ข่าวปนคน คนปนข่าว
** จุรินทร์ ก็บ้อท่า ยิ่งลักษณ์ ยิ่งสยอง เคราะห์กรรมของชาวนาแท้ๆ
สถานการณ์ราคาข้าวตกต่ำอยู่ในขณะนี้ทำชาวนาเดือดร้อนทุกข์ระทมไปทั่วประเทศ
ว่ากันว่าตกต่ำที่สุดในรอบ10ปี ซึ่งเล่นเอางงงวยกันว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะสวนทางกับองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ที่ระบุว่า ราคาอาหารทั่วโลกมีราคาเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ10 ปี ยกเว้นข้าวไทย!
วันนี้ต้องบอกว่า ราคารับซื้อข้าวเปลือกกิโลหนึ่ง 4-5 บาท โซเชียลฯ ถึงกับเอาไปเทียบกับราคาม่าม่าหนึ่งห่อ ยังน้อยกว่าหรือพอๆ กัน ขายข้าวแลกไข่ก็อาจจะได้แค่ฟองสองฟอง แล้วจะกินอะไรกัน?
แม้จะมีโครงการรับประกันรายได้ของ "อู๊ดด้า" จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ก็ไม่ได้ช่วยอะไร จะเรียกว่า “บ้อท่า” แก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำไม่ได้ ก็ไม่ผิดนัก
ดังนั้นเองช่วงนี้คนของพรรคเพื่อไทยจึงฉกฉวยโอกาส สร้างกระแสประกาศลั่นจะปลุกผีโครงการรับจำนำข้าว คิดถึง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ขึ้นมารัวๆ
อวยกันไส้แตก หาก “นายกฯยิ่งลักษณ์” ยังอยู่คงไม่ปล่อยให้คนไทยลำบากแบบนี้ ว่ากันไปนู่นเลย
“วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล” แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.)ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ทุกวันนี้เกษตรกรชาวนาและประชาชนเริ่มคิดถึงโครงการจำนำข้าวมากขึ้นทุกวัน เมื่อเปรียบเทียบกับโครงการประกันรายได้ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนั้นก็จะเห็นว่าเกษตรกรชาวนามีความนิยมชมชอบโครงการจำนำข้าวมากกว่า เพราะทำให้ชาวนามีรายได้เพิ่มขึ้น เพียงพอที่จะชำระหนี้สินที่มีมาในอดีตและสามารถลืมตาอ้าปากได้
น่าเสียดายที่โครงการรับจำนำถูกทำลายไปเพียงเพราะคำว่า "ขาดทุน" ก็ขอประกาศไว้ดังๆ ให้ คนในรัฐบาลปัจจุบันที่รังเกียจ และไม่ชอบโครงการจำนำข้าว ได้ทราบว่า เมื่อวันที่พรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาล โครงการรับจำนำข้าวกลับมาแน่ เพื่อไทยจะแสดงความหมายของคำว่า “ประชาธิปไตยกินได้” ให้ได้เห็นอย่างแน่นอน
แน่นอนว่า เมื่อพูดถึงจำนำข้าวก็ต้องมี "หมอวรงค์" นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี ผู้เปิดมหากาพย์ปราบโกงจำนำข้าว ก็โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ “จำนำข้าวยิ่งลักษณ์” โดยระบุว่า...
ช่วงนี้พรรคเพื่อไทย ออกมาพูดเรื่องข้าวกันมาก เลยเถิดไปถึงโครงการรับจำนำข้าว สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ออกมาเบี่ยงประเด็นเรื่องการขาดทุน
สิ่งที่ต้องย้ำให้พรรคเพื่อไทยให้ตาสว่าง ต้องแยกระหว่าง “ขาดทุน” กับ “โกง” การช่วยประชาชน ลำพังขาดทุนนั้นพอรับได้ แต่ไม่ควรให้ถึงชาติล่มจม
แต่ปัญหาใหญ่ของโครงการรับจำนำข้าวคือ “โกง” โกงกันทุกขั้นตอน ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ จนทำให้เงินที่ควรจะถึงชาวนาเกวียนละ 15,000 บาท ถ้าหักความชื้นถูกต้อง น่าจะเหลือ 14,000 บาท แต่เอาเข้าจริงๆ เหลือ 10,000-12,000 บาทต่อเกวียน เท่านั้น
ส่วนการโกงกลางน้ำ ถ้าเราจำได้แม่นๆ จะพบข้าวเหลือง ข้าวเน่า ถูกซุกอยู่ในกองข้าวจำนวนมาก และที่เลวร้ายที่สุดกลายเป็นนั่งร้านมาซุกแทนข้าวสาร
ส่วนปัญหาของ ยิ่งลักษณ์-บุญทรง-เสี่ยเปี๋ยง-อธิบดี และคนอื่นๆ จำนวนมากนั้น ต้องติดคุก เพราะโกงแบบจีทูจี ซึ่งเป็นขั้นตอนปลายน้ำ คือ การระบายข้าว ถ้าจำกันได้ นักธุรกิจเหล่านี้ก็ใกล้ชิด “ทักษิณ” ทั้งสิ้น
เชื่อว่า “เรื่องจำนำข้าว” เป็นสิ่งที่ทักษิณก็ไม่อยากพูดถึง เพราะสมัยแรกๆจะคุยกันมากว่า “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” แต่เมื่อเรื่องมันแดงว่าโกงกันทั้งแผ่นดิน จึงต้องเงียบ
การที่คนของพรรคเพื่อไทยออกมาพูดว่า จะเอาจำนำข้าวกลับมาใช้อีก ถ้ากล้าก็เชิญและไม่รู้ว่าใครอีก ที่ต้องหนีออกนอกประเทศ ท้ายที่สุดผมเชื่อว่าไม่มีโอกาสได้ทำ
เรียกว่า “ใส่กันไม่ยั้ง” ซึ่งอีกด้านหนึ่งมีรายงาน ความคืบหน้าสถานะโครงการจำนำข้าว พบว่า ยังคงเหลือข้าวทุกรายการในคลังอีกกว่า 220,000 ตัน ซึ่งอยู่ในระหว่างขอบรรจุวาระเสนอ นบข. เพื่ออนุมัติระบายข้าวให้เสร็จสิ้น ซึ่งภายหลังได้รับการอนุมัติแล้ว จะต้องใช้เวลาอีกกว่า 6 เดือน หรือภายในเดือนกันยายนปี 65 เพื่อดำเนินการประมูลและส่งมอบ
ว่ากันว่า หากระบายข้าวแล้วเสร็จจะสามารถสรุปผลขาดทุนโครงการจำนำข้าวได้ว่า มีค่าความเสียหายเท่าไหร่ และ เมื่อรวมกับที่ อคส.ฟ้องร้องค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินกว่า 500,000 ล้านบาท นับจำนวนคดีแล้ว 1,143 คดีแล้ว เชื่อว่าผลขาดทุนโครงการจำนำข้าวในส่วนของ อคส. จะมีมากกว่า 5 แสนล้านบาท หรืออาจจะถึง 1 ล้านล้านบาท
ฟังทั้งสองข้างแล้วก็หดหู่ เมื่อ “จุรินทร์” จอมประกันก็บ้อท่า “ปู-ยิ่งลักษณ์” จอมจำนำ ก็ยิ่งสยอง เคราะห์กรรมอะไรของชาวนากันหนอ
**ใครคือ 2 รัฐมนตรีเส็งเคร็ง อยู่แล้วหนักแผ่นดิน ไม่ปกป้องสถาบันฯ
สถานการณ์การเมืองปัจจุบัน มีความขัดแย้งอย่างรุนแรงหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นที่กำลังฮอตสุดก็เป็นเรื่องสถาบันฯ เรื่องมาตรา 112 ที่ทำให้ประชาชนแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่าย เป็นคนรุ่นใหม่ รุ่นเก่า เป็นฝ่ายประชาธิปไตย ฝ่ายเผด็จการ
จริงอยู่ การแสดงออกทางการเมือง เป็นสิทธิ เสรีภาพของประชาชน แต่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน พบว่าได้การสร้างการเรียนรู้ทางการเมืองให้กับเยาวชน คนรุ่นใหม่ ในทางที่ผิด ใช้สิทธิเสรีภาพ ไปละเมิดผู้อื่น ด้วยท่าทีที่หยาบกระด้าง รุนแรง ท้าทายกฎหมาย
ยิ่งมีคนพยายามบอกว่า การเมืองเป็นของคนรุ่นใหม่ คนยุคใหม่ ทั้งที่ข้อเท็จจริงการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นความรับผิดชอบของประชาชนทุกคน ทุกอาชีพ ทุกระดับ และความรับผิดชอบทางการเมืองเป็นของ “คนรุ่นปัจจุบัน” ที่หมายถึงคนอายุมาก คนวัยหนุ่มสาว ทุกคนที่อยู่ในยุคและช่วงเวลาเดียวกันนี้ ...
การเมืองไม่ใช่ของคนรุ่นใหม่ที่พยายามอ้างกัน แต่เป็นของคนทุกคนที่เสียงส่วนใหญ่ของประเทศ เพื่อให้ตัดสินใจร่วมกัน!!
การใช้สถาบันฯ และมาตรา 112 มาเป็นเครื่องมือในการหาประโยชน์ หาคะแนนนิยมทางการเมือง ของพรรคการเมือง กลุ่มการเมือง โดยไม่รับผิดชอบ จึงทำให้การแสดงออกอย่างขาดจิตสำนึก เล่นการเมืองแบบเลอะเทอะ ไม่สร้างสรรค์ บ้านเมืองไม่สงบเรียบร้อย กลายเป็นการเมืองที่ “ไม่รักชาติ”
โดยเฉพาะการเอาเด็ก เยาวชน เป็นเครื่องมือต่อสู้เรียกร้องทางการเมือง ปลูกฝังทางการเมืองให้เด็กรุ่นใหม่ เรียนรู้ไปในทางที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนจากการเมืองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประะมุขที่แท้จริง จึงทำให้มีขอเรียกร้องที่ผิดๆ และทำให้เกิดความเห็นแตกตาง แตกแยกกับคนทุกรุ่น
กลายเป็นฝ่ายหนึ่งต้องการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ อีกฝ่ายต้องการล้มล้าง ล้มเลิกมาตรา 112 เห็นว่าล้าสมัย ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการปิดกั้นการใช้สิทธิ เสรีภาพของประชาชน และนับวันความขัดแย้งนี้ยิ่งทวีความรุนแรงมาก มีการแสดงออกที่ท้าทายกฎหมาย ไม่เห็นกระบวนการยุติธรรมอยู่ในสายตา โดยมีกลุ่มการเมือง พรรคการเมืองคอยให้ท้ายในการเคลื่อนไหว
ขณะที่รัฐบาลก็หาประโยชน์จากเรื่องนี้เช่นกัน แต่ออกไปในทาง “ปล่อยปละละเลย” หวังให้ประชาชนที่จงรักภักดี ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ได้ให้บทเรียนกับกลุ่มที่จาบจ้วง ล่วงละเมิดสถาบันฯ
ล่าสุด “ไพศาล พืชมงคล” อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ คงจะทนไม่ได้กับบริบททางการเมืองเช่นว่านี้ จึงลุกขึ้นมาโพสต์ข้อความว่า...ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก และพี่น้องประชาชนชาวไทย ลุกขึ้นปกป้องพระบรมเดชานุภาพกันแล้ว!
ถึงเวลาที่ต้องไล่ “รัฐมนตรีโกโรโกโสเส็งเคร็ง 2 คน” ที่มีหน้าที่ในเรื่องนี้ แต่ไม่เคยทำหน้าที่ปกป้องพระบรมเดชานุภาพเลย !!!
สักวันอาจต้องช่วยกันไปร้องต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ดำเนินการกับ 2 รัฐมนตรีเส็งเคร็งนี้ !!
ความจริงทั้ง ป.ป.ช.และผู้ตรวจการแผ่นดิน ก็คงจะรู้เห็นเองได้ และดำเนินการเองได้โดยไม่ต้องรอให้ใครร้อง!!
นายกรัฐมนตรี ก็มีหน้าที่ตามกฎหมายบริหารราชการแผ่นดิน ที่จะต้องจัดการ หรือออกคำสั่งกับคนพวกนี้ สองคนนี้เป็นรัฐมนตรีที่อยู่แล้วหนักแผ่นดินเปลืองข้าวสุกเสียข้าวสารชาวบ้าน!
แม้ว่า”ไพศาล” จะไม่ได้ระบุชื่อ “2รัฐมนตรีเส็งเคร็ง” ว่าเป็นใคร แต่เชื่อว่าหลายคนคงจะเดาออก แค่นึกเห็นหน้าลอยมาแล้ว...แต่ไม่รู้ว่า“ลุงตู่”จะนึกออกหรือไม่ !!