ข่าวปนคน คนปนข่าว
** เมื่อ “พลังประชารัฐ” อยู่ในมือลุงๆ “ผู้กองธรรมนัส” จะอยู่หรือไป
ปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐ กลายเป็นประเด็นร้อนประจำวัน... หลังจากประชุม ครม.เสร็จในช่วงบ่ายวันจันทร์ที่ผ่านมา “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็เรียกรัฐมนตรีในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ ขึ้นไปหารือกันต่อ ก็มี “สุชาติ ชมกลิ่น” รมว.แรงงาน “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รมว.ดิจิทัลฯ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.อุตสาหกรรม “อนุชา นาคาศัย” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.คลัง และ “สุพัฒน์พงศ์ พันธ์มีเชาว์” รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน
ตามรายงานข่าวบอกว่า หารือกันนานนับชั่วโมง ยังไม่เสร็จ ต้องไปคุยกันต่อที่บ้านพักนายกฯ ในค่ายทหาร คราวนี้มี “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรค พปชร. รวมทั้ง “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย มาร่วมวงด้วย
แม้นายกฯ จะไม่แจ้งว่าคุยกันเรื่องอะไร แต่ตามรายงานข่าวบอกว่า ไม่ใช่เรื่องโควิด... ไม่ใช่เรื่องเตรียมเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.นี้... ไม่ใช่ปัญหาราคาน้ำมันที่ขยับขึ้นวันเว้นวัน... แต่เป็นเรื่องปรับโครงสร้างพรรคพลังประชารัฐ !!
ว่ากันให้ชัดๆ ก็คือ ต้องโละคณะกรรมการบริหารพรรคชุดนี้ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ต้องพ้นจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค ...ไม่ใช่เตรียมพร้อมรับศึกเลือกตั้งครั้งหน้า แต่เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดสมัยประชุมสภาที่จะถึงในวันที่ 1 พ.ย.นี้ เพราะยังมีกฎหมายสำคัญหลายฉบับที่จะต้องผ่านความเห็นชอบจากสภา
ข่าวบางกระแสบอกว่าอาจถึงขั้นที่ “ลุงตู่” จะต้องเข้ามานั่งเป็นหัวหน้าพรรคเอง !!
อย่างที่ว่า คนเคยถูกงูกัด แค่เห็นเชือกก็หวาดผวา ...แล้ว “ลุงตู่” ที่เคยถูกแทงข้างหลังในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งก่อน จะวางใจในเกมสภาที่จะมาถึงได้อย่างไร จึงต้องหาทางปลด “ผู้กอง” จากตำแหน่งเลขาธิการพรรค เพราะเป็นตำแหน่งที่สามารถให้คุณ ให้โทษ กับ ส.ส.ในพรรคได้ ...ต้องไม่มีผู้กอง ลุงตู่ จึงจะวางใจได้
ตามข่าวบอกว่า จะใช้โมเดลเดิมที่ลุงๆ เคยใช้ยึดพรรค พปชร.จากกลุ่ม “สี่กุมาร” คือ ให้กรรมการบริหารพรรคที่มีทั้งหมด 26 คน ลาออกเกินกึ่งหนึ่ง คือ อย่างน้อย 14 คน ก็จะมีผลทำให้คณะกรรมการบริหารพรรคทั้งคณะสิ้นสภาพ
ไม่แน่ว่าเมื่อมีการส่งสัญญาณดังๆ ออกมาอย่างนี้ “ผู้กองธรรมนัส” อาจจะแสดงสปิริต ลาออกเองก็ได้
แต่ถ้า “ผู้กอง” ฮึดสู้ และกรรมการบริหารพรรคที่เป็นคนใน “สายผู้กอง” มีมากกว่า 14 คน แล้วไม่ยอมลาออก อาจจะถึงขั้นที่ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ต้องลาออกจากหัวหน้าพรรคเอง เพื่อให้คณะกรรมการบริหารพรรคสิ้นสภาพไปทั้งคณะ แล้วทำการเลือกกันใหม่ คนที่จะมาเป็นแม่บ้านพรรค อาจเป็น “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน “วอลเปเปอร์” คนสำคัญของลุงตู่ ก็เป็นได้
เมื่อเรื่องนี้กลายเป็นประเด็นร้อน “ลุงป้อม” จึงนัดประชุมด่วน คณะกรรมการบริหารพรรคในช่วงบ่ายวันที่ 28 ต.ค.นี้ ก็ต้องติดตามกันว่าเรื่องจะลงเอยอย่างไร
แต่พลันที่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น ฝ่ายค้านโดยเฉพาะ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ต่างออกมาส่งเสียงถึงบรรดา “นักร้อง” ที่ไปร้องยุบพรรคเพื่อไทย กรณี “ทักษิณ ชินวัตร” ครอบงำพรรค ให้มาดูเรื่องนี้ด้วยว่า “ลุงตู่-ลุงป๊อก” เข้าข่ายครอบงำพรรค พปชร. หรือไม่ เพราะถือว่าเป็นคนนอก ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค แต่มากดดันให้เปลี่ยนกรรมการบริหารพรรค ... อย่างนี้ต้องยุบพรรค!!
**ดรามาจนได้ “หมอยง-ครูลิลลี่-เจ๊ปอง อัญชะลี-บุ๋ม ปนัดดา” ผู้เสียสละเพื่อสังคม
กลายเป็นประเด็นถกเถียงดรามากันในหมู่ชาวเน็ตขึ้นมา พลันที่ พม.หรือ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่อนเอกสารเชิญชวนสื่อมวลชนทำข่าวพิธีมอบรางวัล “ผู้เสียสละเพื่อสังคม”
ไฮไลต์ที่นำมาซึ่งดรามา อยู่ที่ตัวบุคคลผู้ที่ได้รับรางวัลดังกล่าว นำโดย “หมอยง” ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ “ครูลิลลี่” กิจมาโนชญ์ โรจนทรัพย์, “เจ๊ปอง” อัญชะลี ไพรีรัก และ “บุ๋ม” ปนัดดา วงษ์ผู้ดี
นอกจากนี้ ยังมีการมอบรางวัลเฉพาะกิจให้กับบุคคลและองค์การที่ทำงานเพื่อสังคม เช่น “ได๋” ไดอาน่า จงจินตนาการ จาก เพจเราต้องรอด, “ดร.ณัฐพงศ โมกขพันธ์” จาก โครงการปันฝันปันยิ้ม เป็นต้น
ฟังว่า "จุติ ไกรฤกษ์" รมว.พม. จะเป็นประธานในพิธีมอบรางวัล ในวันจันทร์ที่ 1 พ.ย. 64 เวลา 10.00-11.00 น. ที่ห้องประชุม ชั้น 2 กระทรวงฯ
ว่าไปแล้ว รางวัลผู้เสียสละเพื่อสังคมของกระทรวง พม.นั้น เข้าใจกันได้ว่า เป็นการให้รางวัลเฉพาะกิจกับบุคคล หรือองค์กรที่ทำงานช่วยเหลือสังคม ปกติไม่ค่อยมีดรามา ถือเป็นเรื่องของการยกย่องคนดี ผู้ปิดทองหลังพระ ช่วยเหลือสังคมอย่างไม่มีเงื่อนไข ในหลากหลายวงการ ก็ประกาศให้กำลังใจกันไป ก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับสังคม
อย่างเดือนกันยายนที่ผ่านมา พม. เคยมอบรางวัลผู้เสียสละเพื่อสังคมให้ “พระพิศาลธรรมานุสิฐ” เจ้าอาวาสวัดสะพาน เขตคลองเตย กทม. ซึ่งท่านได้เปิดพื้นที่วัดเป็นศูนย์พักคอยผู้ป่วยโควิด-19 ดูแลที่พัก และอาหาร ยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ช่วยผู้ป่วย
หรือ “ร.ต.อ.แวอาลิฟ แวดีซา” รองสารวัตร สถานีตำรวจภูธรสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ที่ปฏิบัติหน้าที่ในการช่วยแก้ปัญหาความรุนแรงและปัญหาการค้ามนุษย์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ทั้ง เจ้าอาวาสวัดสะพาน และ ร.ต.อ.แวอาลิฟ นับเป็นตัวอย่างของผู้เสียสละเพื่อสังคมตามชื่อรางวัล แม้อาจจะไม่ใช่คนดังแต่ก็คู่ควรกับการเชิดชูยกย่อง
พลันที่รางวัลนี้มีเผยชื่อคนดังอย่าง “หมอยง-ครูลิลลี่-เจ๊ปอง และ บุ๋ม” จึงเกิดดรามา เพราะต้องไม่ลืมว่า “หมอยง” ที่ช่วงโควิด เป็นที่รู้จักกันดีแต่ก็มีฝั่งที่ไม่ปลื้ม เช่นเดียวกับ “เจ๊ปอง” อัญชะลี ดาราฝีปากกล้าของท็อปนิวส์ ที่เป็นอริกับฝ่ายต่อต้านรัฐบาลอย่างกลุ่มสามนิ้ว เป็นสลิ่มตัวจี๊ดที่ออกมาทีไร เรียกรถทัวร์จากสามนิ้วได้เสมอ
จะมีเพียง “ครูลิลลี่” ที่มีชื่อมานานเรื่องการสอนภาษาไทย และ “บุ๋ม” ปนัดดา อดีตนางงาม ดาราที่อีกด้านหนึ่งมีผลงานช่วยเหลือสังคมอย่างต่อเนื่อง ที่ชาวเน็ตที่เข้ามา ดรามารับรู้ และยอมรับว่าเหมาะกับรางวัล
งานนี้ก็นานาจิตตัง ดรามาพอหอมปากหอมคอ เบาได้ก็เบาเถอะนะจ๊ะ