ฝันอยากเป็นวิศวกรอวกาศ “เบนจา” โทษประเทศไทย โทษการเมืองตัดอนาคต เทียบ “หญิงไทยคนแรก” ที่ได้ท่องอวกาศ ทำทุกวิถีทางเพื่อฝันเป็นจริง “โซเชียล” ขุดยับ วีรกรรมทำตัวเอง ซัด “ธนาธร” saveใคร คุกทุกราย?
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (10 ต.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น “เบนจา” โทษการเมือง ตัดอนาคตเป็นวิศวกรอวกาศ เทียบ “หญิงไทยคนแรก” ทำความฝันสำเร็จ
โดยระบุว่า จากกรณี น.ส.เบนจา อะปัญ สมาชิกแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ถูกจับตามหมายศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 241/2564 ข้อหาอาญา มาตรา 112 ก่อนที่ศาลไม่ให้ประกันตัว เพราะมีพฤติการณ์ทำผิดซ้ำเกี่ยวกับสถาบันเบื้องสูงนั้น
ต่อมาได้มีกระแสบนโลกออนไลน์ พากันติด #saveเบนจา พร้อมวิพากษ์วิจารณ์ว่า เบนจาเป็นเด็กดี เป็นอนาคตของชาติ และเบนจายังมีความฝันที่อยากจะเป็นวิศวกรอวกาศ แต่การที่ถูกจับกุม เหมือนเป็นการตัดอนาคตของเบนจา
ล่าสุด ในเพจเฟซบุ๊ก The METTAD เดอะเมตตาดี ได้โพสต์ข้อความ ระบุถึงกรณีเรื่องของเบนจา กับ มิ้ง พิรดา เตชะวิจิตร์ หญิงไทยคนแรกที่มีความพยายามในการท่องอวกาศ ว่า
“มิ้ง พิรดา เตชะวิจิตร์”
– คว้าทุนการศึกษาไปศึกษาต่อด้านดาวเทียมที่ประเทศฝรั่งเศส
– ทำงานเป็น วิศวกรดาวเทียมที่สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ
– สมัครเข้ามาร่วมกิจกรรมกับ “แอ็กซ์ อพอลโล” เลือกเข้าร่วมกิจกรรมในทุกช่องทาง ทั้งการส่งรหัสผลิตภัณฑ์แอ็กซ์ร่วมชิงโชค การสมัครเข้ามาร่วมแข่งขันแฟนพันธุ์แท้ และการเตรียมทำคลิปเพื่อส่งเข้าประกวด
– ชนะการแข่งขันแฟนพันธุ์แท้
– ศึกษาข้อมูลกับองค์กรต่างๆ
– ฝึกภาษาและความรู้พื้นฐานทางด้านวิศวกรรม
– ฝึกซ้อมเตรียมร่างกายให้พร้อมจากกองทัพอากาศประเทศไทย ที่คนไทยได้มีโอกาสฝึกเข้าไปอยู่ในเครื่องดีดตัวของนักบิน มีการตรวจสมรรถภาพร่างกายเหมือนนักบิน ทดสอบจิตวิทยาเพื่อทดสอบสภาพจิตใจว่ารับแรงกดดันได้มากแค่ไหนหากเจอภาวะเครียด ฝึกหนักทั้งหมดราว 7 วัน
– ฝึกฝนตนเองเพื่อให้พร้อมสู่การก้าวขึ้นสู่ห้วงอวกาศ
– ฝึกความแข็งแกร่งของร่างกาย ในเรื่องของความกล้าหาญ ซึ่งใช้คอร์สที่ไว้ทดสอบทางทหารมาใช้ เช่น ปีนผาจำลอง วิดพื้น 50 ครั้ง ซิตอัป 50 ครั้ง กระโดดข้ามรั้ว ซึ่งเป็นภารกิจที่ถือว่าหนักมากสำหรับผู้หญิง
– ทำภารกิจ “GCentrifuge” หรือการทดลองนั่งในห้องนักบินในสภาวะการขับขี่ยานขึ้นสู่อวกาศจริงแบบซิมูเลเตอร์ เพื่อทดสอบสภาวะร่างกายและลองเปิดรับประสบการณ์จริงภายใต้แรงดันสูงสุดถึง 4.5 จี
– ภารกิจ “Jet Fighter Flight” การทดลองบินจริงบนเครื่องบินความเร็วมากกว่าความเร็วเสียง พร้อมทั้งลองบินกลับหัวกลางอากาศ
– ภารกิจ “Zero G Flight” ไฟลต์บินเป็นเส้นโค้งพาราโบลาที่จะพาทุกคนขึ้นไปลองสัมผัสสภาวะไร้น้ำหนักของห้วงอวกาศ
– ได้รับเลือกเป็น 1 ใน 23 คนที่จะได้ไปท่องอวกาศ จากผู้ร่วมอบรม 107 คน 62 ประเทศทั่วโลก
ทั้งนี้ อ้างอิงจากบทสัมภาษณ์ของโพสต์ทูเดย์ ที่หญิงคนไทยแรกในตอนนั้น อายุเพียง 29 ปี ได้บอกว่า เพราะเธอมีความสนใจอย่างมาก จึงผลักดันให้เธอคว้าทุนการศึกษาไปศึกษาต่อด้านดาวเทียม ที่ประเทศฝรั่งเศส ตามพื้นเพประวัติเดิมของเธอ เป็นคนจังหวัดลำปาง สัญชาติไทย และได้เป็นคนแรกที่ทำภารกิจท้าทาย สุดน่าภูมิใจนี้
ขณะที่ความพยายามของเบนจา เคยให้สัมภาษณ์ว่า ใช่สิ เรามันไอ้ไทย เลยโดนกีดกัน เขาให้แต่คนประเทศเขาไป บ้านเราไม่มียานอวกาศแบบเขา การเมืองมันไม่ดี ความฝันเราจึงไม่มีวันเป็นจริง ประยุทธ์ออกไป ปฏิรูปสถาบัน ไม่เอา 112 เอาอวกาศของเราคืนมา ฝันอยากเป็นนักบินอวกาศมาตั้งแต่เด็ก เพื่อที่จะได้ออกไปนอกโลก ทว่า เมื่อเติบโตขึ้นมา ก็ได้รับรู้ว่าการเป็นนักบินอวกาศนั้นเต็มไปด้วยข้อจำกัดและมีความเป็นไปได้ที่ยากเกินไป เนื่องจากมีเรื่องของสัญชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยประเทศที่ได้ไปอวกาศนั้น มักจะให้โอกาสกับนักบินที่มีสัญชาติของประเทศนั้นๆ
และยังมีคำพูดที่ว่า “ถ้าการเมืองดี การที่ประเทศเราจะไปดวงจันทร์ มันจะไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อเลย เพราะเราเชื่อว่ามนุษย์ต้องศึกษาหาความรู้ใส่ตัวเองอยู่เสมอ การไปสำรวจนอกโลกมันก็คือการศึกษาของมนุษย์เหมือนกัน แต่พอเป็นประเทศไทยแล้ว เรากลับรู้สึกว่าเรื่องเหล่านี้มันเกินจินตนาการและความฝันของเรา เพราะในเรื่องพื้นฐาน เช่น ถนนเรียบ หรือว่าระบบการคมนาคมต่างๆ ประเทศเราก็ยังไปไม่ถึงไหนเลย”
อย่างไรก็ตาม ได้มีหลายๆ คอมเมนต์จากโซเชียล มองถึงเรื่องนี้ว่า ความฝันที่เราคิด ล้วนเป็นไปได้ แต่เราก็ต้องขวนขวายด้วย ไม่ใช่เอาแต่โทษรัฐบาล โทษการเมือง เพราะจะมีกลุ่ม 3 กีบ ที่อยากทำงานได้เงินเดือนสูงๆ แต่ไม่พยายาม และพออะไรไม่ได้ดั่งใจก็วิพากษ์วิจารณ์ โทษทุกอย่างยกเว้นตัวเอง
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ (9 ต.ค.64) จากกรณี น.ส.เบนจา ถูกจับ ทำให้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ @Thanathorn_FWP ระบุว่า
“ผ่าน 6 ตุลามาไม่กี่วัน ผู้มีอำนาจก็ซ้ำเดิมทำลายอนาคต เพียงเพราะเธอเรียกร้องถึงสังคมที่ดีกว่า เบนจาเป็นวิศวกรอวกาศที่กำลังสร้างชื่อเสียงให้กับไทยในอีกไม่กี่ปี แต่กลับต้องถูกจับเข้าคุก รบ.ต้องหยุดทำลายอนาคตของชาติ ก่อนที่สังคมไทยจะถูกผลักออกไปไกลเกินจุดที่จะเจรจาประนีประนอมกันได้” นั้น
ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว “Suphanat Aphinyan” ระบุว่า
เมื่อธนาธรเป็นนายกโซเชียลได้ เบนจาก็เป็นวิศวกรอวกาศโซเชียลได้เหมือนกัน โฆษณาชวนเชื่อจนเกินจริง ยุยงปลุกปั่นด้วยการโกหกซ้ำซากอย่างไรให้ดูโง่แบบ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” นักโหนชายกระโปรงคนรุ่นใหม่
ความจริง: เบนจาเป็นนักศึกษา ป.ตรี อีกทั้งสถาบันที่เบนจาศึกษาอยู่ ไม่ได้เปิดสาขาวิชาวิศวกรรมอวกาศแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น โซเชียลขุดยับ! วีรกรรม “เบนจา” อนาคตดับเพราะทำตัวเอง ซัด “ธนาธร” saveใคร สุดท้ายคุกทุกราย?
เนื้อหาระบุว่า เฟซบุ๊ก ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้โพสต์ข้อความ กรณีของ น.ส.เบนจา และได้รวบรวมคดีมาตรา 112 ที่ผู้ชุมนุม รวมทั้งแกนนำกลุ่มราษฎรถูกจับ และไม่ได้รับการประกันตัว ซึ่งมีเนื้อหาบางช่วงที่น่าสนใจว่า
เบนจา อะปัญ ผู้ต้องหา ม.112 รายล่าสุดที่ไม่ได้ประกัน ดันเลขรวมผู้ต้องขังทางการเมืองพุ่งเป็น 20 ราย “นัท” เยาวชนอายุ 16 ปี ถูกจับกุมเมื่อคืนวันที่ 24 กันยายน 2564 และถูกตำรวจแจ้งข้อหาถึง 8 คดีจากเหตุทุบ และเผาตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจรในหลายจุด ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางได้ออกหมายควบคุมตัวไว้ระหว่างสอบสวน เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2564 และศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากไม่มีญาติเดินทางมารับรองการประกันตัว เยาวชนรายนี้ ถูกส่งไปควบคุมตัวที่สถานพินิจฯ ที่บางนา (บ้านเมตตา) แล้ว 15 วัน
ล่าสุด ในโซเชียล ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์การเคลื่อนไหวให้กำลังใจแกนนำของนายธนาธร ว่า ที่ผ่านมา เด็กๆ เหล่านี้ ล้วนมีคดีติดตัวหลายคดี และทำความผิดไว้เยอะมาก จนบางรายศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว เพราะทำผิดซ้ำซาก โดยชาวโซเชียลต่างมองว่า เด็กดี หรืออนาคตของชาติที่นายธนาธรมักชื่นชมและกล่าวถึง ทำไมถึงทยอยเดินเข้าคุกกันแทบหมด
นอกจากนี้ เพจเฟซบุ๊ก Street Hero V3 ยังโพสต์ข้อความว่า “เผื่อใครไม่รู้ว่าเบนจาทำอะไรมาบ้าง ถึงเป็น #เด็กดีในสายตาธนาธร มาดูกันนี่แค่บางส่วน
– ชักธง 112 ขึ้นเสาธงแทนธงชาติใน ม.ธรรมศาสตร์
– ให้อาหารหมากับตำรวจและใส่ร้ายสถาบันที่ สภ.คลองหลวง ปทุมธานี
– บุกรุกห้างไอคอนสยาม ชูป้ายใส่ร้ายสถาบัน
– ข่มขู่ผู้พิพากษาและโปรยกระดาษหน้าศาลอาญา
-- ปราศรัยใส่ร้ายสถาบันในม็อบ 24 มิ.ย.ที่สกายวอล์ก
อนาคตไกลไหมล่ะ”
ทำให้มีหลายคนเข้ามาคอมเมนต์ทำนองว่า นายธนาธร เชียร์ใคร เข้าคุกทุกราย, ผมว่าทอนเลิกยุเด็กก่อน อนาคตเด็กก็ไม่เสียแล้วครับ, เก่งขนาดนั้นทำไมไม่เอาดีทางด้านนั้นให้ยิ่งใหญ่ไปเลย มาโจมตีสถาบันทำแมวน้ำอะไร มีเด็กอีกหลายคนที่มีความฝัน แต่ไม่มีความสามารถจะไปตามฝันได้, อนาคตไกล ไปให้สุดที่คุก รวมทั้งยังมีหลายคนมองว่า การกระทำของเบนจา จะเป็นตัวอย่างที่ดีของชาติได้ยังไง พฤติกรรมไม่น่าเอาอย่าง
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ธนาธร เคยออกมาประณามเจ้าหน้าที่ คฝ. ที่จัดการกับกลุ่มทะลแก๊ส และกลุ่มม็อบ 3 นิ้ว แต่แกนนำส่วนใหญ่ที่นายธนาธรเคยออกมาให้กำลังใจ กลับต้องเดินเข้าคุกไปแล้วหลายราย และไม่ได้รับการประกันตัวด้วย และตอนนี้ยังมีกลุ่มเยาวชนที่รวมตัวบริเวณแยกดินแดง ถูกจับกุม ไร้เงินประกันตัว จนแต่ละกลุ่มต้องออกมาระดมทุนกันเอง อีกทั้งยังเคยมีการแฉข้อมูลว่า กลุ่มที่แยกดินแดงบางกลุ่ม อยากให้นายธนาธรและปิยบุตรออกตัวหนุนมากกว่านี้ เพื่อที่กลุ่มจะเป็นที่สนใจจากมวลชนด้วย
แน่นอน, สิ่งที่เห็นได้ชัดจากโพสต์ดังกล่าว ก็คือ ความพยายามที่จะนำเอาเรื่องอนาคตของเด็ก มาโจมตีฝ่ายอำนาจรัฐ ที่จับกุมดำเนินคดีเด็ก หลังจากผู้นำทางความคิด ผู้สนับสนุนทั้งหลาย โดยเฉพาะนายธนาธร นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า ที่ยุยงส่งเสริมเด็กให้ออกมาจัดม็อบ ประท้วงเรียกร้อง “ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์”
คำถามคือ ใครกันแน่ที่ทำให้เด็กหมดอนาคต ทำลายอนาคตเด็กตั้งแต่ต้น?
ประเด็นต่อมา มีการนำเอาความฝันอันยิ่งใหญ่ของเด็กบางคน ซึ่งกลายมาเป็นแกนนำม็อบ มาอ้างว่า ฝันนั้นจะเป็นจริง ถ้าไม่ถูกจับ หรือ เจ้าหน้าที่บ้านเมือง ปล่อยให้ทำผิด หรือ ยืนดูอยู่ห่างๆ?
คิดอย่างนั้น บ้าไปแล้ว ไม่มีประเทศใดในโลก แม้แต่เสรีประชาธิปไตยสุดขั้ว ที่จะไม่ปกป้องประมุขของประเทศ และยืนดูม็อบอยู่ห่างๆ แล้วปล่อยให้ทำผิดตามอำเภอใจ ใส่ร้ายป้ายสี จาบจ้วงล่วงละเมิด บางแก๊งถึงขั้นต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ เผาทำลายทรัพย์สินทางราชการ ก่อความเดือดร้อนให้ประชาชนทั่วไป
ถ้าหากเห็นแก่อนาคตของชาติอย่างแท้จริงแล้ว ก็ไม่ควรยุยงส่งเสริมให้พวกเขาใช้วิธีต่อสู้เรียกร้องที่ผิดกฎหมาย ไม่เห็นการทำผิดกฎหมายเป็นเรื่องผิด ซึ่งมีวิธีอื่นที่สามารถแสดงพลังกดดันได้ เหมือนอย่างการชุมนุมประท้วงที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีที่ผ่านมา หรือ การประท้วงของคนจน แรงงาน ที่น้อยนักจะทำผิดกฎหมาย
ประเด็นจึงน่าคิดว่า เป็นเพราะการชุมนุมของม็อบ 3 นิ้ว เรียกร้องในสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน และไม่มีประเด็นร่วมที่ประชาชนเห็นความสำคัญ จึงไม่มีมวลชนเข้าร่วมมากพอที่จะใช้เป็นพลังกดดัน ดังนั้น จึงหันมาใช้ความรุนแรงเรียกร้องความสนใจ และหวังว่า ประเด็นการต่อสู้จะเป็นข่าวไปทั่วโลก และโลกประชาธิปไตย (ที่ไม่มีพระมหากษัตริย์) จะช่วยกดดันประเทศไทย ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง อย่างนั้นใช่หรือไม่
เพราะหลายครั้งที่มีความพยายามจะดึงต่างประเทศเข้ามามีบทบาทกดดัน แทนที่จะเป็นการหาแนวร่วมจากคนไทยด้วยกัน มันทำให้เห็นชัด แต่พอต่างชาติไม่ยุงด้วย ก็เลยไม่รู้จะไปต่ออย่างไร ได้แต่ยุยุงส่งเสริมหล่อเลี้ยงกระแสไปเรื่อยๆ หาเรื่องโจมตีรัฐบาล อำนาจรัฐได้ ก็โจมตี นี่คือ ที่เห็นและเป็นอยู่
วันนี้ถ้ายังห่วงอนาคตของเด็กจริง ยังไม่สายจนเกินไป เพียงแค่สั่งให้ยุติการชุมนุมของทุกกลุ่ม แล้วสรุปบทเรียนที่ผ่านมา ทบทวนแนวทางต่อสู้ใหม่ หาประเด็นที่คนไทยส่วนใหญ่ได้ประโยชน์ แค่นี้ก็ไม่ต้องห่วงอนาคตเด็กแล้ว ยิ่งถ้าพวกอีแอบทั้งหลายออกมาเป็นผู้นำม็อบเอง ก็ยิ่งแสดงความจริงใจต่อประเด็นปัญหาที่ต้องการเรียกร้อง หรือถ้ากลัวก็ไม่ต้องคิดอ่านการใหญ่อะไรอีกแล้ว!?