ศูนย์ข่าวศรีราชา - เจ้าอาวาสวัดดัง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี แจงสื่อกรณีถูกร้องเรียนเรื่องการมีสัมพันธ์กับผู้หญิงไม่เป็นความจริง ระบุอาจถูกกลั่นแกล้งจากผู้เสียประโยชน์จากการพัฒนาวัด ขอให้ทุกฝ่ายรอฟังคำพิจารณาจากสำนักพระพุทธศาสนา
จากกรณีที่มีประชาชนร้องเรียนไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ถึงพฤติกรรมของพระสงฆ์รูปหนึ่งในจังหวัดชลบุรี มีสัมพันธ์กับผู้หญิง ในปี 2562 และมีประวัติการกระทำเชิงชู้สาวกับฆราวาสมาแล้วมากกว่า 1 ราย โดยใช้ไลน์หรือเฟซบุ๊กสนทนาและพฤติกรรมการพูดจาไม่สุภาพหยาบคาย
จนทำให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ทำหนังสือแจ้งมายังสำนักงานพระพุทธ จ.ชลบุรี เพื่อให้ตรวจสอบพฤติกรรมของเจ้าอาวาสรายนี้ ที่มักใช้กุฏิภายในวัดเป็นพื้นที่ร่วมหลับนอน และล่วงละเมิดทางเพศหญิงสาวนั้น
ล่าสุด ช่วงเย็นวานนี้ (2 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่จากสำนักพุทธศาสนา และพระชั้นผู้ใหญ่ รวมทั้งเจ้าคณะอำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบวัดที่ถูกร้องเรียนจากชาวบ้าน โดยพบว่ามีประชาชนจำนวนมากเดินทางมารวมตัวกันเพื่อรอดูเหตุการณ์ ท่ามกลางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยใหญ่ ที่เข้ามาดูแลความเรียบร้อย
โดยชาวบ้านรายหนึ่งเผยว่า การเดินทางมารวมตัวกันที่วัดในครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อมาขับไล่เจ้าอาวาส แต่ต้องการมาปกป้องเจ้าอาวาสที่พวกตนเองนับถือมานาน และยืนยันว่าเจ้าอาวาสรูปดังกล่าวไม่มีพฤติกรรมมั่วสีกาอย่างที่มีการร้องเรียน
และยังให้เหตุผลว่า็ เจ้าอาวาสรูปดังกล่าวมีสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง พร้อมยังเรียกร้องหาความยุติธรรมให้เจ้าอาวาสอีกด้วย
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังการเข้าตรวจสอบภายในวัดของเจ้าหน้าที่สำนักพุทธ และพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ใน จ.ชลบุรี เพื่อหาข้อเท็จจริงนานกว่า 3 ชั่วโมง กลุ่มเจ้าหน้าที่ได้ทยอยกันเดินทางออกจากวัด โดยไม่ให้ข้อมูลกับชาวบ้านและผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด
สร้างความโกลาหลและความคลางแคลงใจให้ชาวบ้านและผู้สื่อข่าวเป็นอย่างมาก ที่สำคัญมีการถามหาตัวตนผู้ที่ทำการร้องเรียน ซึ่งกลุ่มชาวบ้านยืนยันว่าเจ้าอาวาสไม่มีพฤติกรรมตามที่ตกเป็นข่าว อีกทั้งยังแสดงความไม่พอใจต่อผู้สื่อข่าวอีกด้วย
อย่างไรก็ดี ผู้สื่อข่าวได้รับการชี้แจงจาก พระอาจารย์ก้อย ถึงกรณีที่ตกเป็นข่าวว่าการเข้ามาตรวจสอบของคณะกรรมการสอบสวนที่ได้รับแต่งตั้งจากสำนักพระพุทธศาสนา จ.ชลบุรี เป็นเพียงการเข้ามาเก็บรวบรวมข้อมูลและหลักฐาน และสุดท้ายจะต้องรอให้สำนักงานพระพุทธศาสนาพิจารณาเอง
“โดยส่วนตัวพระอาจารย์แล้วไม่มีอะไร เพราะบุคคลที่มีชื่ออยู่ในใบร้องเรียนออกมายืนยันแล้วว่าไม่ได้เป็นผู้ร้องเรียน ฉะนั้นเอกสารที่ทำขึ้นมาจึงมีเจตนาที่จะทำร้ายเราและบุคคลตามรายชื่อ ดังนั้นุ จึงขอให้ทุกคนรอฟังข้อพิจารณาจากสำนักพระพุทธศาสนา ที่อยู่ระหว่างการดำเนินงานตามขั้นตอนเพื่อความจริงจะปรากฏ”
พระอาจารย์ก้อย ยังฝากถึงสื่อมวลชนที่นำเสนอข่าวว่า เอกสารที่ถูกเผยแพร่ออกไปเป็นเอกสารที่ถูกดัดแปลงขึ้นมาใหม่ ซึ่งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงลงความเห็นแล้วว่าข้อมูลที่ได้ยังไม่มีน้ำหนัก หรืออาจเป็นการถูกกลั่นแกล้ง
“จากนี้ไปคงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบหาข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่ว่าจะถูกกลั่นแกล้งหรือไม่นั้นขณะนี้ยังไม่แน่ใจ ซึ่งส่วนตัวแล้วอยู่วัดนี้มาตั้งแต่ปี 2551 และเป็นคนที่นี่ บวชที่นี่ และที่ผ่านมาได้มีการพัฒนาวัดในหลายด้าน ทั้งการห้ามไม่ให้ดื่มเหล้า ไม่ให้เล่นการพนันภายในวัด และล่าสุดเรื่องการแห่นาครอบโบสถ์ ที่ขอไม่ให้มีร้องเพลงในขณะแห่นาค เพราะเขตพุทธาวาสควรเป็นสถานที่ที่ควรให้ความเคารพ ซึ่งอาจสร้างความขัดใจให้ผู้ที่ใช้วิถีเดิมๆ ได้บ้าง”
พระอาจารย์ก้อย ยังฝากให้สื่อมวลชนสอบถามไปยังชาวบ้านและพระลูกวัดว่า ที่ผ่านมาตนเองเคยมีพฤติกรรมแบบที่ได้รับการร้องเรียนหรือไม่ ส่วนกรณีที่จะมีการฟ้องร้องกลับไปยังผู้ที่ร้องเรียนหรือไม่นั้น ยืนยันว่าไม่คิดจะฟ้องร้องอะไร
“แต่อยากวอนกับสื่อมวลชนว่าข้อมูลที่ยังไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วไปลงนั้นไม่ได้ทำลายแค่เราคนเดียว แต่ที่เสียส่วนรวมคือภาพลบของศาสนา จริงๆ เห็นข่าวแต่เมื่อวานแล้วแต่ไม่ได้อ่าน หากจะสึกไปต้องไปหาต้นตอว่าเป็นยังไง ไม่อยากทำเช่นนั้น เลยคิดว่าคงเป็นกรรมก็ชดใช้กันไป” พระอาจารย์ก้อย กล่าว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้รับการเปิดเผยหญิงสาวรายหนึ่งที่ระบุว่าเป็นเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์ในเอกสารร้องเรียน ซึ่งได้รับการติดต่อจากสำนักพระพุทธศาสนาให้มายืนยันตัว โดยบอกว่าตนเองไม่ใช่ผู้ร้องเรียน และไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเพราะโดยส่วนตัวแล้วทั้งพี่ชายและมารดาปฏิบัติธรรมที่วัดนี้ อีกทั้งตนเองยังเป็นลูกบุญธรรมของเจ้าอาวาสอีกด้วย”