รมว.คมนาคม เน้นย้ำ Landbridge ต้องลดระยะเวลา ลดต้นทุน ดึงดูดผู้ประกอบการจากทั่วโลก หันสู่การเป็นเส้นทางหลักในการขนส่งสินค้าเชื่อมโยงมหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรแปซิฟิก คาดปริมาณสินค้าผ่านปีละ 20 ล้านทีอียู เทียบเท่าฮ่องกง มากเป็นอันดับ 8 ของโลก
วันนี้ (24 พ.ย.) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานประชุมติดตามความก้าวหน้า โครงการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบเบื้องต้น ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และวิเคราะห์รูปแบบโมเดลการพัฒนาการลงทุน (Business Development Model) โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง เพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทย และอันดามัน (Land Bridge) ผ่านการประชุมทางไกล (Video Conference) เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2564 โดยมี นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคม (หัวหน้ากลุ่มภารกิจการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านทางหลวง) นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม (หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านการขนส่ง) หัวหน้าหน่วยงาน และผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า จากผลการศึกษามีการคาดการณ์ว่า จะมีปริมาณสินค้าเข้ามาใน Landbridge มากถึงกว่า 20 ล้าน TEUs ซึ่งจะเทียบเท่ากับท่าเรือฮ่องกง ที่มีตู้สินค้าผ่านท่าเรือมากเป็นอันดับที่ 8 ของโลก และได้เน้นย้ำให้มีการออกแบบการเชื่อมต่อการขนส่งเพื่อลดระยะเวลาและลดต้นทุนในการขนส่งให้น้อยลงเมื่อเทียบกับท่าเรืออื่นในอาเซียน ถือเป็นความท้าทายในการออกแบบของ Landbridge ที่จะดึงดูดให้ผู้ประกอบการจากทั่วโลกหันมาใช้เส้นทาง Landbridge เป็นเส้นทางหลักในการขนส่งสินค้าเชื่อมโยงมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก
โดยมีนโยบายหลักในการพัฒนาเชิงธุรกิจต่อยอดในอนาคต ไม่ใช่เฉพาะการเป็นผู้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องคำนึงถึงการพัฒนาในการที่จะเป็นผู้ลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งจะทำให้โครงการมีความน่าสนใจสามารถดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติให้เข้ามาลงทุน และที่สำคัญ จะต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้ของโครงการ และการปรับปรุงข้อกฎหมาย และสิทธิประโยชน์อื่นๆ ประกอบด้วย
นอกจากนี้ การพัฒนาท่าเรือจะมีการพิจารณาการนำระบบเทคโนโลยี Automated Container Terminal มาช่วยในการบริหารจัดการท่าเรืออัจฉริยะ เพื่อรองรับปริมาณ ตู้คอนเทนเนอร์ที่จะเกิดจากกิจกรรมภายในท่าเรือ และทำให้การขนส่งระหว่างท่าเรือทั้งสองฝั่งเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ ลดปัญหาการเสียเวลาที่เกิดจากการบริหารจัดการด้วยคน รวมไปถึงให้มีการศึกษากฎหมายและสิทธิประโยชน์ ของนักลงทุนในต่างประเทศ เพื่อนำมาปรับใช้ให้เข้ากับกฎหมายและบริบทของประเทศไทย ซึ่งเป็นอีกช่องทางหนึ่ง ในการดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลกเข้ามาลงทุนใน Landbridge เพื่อยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางน้ำของภูมิภาคอาเซียน
นายศักดิ์สยาม ได้มีข้อสั่งการให้พิจารณาถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับโครงการให้คลอบคลุมทุกกลุ่มต่างๆ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม และเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์ข้อมูลโครงการ เพื่อสร้างการรับรู้ และความเข้าใจให้แก่ประชาชนในแต่ละเรื่องของโครงการอย่างต่อเนื่องเป็นระยะๆ ทั้งนี้ เมื่อมีข้อสงสัยหรือข้อร้องเรียนให้มีการชี้แจงประเด็นข้อสงสัยของประชาชนอย่างทันท่วงที เพื่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจที่ถูกต้องกับโครงการ