นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ได้ลงนามคำสั่งในการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาความเหมาะสมในการขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตพื้นที่ป่าไม้ และมอบรางวัล “ธรรมจักรสีเขียว” ซึ่งมีสมเด็จพระมหาวีรวงค์ ทรงเป็นที่ปรึกษา เพื่อเป็นการส่งเสริมให้วัดหรือพระสงฆ์ที่ได้ช่วยงานด้านป่าไม้ ในการอนุรักษ์ป่า การปลูกป่า การป้องกันการบุกรุกตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งเป็นการดูแล และเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้แก่ประเทศ อีกทั้งยังเป็นการช่วยแก้ปัญหาและลดการบุกรุกทำลายป่า นอกจากนี้ยังเป็นการร่วมกันช่วยสร้างจิตสำนึก และหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติให้แก่ชุมชน ตลอดจนประชาชนโดยทั่วไป นอกจากนี้จะได้มีการพิจารณาคัดเลือกศาสนสถาน (วัด) ที่เข้าทำประโยชน์ในเขตพื้นที่ป่าไม้เพื่อรับรางวัล “ธรรมจักรสีเขียว” โดยการประเมินผลตามหลักเกณฑ์และแนวทางที่คณะกรรมการกำหนด
นายวราวุธ รมว.ทส. เผยต่อว่า ปัจจุบันมีศาสนาสถานที่อยู่ในพื้นที่ป่า และยื่นขออนุญาตเข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่า มีความสำคัญในการช่วยปกป้องคุ้มครองดูแลพื้นที่ป่าไม้ที่ยังคงเหลืออยู่ในปัจจุบัน เป็นจำนวนมาก จึงได้สั่งการให้การพิจารณาการขออนุญาตโดยกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อประกอบการพิจารณาการอนุญาตให้ชัดเจน รวมถึงจะได้มีการคัดเลือกศาสนสถานที่มีการส่งเสริมงานด้านการป่าไม้เพื่อรับรางวัล "ธรรมจักรสีเขียว" ให้กับวัดที่มีการจัดการพื้นที่ด้านสิ่งแวดล้อมที่ดี เพื่อเป็นการเชิดชู ส่งเสริม สนับสนุน และเป็นตัวอย่างให้แก่วัด ชุมชน ราษฎรในท้องถิ่น ในการมีส่วนร่วมในการดูแลทรัพยากรป่าไม้ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ การปลูกป่า การป้องกันการบุกรุกตัดไม้ทำลายป่า การดูแลบำรุงรักษา และใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างถูกต้อง รวมทั้งการส่งเสริมให้เป็นสถานที่ศึกษาทางศาสนาพุทธ แหล่งศึกษาธรรมชาติและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ซึ่งจะเป็นการแก้ไขปัญหาพระสงฆ์ในพื้นที่ป่าไม้ รวมทั้งการพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติควบคู่กับพระพุทธศาสนา เพื่อให้เกิดความยั่งยืนตลอดไป
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ได้มอบหมายให้กรมป่าไม้จัดทำโครงการ “ธรรมจักรสีเขียว” ขึ้น โดยให้เร่งพิจารณาความเหมาะสมในการขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตพื้นที่ป่าไม้ตามหลักเกณฑ์กำหนด เพื่อให้ศาสนสถานต่างๆ ที่ได้รับการอนุญาตได้เข้าร่วมโครงการดังกล่าว โดยจะเป็นการดำเนินการพิจารณาร่วมกันระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยจะได้วางแนวทางเพื่อส่งเสริมให้วัดหรือพระสงฆ์ได้ช่วยงานด้านป่าไม้ได้อย่างจริงจังและต่อเนื่องในรูปแบบที่เหมาะสมต่อไป นอกจากนี้ ศาสนสถานจะเป็นเสมือนสถานที่ศึกษาทางพุทธศาสนา เป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติ และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ซึ่งจะเป็นการแก้ไขปัญหาพระสงฆ์ในพื้นที่ป่าไม้ รวมทั้งยังเป็นการพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติควบคู่ไปกับพุทธศาสนาต่อไป