xs
xsm
sm
md
lg

"ลายจุด-ลุงโก" โดดงับเฟกนิวส์ "รัสเซล โครว์" ถือซองผ้าป่า งานนี้กะเอาฮา "ชังชาติ" หรือ โชว์โง่เองก็ขายหน้าอยู่ดี ** บวรศักดิ์ เตือน เนติวิทย์ หยุดย่ำยีหัวใจคนไทย !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

** "ลายจุด-ลุงโก" โดดงับเฟกนิวส์ "รัสเซล โครว์" ถือซองผ้าป่า งานนี้กะเอาฮา "ชังชาติ" หรือ โชว์โง่เองก็ขายหน้าอยู่ดี

อาจจะเห็นว่าช่วงนี้ "รัสเซล โครว์" ดาราชื่อดังระดับรางวัลออสการ์กำลังส่องแสงเปล่งประกายจากที่เขาช่วยเผยแพร่ความเป็นไทยที่น่าประทับใจให้ชาวโลกรู้ เป็นที่พูดถึงและชื่นชมของชาวโซเชียลฯ จึงมีผู้ที่อยากจะห้อยโหนเกาะกระแสขอแสงจาก "แมกซิมัส" บ้าง

หนึ่งในนั้นเป็น "สมบัติ บุญงามอนงค์" หรือ บก.ลายจุด แกนนำเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้แชร์รูปภาพ รัสเซล โครว์ ถือซองผ้าป่า ผ่านทวิตเตอร์พร้อมระบุข้อความประกอบว่า “คุณได้ถึงความเป็นไทยแล้วครับ”

ตามด้วย "ลุงโก" รศ.ดร.โกวิท วงศ์สุรวัฒน์ พ่อของ "จอห์น วิญญู" พิธีกรผู้ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามลุงตู่และทหาร ได้โพสต์ภาพเดียวกัน และ ก๊อปปี้ข้อความที่แชร์ต่อๆ กันมาลงทวิตเตอร์ว่า 'รัสเซล โครว์' ดาราฮอลลีวู้ดเยี่ยมสถานทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย ก่อนกลับแม่บ้านที่ได้มอบซองผ้าป่าให้หนึ่งซอง โดยบอกว่าถ้าเป็นประธานผ้าป่าก็ให้ใส่ซอง 1,000 บาท ถ้ารองประธานก็ 500 ส่วนกรรมการก็ใส่ตามศรัทธา 20-100 บาท “รัสเซล โครว์” ใส่ไป 1,000 บาท จรดอธิษฐานหลังปิดซองอยู่ประมาณ 5 นาที”

จากทวิตเตอร์ของทั้ง บก.ลายจุดและ ลุงโก มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความเห็นเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ได้บอกคนทั้งสองว่า ภาพดังกล่าวเป็น "เฟกนิวส์" ด้วยว่า เป็นภาพที่ถูกตัดต่อและเผยแพร่โดยเพจ “ไทยเล็ด ออนไลน์” ซึ่งเป็นเพจเสียดสีเพจข่าว และนำออกเผยแพร่เมื่อวันที่ 24 ต.ค. พร้อมบรรยายภาพเช่นเดียวกับที่ “รศ.ดร.โกวิท”ก็อปปี้มานั่นเอง

ส่วนภาพจริง สำนักข่าวเขารายงานไปก่อนนี้ เป็นเหตุการณ์ที่สถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย เผยแพร่ โดย “รัสเซล โครว์” ได้เข้าพบกับ “อัลลัน แมคคินนอน” เอกอัครราชทูตฯ และ “อิทธิพล คุณปลื้ม” รมว.วัฒนธรรม เมื่อวันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา และ เอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ได้มอบบัตรบัตรรถไฟฟ้าของสถานเอกอัครราชทูตฯ ลายพิเศษ ให้ รัสเซล โครว์ และ เขาก็แชะภาพถือบัตรก็เท่านั้น

ชาวเน็ตยังแซว ทั้ง “บก.ลายจุดและลุงโก” ที่โดดงับเฟกนิวส์ครั้งนี้ จะหิวแสง หาแสงจากพระเอกดังก็ควรต้องดูดีๆ แม้ว่า สองคนนี้ก็รู้ๆ กันว่า มีพะยี่ห้อ "ชังชาติ" ติดตัวอยู่ กะจะเอาฮาเสียดสีชาติของตัวเองให้ได้อาย มันใช่แล้วหรือ โดยเฉพาะ “ลุงโก”เป็นถึงครูบาอาจารย์ เรื่องแบบนี้น่าจะคิดได้

หรือไม่ว่าจะเจตนาล้ำลึกรู้ทั้งรู้ว่าเป็นเฟกนิวส์ แต่อยากจะตลกร้ายโกอินเตอร์กะเขาบ้าง ยอมให้ถูกคนว่าโชว์โง่ ที่กระโดดงับเฟกนิวส์ แต่มองยังไงๆ งานนี้ทั้งลุงและบก.ลายจุด ก็ทำเรื่องน่าขายหน้าอยู่ดี



**บวรศักดิ์ เตือน เนติวิทย์ หยุดย่ำยีหัวใจคนไทย!!

กรณี “เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล” นายกองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาฯ ออกแถลงการณ์"ยกเลิกกิจกรรมขบวนอัญเชิญพระเกี้ยวในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ โดยอ้างว่า เป็นกิจกรรมที่ล้าหลัง แสดงออกถึงความไม่เท่าเทียม เป็นวัฒนธรรมแบบศักดินา และ “พระเกี้ยว”ก็คือสัญลักษณ์ของศักดินา จนทำให้ศิษย์เก่าจุฬาฯ ออกมาแสดงความเห็นคัดค้านกันมากมาย

หนึ่งในจำนวนนั้นก็เป็น “รุ่นใหญ่” อย่าง ศ.กิตติคุณ ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ที่ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงเรื่องนี้ว่า
“เนติวิทย์” และคณะกรรมการบริหารสโมสรนิสิตจุฬาฯ อีก 28 คนโปรดจงฟัง

“อาจารย์บวรศักดิ์” บอกว่า ขอพูดในฐานะคนไทย ไม่ใช่ในฐานะอาจารย์ หรือนิสิตเก่าจุฬาฯ

ปีนี้งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ไม่มีการแข่งขัน เนื่องจากปัญหาโควิด “เนติวิทย์” รู้อยู่แล้ว แต่กลับมีวาระซ่อนเร้น อาศัยช่วงวันที่ 23 ต.ค. “วันปิยมหาราช” ที่คนไทยระลึกถึงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ออกแถลงการณ์ ดูถูก ดูหมิ่น พระเกี้ยวอันเป็นสัญลักษณ์ในพระมหาราชเจ้าพระองค์นั้น ว่าเป็น “สัญลักษณ์ของศักดินา”

“เนติวิทย์” มีสิทธิ์ที่จะไม่เห็นด้วยกับกิจกรรมนั้น มีสิทธิ์ไม่เข้าร่วม เหมือนไม่เคยเห็นด้วยกับการให้รุ่นพี่ว้ากรุ่นน้องในห้องเชียร์ จนไม่เข้าห้องเชียร์เลย

แต่ที่ไม่อาจรับได้คือ เธอไม่เคารพคนไทยที่เขายังจงรักภักดีต่อมหาราชพระองค์นั้น เธอเขียนถ้อยคำอันทำร้ายจิตใจของคนไทยเป็นอันมาก ทำให้เราคนไทยคนหนึ่งต้องออกมาอธิบายให้เธอฟังทีละประเด็น เป็นวิทยาทาน !!

1.เธออ้างว่ากิจกรรมนั้น”สนับสนุนและสะท้อนถึงระบอบอำนาจนิยม” เราอยากบอกเธอว่า ครูเธอที่คณะรัฐศาสตร์ คงสอนการแบ่งประเภทระบอบการปกครองที่ดีและที่เลว ของอริสโตเติล มาแล้วโดยดูจำนวนผู้ใช้อำนาจสูงสุด และวัตถุประสงค์ของการใช้อำนาจว่าเป็นไปเพื่อทุกคนในสังคม (แบบที่ดี) หรือเพื่อตัวผู้ปกครองเท่านั้น (แบบเลว) เธอจำได้ไหมว่า อริสโตเติล จัดระบอบกษัตริย์ (monarchy) ที่ทำเพื่อทุกส่วนในสังคมว่าเป็นการปกครองที่ดี แต่ถ้าทำเพื่อกษัตริย์เองเท่านั้น ท่านจัดเป็นระบอบทรราช (tyrany)

“พระมหาราช” พระองค์นั้น ทรงมีพระราชปณิธานในการทรงสถาปนาการอุดมศึกษาโดยมีพระราชดำรัส ณ โรงเรียนราชกุมาร ที่อ้างกันเสมอว่า

“ทั้งจะมีโรงเรียนวิชาอย่างสูงขึ้นไปอีกซึ่งกำลังคิดจัดอยู่บัดนี้ เจ้านายตั้งแต่ลูกฉันเป็นต้นไป ตลอดจนถึงราษฎรที่ต่ำสุด จะได้มีโอกาสเล่าเรียนได้เสมอกัน ไม่ว่าเจ้า ว่าขุนนาง ว่าไพร่”

เพราะพระราชปณิธานนี้เองที่ทำให้เธอและเรา ได้เรียนในมหาวิทยาลัยที่ทรงวางรากฐานอย่างเสมอกัน

เราคงไม่ต้องบอกเธอนะว่าล้นเกล้าฯพระองค์นั้น ปลดปล่อยทาสและเลิกระบบไพร่ที่เป็นรากฐานของศักดินา หาไม่แล้วบรรพบุรุษทั้งของเธอและของเรา คงจะเป็นไพร่อยู่อีกนาน

2. เธอบอกว่ากิจกรรมนั้น “ค้ำยันความเชื่อว่าคนไม่เท่ากัน” เธออ้างหลักความเสมอภาค(equality) เห็นได้ชัดว่าเธอสับสนระหว่างการแบ่งงานกันทำตามหลักdivision of labour กับความเสมอภาค

การที่เธอทำหน้าที่นิสิต และนิสิตอื่นๆ เลือกเธอไปทำหน้าที่นายกสโมสร เธอ และนิสิตที่เลือกเธอ ก็ยังเป็นนิสิตเสมอกัน ต่างกันตรงที่เธอถูกมอบหมายให้ทำหน้าที่นายกสโมส รจนกว่าจะพ้นวาระ ถ้าตรรกะเธอถูก เธอก็ต้องบอกว่านิสิตที่เลือกเธอไม่เสมอภาค กับเธอหรอก เพราะเธอเป็นถึงนายกสโมสร นิสิตคนอื่นจะเท่ากับเธอได้อย่างไร ? คนอเมริกันเลือก “ไบเดน” เป็นประธานาธิบดี ถ้าเขาใช้ตรรกะเธอ เขาจะเลือก “ไบเดน” ไปทำไม ถ้าเห็นว่าไบเดน มีทำเนียบขาวอยู่ฟรี มีการ์ดตั้งเป็นร้อย มีเงินเดือนและผลประโยชน์อื่นอีกมาก แต่เขาเลือกประธานาธิบดีเขาเพราะเขารู้ว่านั่นคือ การแบ่งงานกันทำ ไม่ใช่เลือกเพราะเขาต้องการสนับสนุนความเชื่อที่ว่าคนไม่เท่ากัน การเป็นพระมหากษัตริย์ ก็คือการแบ่งหน้าที่และแบ่งงานกัน เหมือนที่พระพุทธเจ้าแสดงไว้ใน “อัคคัญสูตร” ว่าพราหมณ์ ไม่ได้เกิดจากปากพระพรหมดอก แต่ทั้งกษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูตร คือ การแบ่งหน้าที่กันทำ ไม่มีใครเหนือกว่าใคร ลองคิดดูว่าถ้านิสิตจุฬาฯทุกคนเป็นนายกสโมสรได้เหมือนเธอ “เนติวิทย์” อะไรจะเกิดขึ้น ??

การแบ่งงานกันเชิญ “พระเกี้ยว”คนหนึ่ง แบกเสลี่ยงอีก 50คน เป็นการแบ่งงานกันทำ ไม่ใช่ตอกย้ำความไม่เสมอภาค
ถ้าเสมอภาคแบบทื่อๆ ทุกคนที่อยากเรียนจุฬาฯ ต้องได้เรียน ไม่ใช่หรือ ? แต่ทำไม เธอและเพื่อนเธออีก28คน และนิสิตอีกจำนวนหนึ่งได้เรียน คนอื่นอีกหลายหมื่นคนอยากเรียนแต่ไม่ได้เรียนล่ะ? แล้วเธอและเพื่อนเธอที่เข้าจุฬาฯ ได้ เสมอภาคเท่าเทียมกันคนที่เข้าเรียนไม่ได้เหรอ ? เธอคงตอบได้ว่ามันไม่เท่าเทียมกันจริงหรอก แต่มันก็ไม่ขัดกับหลักความเสมอภาคนะ เพราะความเสมอภาคเท่าเทียม100% ในทุกเรื่อง ทุกสถานการณ์ มันเป็นไปไม่ได้

เธอและคนที่เรียนจุฬาฯอยู่ในเวลานี้ ไม่เท่าเทียมกับคนที่ไม่ได้เรียน แต่เป็นความไม่เท่าเทียม หรือการเลือกปฏิบัติที่เป็นธรรม ( fair discrimination) ที่รับได้ และถือว่าไม่ขัดหลักความเสมอภาค เพราะเลือกปฏิบัติด้วยความสามารถในการสอบเข้า ไม่ใช่เลือกปฏิบัติ เพราะเหล่ากำเนิด เพศ ศาสนา ความเชื่อ ฯลฯ ซึ่งเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม (unfair discrimination) นอกจากนั้น บางเรื่องต้องสนับสนุนให้มีการเลือกปฏิบัติกันเลยทีเดียวโดยเฉพาะเมื่อเป็นเรื่องคนด้อยโอกาสต่างๆ เช่น คนพิการ เด็ก คนชรา ต้องปฏิบัติต่อเขาให้มากกว่าที่ให้คนอื่น เรียกว่าการเลือกปฏิบัติทางบวก (positive discrimination) เพื่อช่วยให้พวกเขาได้เท่าเทียมคนอื่นๆ

ต่อไปถ้าเธอจะอ้างหลักใดๆ โปรดอย่าใช้แต่ “ความรู้สึก” แต่จงใช้ “ความรู้” แทนนะ จะได้ไม่ตื้นเขินเกินบรรยายอีก
3. เธอและพวกของเธอพูดว่า สัญลักษณ์ของศักดินา คือ “พระเกี้ยว” และขบวนแห่พระเกี้ยวเป็น ภาพแทนวัฒนธรรมแบบศักดินา

เธอรู้หรือไม่ว่า เธอใช้เสรีภาพเธอแบบผิดๆ ไปทำร้ายความรู้สึกคนไทยจำนวนมาก ที่ยังรักและภักดีต่อพระมหาราชเจ้าพระองค์นั้น

วัฒนธรรม ประเพณี เป็นวิถีชีวิตของคนในสังคมที่บอก “ราก” และ “ฐาน” ของสังคมนั้น เราและคนไทยมีความภูมิใจในวัฒนธรรมไทย ภาษาไทย แต่กับเธอเราจะหลีกเลี่ยงที่จะเรียกตัวแทนสโมสรจากคณะนิติศาสตร์ ว่าเป็น “ลูกศิษย์” ซึ่งเป็นคำที่บอกวัฒนธรรมไทยที่ลึกซึ้งว่าเราสอนใคร เราคิดว่าเขาเป็นทั้ง “ลูก” และ “ศิษย์” เราต้องรักและปฏิบัติกับเขาเหมือนลูกของเรา เราเรียกเธอด้วยคำกลางๆ ดีกว่าว่า เธอเป็น “ผู้เรียน” ก็คงจะไม่ว่า (ยกเว้นเธอคนนั่นไม่เคยเข้าเรียน) เห็นหรือยังว่า วัฒนธรรมและภาษาไทยของคนไทย สะท้อนสิ่งที่ฝรั่งไม่มี เธอหาคำฝรั่งที่แปลว่า “เกรงใจ”ให้เราดูสิว่ามีไหม

คนปฏิเสธวัฒนธรรม คือคนปฏิเสธรากเหง้าของตนเอง !!

คนอังกฤษเขาภูมิใจที่เห็น “สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่2” ทรงขัตติยราชภูษาภรณ์เต็มยศ เสด็จไปประทับบนพระราชอาสน์ในสภาขุนนางทรงเปิดประชุมสภาที่ปฏิบัติกันมาหลายร้อยปีโดยไม่เคยประนามว่าเป็นวัฒนธรรมศักดินา ตรงกันข้าม เขาภูมิใจว่าเขามีวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงาม และสอดคล้องกับคุณค่าสากลอย่างประชาธิปไตย

ในทำนองเดียวกัน เราเห็นว่า “ประเพณีการแห่พระเกี้ยว” เป็นความงดงามที่คนไทย นิสิตไทย มีความกตัญญูต่อพระผู้สถาปนามหาวิทยาลัยที่ใช้พระปรมาภิไธยเป็นมงคลนามของมหาวิทยาลัย เป็นสิ่งที่งดงามทั้งใจ กาย โดยเฉพาะต่อองค์พระผู้ทรงยกเลิกระบบศักดินาโดยทรงเลิกไพร่ เลิกทาส เราเชื่อว่าคนไทยอีกหลายล้านคนคงคิดเช่นนี้ เช่นเดียวกับนิสิตจุฬาฯ อีกหลายพันคนที่เลือกคุณเป็นนายกสโมสร

กิจกรรมที่เชิญพระเกี้ยว จึงเป็นวัฒนธรรม ประเพณีที่แสดงความกตัญญู รู้คุณต่อพระผู้พระราชทานกำเนิดแก่สถาบันที่เธอและพวกได้เรียนอยู่ในวันนี้ เราภูมิใจทุกครั้งที่เห็นขบวนนี้เหมือนกับคนฝรั่งเศส คนอิตาเลียน คนสเปน ที่แห่รูปพระแม่มารี แห่รูปเซนต์ต่างๆ ที่เขานับถือ ไปด้วยความศรัทธา เป็นความงดงามของคนที่มี “ราก” มี ”ฐาน” เป็นที่ตั้ง

เราเสียดายนักที่ เธอใช้ “ความรู้สึก” มาตัดสินเรื่องนี้ แทนที่จะใช้ “ความรู้” เธอจะเป็นปัญญาชนไม่ได้ ถ้าไม่ใช้ปัญญา
“อาจารย์บวรศักดิ์” ลงท้ายโพสต์นี้ว่า เป็นคนไทยคนหนึ่งที่ภูมิใจในขบวนแห่พระเกี้ยว!!




กำลังโหลดความคิดเห็น