xs
xsm
sm
md
lg

“ก้าวไกล” ปากกล้าขาสั่น ผวายุบพรรค เพราะผูกโยงแนบแน่นขบวนการล้มล้างฯ **อย่างงี้ก็ได้เหรอ? จากตู้แช่ไวน์มาเป็นตู้แช่น้ำผลไม้ งานเข้าไม่เข้าเรื่องของกกต.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

** “ก้าวไกล” ปากกล้าขาสั่น ผวายุบพรรค เพราะผูกโยงแนบแน่นขบวนการล้มล้างฯ

หลังจากศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยว่า แกนนำสามนิ้ว อานนท์ นำภา , ภาณุพงศ์ จาดนอก และ ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ใช้สิทธิและเสรีภาพ กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และมีคำสั่งให้หยุดการกระทำดังกล่าว

บรรดาเครือข่าย แนวร่วม และผู้อยู่เบื้องหลังที่อ้างตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ต่างดิ้นพล่าน แสดงออกถึงการ “ต่อต้าน” ส่วนจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับความเกี่ยวข้อง ผูกพัน และ “เอฟเฟกต์” ที่จะมาถึงตัวมากน้อยแค่ไหน

เพราะ “ณฐพร โตประยูร” ผู้ที่นำเรื่องนี้ไปร้องต่อศาลรธน.บอกว่า จะนำคำวินิจฉัยไปพิจารณาดำเนินการต่อไป เช่น ในแง่ตัวบุคคล อาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ในข้อหากบฏ ผิดมาตรา 112 มาตรา 116 มาตรา 215 ...อาจารย์มหาวิทยาลัย ที่เกี่ยวข้อง ให้การสนับสนุนการเคลื่อนไหว ให้ใช้สถานที่ในการชุมนุม ก็ต้องมีการดำเนินคดี ทั้งทางอาญา และเอาผิดทางวินัย

ส่วนพรรคการเมืองหากพบชัดเจนว่าเกี่ยวข้อง ก็ต้องเอาผิดตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง ที่มีโทษถึงยุบพรรค โดยเฉพาะพรรคก้าวไกลนั้น ได้มีการยื่นคำร้องต่อ กกต.ไว้แล้ว รวมทั้ง ส.ส.ก้าวไกล บางคนที่ใช้ตำแหน่ง ส.ส.ไปยื่นขอประกันตัวแกนนำม็อบที่ทำความผิด เพราะอย่างน้อยก็เป็นการผิดจริยธรรมร้ายแรงแน่นอน

ณฐพร โตประยูร
ดังนั้นจึงมีกระแสต่อต้านศาลรัฐธรรมนูญ ออกมาจากกลุ่มคนและเครือข่ายที่เคลื่อนไหว ...อย่างเช่น สภานิสิตจุฬาฯ ที่มี “เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล” เป็นนายกสโมสร ก็ออกแถลงการณ์ร่วม 23 องค์กรนิสิต นักศึกษา ปฏิเสธไม่รับคำวินิจฉัยของศาลรธน. โดยอ้างว่ากระบวนการไต่สวนที่ไม่เป็นธรรม และข้อเรียกร้อง 10 ข้อเพื่อปฏิรูปสถาบันนั้น เป็นข้อเสนอที่จะทำให้สถาบันฯคงอยู่สถาพรในระบอบประชาธิปไตยได้อย่างสง่างาม ไม่ใช่เพื่อการล้มล้างฯ

หรืออย่าง “เต้น” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำนปช. ที่ยุคนี้ผันตัวมาเป็นแกนนำเครือข่ายไล่ประยุทธ์ ก็บอกเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า คนหนุ่มสาวเหล่านี้ ไม่มีเจตนาล้มล้างสถาบันฯ และถึงแม้คำวินิจฉัยศาลรธน. ถือเป็นข้อยุติ แต่ในทางการเมืองถือว่ายังเป็นเรื่องยาว... ตอนนี้คนหนุ่มสาวอยู่ในสถานการณ์บอบช้ำ คนเป็นผู้ใหญ่ไม่ควรออกลายของผู้ล่า กระหยิ่มใจจะไล่บี้คนรุ่นนี้ที่จะเป็นอนาคตของชาติให้แหลกยับ...ใครที่คิดจะแจ้งข้อหาเพิ่มก็ขอให้เพลาๆ ลงบ้าง !!

“ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการคณะก้าวหน้า แสดงออกถึงการไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลฯ ว่า...คำวินิจฉัยของศาลรธน. ถือว่าเป็นที่สุดและมีผลผูกพันกับทุกองค์กร แต่คำวินิจฉัยของศาลฯ จะต้องชอบด้วยรธน.ด้วย เพราะถ้าคำวินิจฉัยไม่ชอบด้วยรธน. ต่อไปศาลฯ เขียนให้หมูเป็นหมา หมาเป็นแมว แมวเป็นไก่ เขียนให้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก แล้วตกตรงทิศตะวันออก ก็ได้ แล้วก็เขียนอะไรที่ขัดกับรธน.ไปหมดเลย แต่ก็มีผลกับทุกองค์กรอย่างนั้นหรือ ...และตรงที่มีปัญหาคือ รธน. มาตรา 49 ระบุว่า ให้เลิกการกระทำ แต่คำวินิจฉัยกลับสั่งเกิน แล้วไม่เคลียร์ว่าองค์กรที่เกี่ยวข้องคือใคร

...ฟังคำวินิจฉัยแล้ว ผมเจ็บปวดกว่าตอนยุบพรรคอนาคตใหม่อีก ยุบพรรคผมยังเฉยๆ นะ ก็อาจจะเสียใจบ้าง แต่เรื่องนี้เจ็บปวดกว่า มันหมายความว่านี่คือการปิดประตูการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์แล้วใช่ไหม ต่อไปประเทศนี้จะเอาอย่างไร...

ชัยธวัช ตุลาธน - ปิยบุตร แสงกนกกุล
สำหรับพรรคการเมือง ที่จะได้รับผลต่อเนื่องจากคำวินิจฉัยนี้ อันดับแรก ที่หนีไม่พ้นคือ “พรรคก้าวไกล” ตามที่ “ณฐพร โตประยูร”ไปยื่นคำร้องไว้ “เสี่ยทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้า พรรคก้าวไกล บอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ จะขีดเส้นทางที่สุ่มเสี่ยง และคับแคบให้แก่สังคมไทย...

พรรคก้าวไกลเชื่อเสมอว่าประเทศไทยไม่ได้อับจนหนทาง ขนาดที่ผู้มีอำนาจต้องกอดแน่นอยู่กับอดีตแล้วกระทำต่อผู้คนที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงในฐานะภัยต่อความมั่นคงของชาติ

... ประเทศไทยไม่ได้อับจนหนทางขนาดที่ผู้มีอำนาจต้องมองคนรุ่นใหม่เป็นศัตรู แล้วหันปากกระบอกปืนเข้าใส่อนาคตของชาติ

ขณะที่ “ชัยธวัช ตุลาธน” เลขาธิการพรรคก้าวไกล พูดถึง ข้อกล่าวหาในการยุบพรรคก้าวไกล ว่าไม่ว่าส.ส.ของพรรค จะไปร่วมสังเกตการณ์การชุมนุม ไปประกันตัวผู้ถูกกล่าวหาในคดีการเมือง รวมถึงการเสนอแก้ มาตรา 112 ยืนยันว่าการกระทำของเรา ไม่เข้าเหตุในการยุบพรรค เพราะเป็นการใช้สิทธิ ทำหน้าที่ในฐานะ ส.ส.ทีดี ...ถ้าบอกว่าการไปประกันตัวผู้ถูกกล่าวหาในคดี112 เป็นการล้มล้างฯ ก็ต้องกำหนดให้ชัดเจนว่า ข้อหาใดบ้างต้องไม่ได้รับสิทธิการประกันตัว โดยเด็ดขาดเพราะล้มล้างฯ แต่ปัจจุบันไม่ว่าประชาชนจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาใด ทุกคนมีสิทธิขั้นพื้นฐาน ในกระบวนการยุติธรรมที่จะได้รับการประกันตัวออกมา จนกว่าคำพิพากษาจะถึงที่สุด การเสนอกฎหมาย ก็เป็นอำนาจส.ส.ในระบบปกติ ยืนยันว่า ข้อกล่าวหาเหล่านั้น เป็นการกล่าวหาเท็จ และมีเจตนาที่จะทำลายล้างพวกเราในทางการเมือง ไม่เข้าเหตุในการยุบพรรค และเราจะต่อสู้อย่างถึงที่สุด

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
... เราต้องไม่อนุญาตให้มีการยุบพรรค ด้วยเหตุจูงใจทางการเมืองเป็นเรื่องปกติ ถ้าปล่อยให้กลไกหรือกระบวนการยุติธรรมเกิดขึ้นแบบนี้ ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า จะเป็นระเบิดลูกใหญ่ในอนาคตสำหรับสังคมไทย ...

เรียกว่างานนี้พลพรรคก้าวไกล แม้จะปากกล้า แต่ก็ขาสั่นจนออกอาการชัด!!



**อย่างงี้ก็ได้เหรอ? จากตู้แช่ไวน์มาเป็นตู้แช่น้ำผลไม้ งานเข้าไม่เข้าเรื่องของกกต.

เรื่องนี้เป็นเรื่องขึ้นมา หลังมีภาพ "ตู้แช่ไวน์" ในห้องทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คนหนึ่งจนเกิดดรามา วิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่วโลกโซเชียลฯ ...ส่วนใหญ่เห็นว่า ทำอย่างงี้ก็ได้เหรอ?

แน่นอนว่า เมื่อลูกบอลมาเข้าทางตีน ฝ่ายที่อนาคตอันใกล้นี้ต้องเป็นคู่กรณีกับกกต. อย่าง พรรคก้าวไกล พรรคที่กำลังตกเป็นที่สนใจของสังคมกรณีอาฟเตอร์ช็อก จากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ "คดีล้มล้างการปกครอง" จะส่งต่อพรรคก้าวไกล แค่ไหน หรือจะกลายเป็น พรรคก้าวไถลไปตามอนาคตใหม่ หรือไม่ ? โดยกำลังอยู่ในเรดาร์ของ กกต. ที่ก็จ้องตาเขม็งเก็บข้อมูลหลักฐานเพื่อนำไปสู่การพิจารณาปม "ยุบพรรค" ต้องขยำขยี้กันหน่อยละ

จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ - สมชัย ศรีสุทธิยากร
ว่าแล้ว ที่รัฐสภา "จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์" ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ก็หยิบประเด็น "ตู้แช่ไวน์" มาขยายผล โดยอาศัยฐานะที่ได้ติดตามงบประมาณตั้งแต่ปีแรกที่เข้ามาทำหน้าที่ส.ส.จนถึงปัจจุบันว่าไม่พบว่าองค์กรอิสระ รวมถึงกกต.มีการขอจัดสรรงบฯ เพื่อซื้อ "ตู้แช่ไวน์" จะพบแค่ว่ามีการขอจัดสรรงบดังกล่าวของทางทูตทหาร และกระทรวงการต่างประเทศเท่านั้น

พร้อมๆกับตั้ง 3 คำถาม 1. อยากรู้ว่าดื่มตอนไหน เพราะเวลาเปิดทำการของศูนย์ราชการฯ เริ่มตั้งแต่ 07.00-17.00 น. และดื่มอย่างไร ตรงไหน

2.ดื่มกับใคร เพราะคนอื่นไม่แปลกใจ หรือเดินผ่านไปมามีคนทำงานหลายพันคน มีตู้แช่ไวน์อยู่ในห้องทำงานของหน่วยงานราชการได้อย่างไร

3. ศูนย์ราชการฯ มีแค่ตู้เดียวหรือไม่ เพราะในนั้นมีหน่วยงานราชการ 30-40 หน่วยงาน มีองค์กรอิสระหลายองค์กร จึงตั้งคำถามว่า มีตู้เดียวจริงหรือไม่ ในเมื่อกกต.มีได้ หน่วยงานอื่นมีได้หรือไม่

ส.ส.ก้าวไกล ยังตบประเด็นด้วยว่า สิ่งที่ประชาชนรู้เพียงอย่างเดียวคือ สิ่งที่ทำให้ไวน์ของท่านเต็มตู้นั้นยังคงคุณภาพรสชาติให้ท่านได้ลิ้มเลิศรสของมันได้อย่างมีความสุข เพราะมันถูกเก็บอยู่ในตู้ที่ต้องเสียบปลั๊กตลอด 24 ชม. เพื่อรักษาอุณหภูมิให้คงที่ นั่นคืออภินันทนาการจากภาษีของประชาชน

ดังนั้น กกต.จะไม่ตอบไม่ได้ ว่าทำไมถึงมีตู้แช่ไวน์ตรงนั้น

ฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ
เรียกว่า ส่งหมัดชุดเข้าเต็มหน้า กกต.โดยทีอีกฝ่ายไม่มีทีท่าจะตอบคำถาม จน "สมชัย ศรีสุทธิยากร" อดีต กกต. ไลฟ์สดเฟซบุ๊ก ชาวเน็ตจึงได้ข้อมูลว่า ห้องทำงานที่มีตู้แช่ไวน์นั้น เป็นของ "ฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ" กกต.ซึ่งได้โทรชวนตัวเองให้มาทานข้าวเที่ยงด้วย เพื่อพิสูจน์ของในตู้แช่ไวน์ ว่าไม่ใช่ไวน์ แต่คือ "น้ำผลไม้"

“สมชัย” เล่าว่า ตอนแรกตัวเองอิดออด เพราะศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ไกลจากบ้าน และเพิ่งออกจากโรงพยาบาล แต่ “ฐิติเชฏฐ์” คะยั้นคะยอ บอกให้มา จึงบอกว่าขอไลฟ์สดด้วยและเดินทางมา แต่พอเดินทางมาถึง “ฐิติเชฏฐ์” ได้โทร.มาแจ้งว่า ไลฟ์สดไม่ได้ เพราะเป็นห้องทำงานส่วนตัวและขออภัย

“สมชัย” ยังชี้แจงว่าปกติ “ฐิติเชฏฐ์” ไม่ดื่มเหล้าและไม่ใช่คอไวน์ เวลาไปอบรมก็มักจะดื่มน้ำอัดลมธรรมดา และฐิติเชฏฐ์บอกว่าในตู้แช่ไวน์ คือน้ำผลไม้ที่เอาไว้ไปต้อนรับแขก แต่ด้วยที่บ้านมีตู้แช่ไวน์ 2 ตู้ จึงนำมาที่ทำงาน 1 ตู้ เพื่อแช่น้ำผลไม้ จึงไม่ใช่ความผิดอะไร และไม่อยากให้เป็นเรื่องราวขยายไปมากกว่าเดิม

บทสรุปเรื่องนี้ “อดีต กกต.สมชัย” แสดงความเห็นว่า เป็นเรื่องที่ไม่สมควรที่นำตู้แช่ไวน์มาไว้ที่ทำงาน เพราะเป็นการหาเรื่องเข้าตัวโดยไม่จำเป็น ไม่เหมาะสม เนื่องจากเป็นคนสาธารณะ สังคมมักจับจ้อง และไม่มีใครเชื่อว่านำมาแช่น้ำผลไม้ แต่จะเอาผิดได้หรือไม่ มองว่าต้องมีภาพการดื่มกิน ถึงถึงจะเอาผิดได้

งานนี้วิญญูชนก็ใช้วิจารญาณแล้วแต่เห็นสมควร ที่แน่ๆ กกต.งานเข้าไม่เข้าเรื่องจริงๆ





กำลังโหลดความคิดเห็น