแม้ UNSCR จะเข้ามาช่วยเหลือ ช่องทางธรรมชาติอาจเป็นหนทางที่เธอเลือก การเตรียมการลี้ภัยมีแนวโน้มสูงมาก การโดนปรับแค่เงิน 90,000 บาท มันเล็กน้อยมากกับคดีความทางอาญาที่เธอโดนหลายคดี อัตราโทษจำคุกหลายสิบปี อาจารย์ที่ค้ำประกันเธอไว้จะได้รับโทษอะไร มีกฎหมายอะไรจะลงโทษได้ สังคมไทยอ่อนแอเรื่องนี้ นักโทษคดีอาญาไปกองรวมกันที่ฝรั่งเศส และในอเมริกา เป็นจำนวนมาก และสามารถหลบหนีไปได้แบบตั้งใจ
ในขณะเดียวกัน ทางด้าน นายสุนัย ผาสุก ที่ปรึกษาองค์กรสิทธิมนุษยชนนานาชาติฮิวแมนไรต์วอทช์ ได้โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ถึงกรณีของพระสงฆ์ชาวกัมพูชารูปหนึ่งที่ได้ลี้ภัย โดยบอกว่า ข่าวดี! Bor Bet พระผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชาที่ถูกตำรวจไทยจับสึก รอดแล้ว … ไม่ถูกเนรเทศ และได้ประกันตัว ขั้นตอนต่อไปคือหวังว่าจะได้เดินทางออกจากไทยไปตั้งถิ่นฐานในประเทศที่ปลอดภัยจากเงื้อมมือเผด็จการ … ขอบคุณทุกแรงสนับสนุน #ส่องทวีตยามเช้า
ทำให้ต่อมา นายเทพมนตรี ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าว ว่า ขอให้ผมเดาผิด สุนัยรายงานเรื่องพระเขมรได้สถานะผู้ลี้ภัยโดย UNHCR ซึ่งทวิตเตอร์นี้ทำให้รุ้งกดชื่นชอบ ช่องทางอย่างหนึ่งที่เป็นไปได้ รายงานของแอมเนสตี้ฯที่เกี่ยวกับรุ้งหลายสิบหน้าประสานความจำเป็นต่อ UNHCR โดยความร่วมมือมหามิตรต่างประเทศ และสำนักข่าวใหญ่คับอังกฤษที่เคยสนับสนุนรุ้ง ท่องจำว่าเป็นคดีการเมือง
เป้าหมายรุ้งอาจได้ไปกินน้ำที่อเมริกา ไม่คอร์แนล ก็วิสคอนซิน อันเป็นเครือข่ายครูบาอาจารย์ ผมสันนิษฐานว่า อาจได้เป็นศิษย์รุ่นน้องเดวิด ที่วิสคอนซิน เพราะอยู่คณะสังคมวิทยาฯ 55555 ถ้าไปถึงสีหนุวิลล์หรือเสียมเรียบได้บินไปต่อเครื่องสบาย รัฐบาลอย่าประมาท เพราะคดีนี้มีอัตราโทษสูง แรงจูงใจที่จะสู้คดีไม่มี ติดคุกแน่ ทำได้อย่างเดียวคือถอดเครื่องพันธนาการทั้งปวง
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ การดิสเครดิต กฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมไทย ของสาวที่อยากเป็นคนสนิทธนาธร ที่ทำผิดตัดต่อภาพพระแก้วมรกตมาโพสต์ลงเฟซบุ๊ก
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก เรื่องเล่นอีกต่อไป เพราะอย่าลืมว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล ในฐานะอาจารย์ทางกฎหมาย ก็มักบิดเบือนโจมตีกระบวนการยุติธรรมไทยหลายครั้ง แม้มีความผิดตามข้อกฎหมายเห็นได้ชัด แต่ก็พยายามดึงเอาเรื่องการเมืองเข้ามาบิดเบือน เช่น ข้ออ้างถูกกลั่นแกล้งทางการเมืองบ้าง และล่าสุด ที่ประกาศความพ่ายแพ้ของม็อบ 3 นิ้ว ก็อ้าง “นิติสงคราม” รังแก
แต่พอคำตัดสินถูกใจฝ่ายตัวเอง ก็อ้างว่า พิสูจน์แล้ว ตัวเอง บริสุทธิ์ ไม่ได้ทำผิดตามที่มีการกล่าวหา คือ จะเอาดีใส่ตัวตลอด แล้วโยนผิดให้คนอื่น จนถูกเลียนแบบของฝ่าย “3 นิ้ว” ไปแล้ว
กรณีสาวที่อยากเป็นคนสนิท “ธนาธร” ก็เช่นเดียวกัน ทั้งที่มีหลักฐานชัดเจน แต่ก็ยังบิดเบือนโทษกฎหมาย เหมือนคนฟังโง่ทั้งประเทศ
และแม้กระทั่ง “รุ้ง” ที่พยายามจะบอกกับสังคมไทยและสังคมโลก ว่า เธอไม่ได้ทำผิดอะไร เธอถูกกลั่นแกล้งรังแกทางการเมือง เพื่อให้เข้ากับ “เงื่อนไขลี้ภัย” นั่นเอง
อย่าลืมว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็อ้างทำนองนี้เช่นกัน แม้ว่า จะผิดคดีอาญาชัดเจน
ประเด็นก็คือ ถ้าขืนปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมไทยจะถูกมองว่าเต็มไปด้วยการเมือง ไม่น่าเชื่อถือ บังคับใช้ได้แต่กับคนตัวเล็ก คนยากคนจนที่ไม่มีปัญญา “ลี้ภัย” เพราะมีการปล่อยให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นจนกลายเป็นช่องทางหนีความผิดไปแล้ว
หรือว่ากฎหมายไทย กระบวนการยุติธรรมไทย จะยอมศักดิ์สิทธิ์แต่เฉพาะกับคนที่หนีไปไหนไม่ได้เท่านั้น ลองตรองดูก็แล้วกัน และไหนว่า คนรุนใหม่จะทำให้สังคมดีกว่าเดิม แล้วทำไมสร้างแต่เรื่องเลวทราม?