เมืองไทย 360 องศา
ความเคลื่อนไหวในรัฐบาล โดยเฉพาะในพรรคแกนนำรัฐบาลอย่างพรรคพลังประชารัฐ ตั้งแต่ช่วงบ่าย วันที่ 25 ตุลาคม ที่ผ่านมา ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีรายงานว่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เรียกบรรดารัฐมนตรีจำนวน 6 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็น “แกนนำกลุ่มสำคัญ” ในพรรคดังกล่าวเข้าหารือที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นานนับชั่วโมง
ทั้งนี้ บรรดารัฐมนตรีที่ถูกเรียกเข้าหารือกับนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ ประกอบด้วย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน แกนนำ “กลุ่มภาคตะวันออกและภาคกลาง” นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กลุ่มภาคกลาง จาก “กลุ่มสามมิตร” นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จาก “กลุ่มเพชรบูรณ์” และ นายสุพัฒน์พงศ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
จากนั้นก็มีรายงานตรงกันอีกว่า มีการไปหารือกันต่อที่สำนักงานป่ารอยต่อฯ ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1รอ.) ซึ่งภายในสถานที่แห่งนี้ยังมีบ้านพักของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อยู่ภายในนั้นด้วย โดยการหารือกันต่อที่มูลนิธิป่ารอยต่อ ดังกล่าว ยังมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อยู่ในวงสนทนานั้นด้วย เรียกว่า ครบทั้ง “สาม ป.” เลยทีเดียว และแน่นอนว่า หัวข้อการสนทนาย่อมต้อง “สำคัญ” อย่างยิ่ง
แต่ที่น่าสังเกตก็คือ ในวงสนทนานี้ กลับไม่มี “ก๊วนของผู้กอง” คือ กลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค รวมไปถึงกลุ่มของ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาลรวมอยู่ด้วย
เมื่อคนสำคัญที่ว่าเข้าไปอยู่กันพร้อมหน้า มันก็ย่อมตามมาด้วยเรื่องสำคัญ เพราะหลังจากนั้นก็มีรายงานระบุออกมาว่า จะมีการ “เปลี่ยนแปลง” ภายในพรรคพลังประชารัฐตามมา นั่นคือ “ปลดผู้กอง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า พ้นจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค ซึ่งย่อมหมายถึงการ “ลดบทบาท” ในพรรคลงไป
ต่อมา น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ยอมรับว่าจะมีการปรับโครงสร้างพรรคใหม่ในเร็วๆ นี้ โดยบรรดาผู้ใหญ่ในพรรคกำลังพิจารณากันอยู่ เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของพรรคที่ต้องขับเคลื่อนไปข้างหน้า
อย่างไรก็ดี เรื่องแบบนี้มันอาจเกี่ยวพันกับเรื่องกฎหมายในเรื่องการ “ครอบงำพรรคการเมือง” ทำให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายธนกร วังบุญคงชนะ ต้องรีบออกมาแถลงว่า ไม่ได้มีการหารือกันเรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องการทำงานของรัฐบาล เป็นการป้องกันปัญหาเอาไว้ล่วงหน้าเอาไว้ก่อน
นั่นคือ ความเคลื่อนไหวที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา และจะต่อเนื่องไปจนถึงการเปิดประชุมสภาสมัยสามัญ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไปอีกด้วย เพราะหากจำกันได้ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้หารือกับบรรดาหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล เช่น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กำชับให้พรรคร่วมรัฐบาลร่วมมือกัน และให้ส.ส.รัฐบาลเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง เนื่องจากมี “กฎหมายสำคัญ” ที่ต้องพิจารณาในสภาหลายฉบับรออยู่
กฎหมายสำคัญที่ว่านั้นยังมีผลต่ออนาคตของรัฐบาล โดยเฉพาะมีผลต่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อีกด้วย เพราะหากเป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเงิน หรือเป็นกฎหมายที่เป็นข้อผูกพันกับรัฐธรรมนูญบางฉบับหากไม่ผ่านสภา มันก็ย่อมส่งผลให้มีทางเลือกสองทาง นั่นคือ ไม่ “ยุบสภา” ก็ต้อง “ลาออก” เท่านั้น
ที่ผ่านมา ในช่วงปลายประชุมสภาคราวที่แล้วก็เริ่มส่งสัญญาณให้เห็นชัดเจนแล้วว่า “เริ่มมีปัญหา” เมื่อพิจารณาจากญัตติ “ซักฟอก” ของฝ่ายค้าน ในครั้งนั้นมีการเคลื่อนไหวต่อรอง หรือ การ “โหวตคว่ำ” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในสภา และนำมาสู่การ “ปลด” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ และ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ พ้นจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน
ล่าสุด ยังมีกรณีทำโพลของพรรคพลังประชารัฐ ที่สร้างความไม่พอใจและเกิดความระแวงกันในพรรค โดย ร.อ.ธรรมนัส อ้างว่าทำโพลตามคำสั่งของหัวหน้าพรรค คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพื่อประเมิน ส.ส.แต่ละคนสำหรับการส่งผู้สมัครในการเลือกตั้งคราวหน้า แต่ล่าสุด พล.อ.ประวิตร ก็ออกมาปฏิเสธว่า ไม่ได้สั่งให้ทำ
ทำให้ความเคลื่อนไหวที่กำลังเกิดขึ้นในเวลานี้ ถือว่าทุกอย่างล้วนเชื่อมโยงกัน และหากสรุปกันแบบรวบรัดก็มีอยู่สองสามเรื่องสำคัญ ก็คือ จะต้องมีการปรับโครงสร้างพรรคพลังประชารัฐใหม่ในเร็วนี้อย่างแน่นอน โดยเป้าหมายพุ่งไปที่การปลด “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” พ้นจากเลขาธิการพรรค ส่วนคนที่มาแทนอาจจะเป็น นายสุชาติ ชมกลิ่น หรือไม่ ก็ต้องจับตาดู
ส่วนสาเหตุสำคัญที่ต้องปรับเปลี่ยนก็เพื่อลดบทบาทของ ร.อ.ธรรมนัส ในพรรคพลังประชารัฐ ลง เพราะหากพิจารณาจากความมั่นคงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี ซึ่งอาจรวมไปถึง “สาม ป.” ทั้งขบวน หากมองย้อนจากเหตุการณ์ความเคลื่อนไหว “คว่ำ” ในศึกซักฟอกคราวก่อน และยิ่งในสมัยประชุมที่จะมาถึงนี้ ยังมีกฎหมายสำคัญรออยู่ มันก็ยิ่งมีความเสี่ยง โดยเฉพาะการหวาดผวาที่อาจ “ถูกแทงข้างหลังในสภา” ได้ตลอดเวลา
ดังนั้น เมื่อไม่ต้องการให้เกิดความเสี่ยงดังกล่าว มันถึงมีแรงขยับให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยเร็ว เป็นการ “ตัดไฟเสียแต่ต้นลม” เป็นการการันตีความชัวร์ และบรรดารัฐมนตรีที่เข้าหารือกับ “บิ๊กตู่” และครบทั้ง “สาม ป.” หากพิจารณากันตามแบ็กกราวนด์ก่อนหน้านี้ ล้วนถือว่า “ขึ้นตรง” และบางคนก็ตามติดเป็นเงา ไม่ต่างกับ “วอลเปเปอร์” นายกฯ อยู่ตลอดเวลา ทำให้กล้าฟันธงว่า รื้อแน่นอน !!