ส่อวุ่น!! ประมูลระบบท่อส่งน้ำภาคตะวันออก เล็งยื่นศาลปกครองขอคุ้มครองชั่วคราว หลัง “กรมธนารักษ์” เคาะบริษัทเอกชนรายใหม่คว้าสัมปทานแทนบริษัทรายเดิม ชี้ต้องเจรจากับบริษัทรายเดิมก่อนสัญญาสิ้นสุดไม่น้อยกว่า 3 ปี เชื่ออาจขัดมติ ครม.
เทมื่อวันที่ 15 ต.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้าในการคัดเลือกเอกชนในการจัดให้เช่า/บริหาร ระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกของกรมธนารักษ์นั้น ล่าสุดได้มีการนัดประชุมคณะกรรมการคัดเลือกอีกครั้งเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา โดยกรมธนารักษ์มีหนังสือเชิญบริษัทที่มีคุณสมบัติเพียง 3 ราย ให้มายื่นข้อเสนอเพื่อเข้าร่วมการคัดเลือกครั้งนี้ จากนั้นในวันที่ 30 กันยายน 2564 คณะกรรมการคัดเลือกจึงมีมติให้บริษัทเอกชนรายใหม่ เป็นผู้ได้รับคัดเลือกในการจัดให้เช่า/บริหาร ระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกแทนบริษัทรายเดิม มีอายุสัญญา 30 ปี โดยกรมธนารักษ์จะได้รับผลตอบแทนตลอดระยะเวลา 30 ปีเป็นจำนวนเงิน 15,000 ล้านบาท
จากกรณีดังกล่าว ทำให้บริษัทรายเดิมที่กำลังจะสิ้นสุดสัญญานั้น เตรียมที่จะยื่นศาลปกครองเพื่อขอคุ้มครองชั่วคราวแล้ว เนื่องจากมองว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้กรมธนารักษ์ต้องเจรจากับบริษัทรายเดิมก่อนที่สัญญาจะสิ้นสุดไม่น้อยกว่า 3 ปี นอกจากนี้ การดำเนินการคัดเลือกครั้งนี้อาจจะไม่ได้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของรัฐบาลที่ต้องการให้การดำเนินการมีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและให้บริการน้ำในภูมิภาค ซึ่งถือเป็นหลักการที่เป็นสาระสำคัญ ดังนั้น แม้ว่าจะใกล้สิ้นสุดอายุของสัญญาในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ก็ตาม แต่เป็นพันธะของกรมธนารักษ์ที่จะต้องพิจารณาจัดทำสัญญาฉบับใหม่เพื่อให้บริษัทรายเดิมเป็นผู้ใช้และบริหารโครงการท่อส่งน้ำต่อไปตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้กระทบต่อการบริหารจัดการระบบท่อส่งน้ำในภาคตะวันออก ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมของประเทศได้.
