หลังจากโคจรรอบโลก 3 วัน ดรากอน กระสวยอวกาศของสเปซเอ็กซ์ที่มีลูกเรือเป็นพลเรือนล้วน 4 คนแรกของโลก ที่เรียกว่ากลุ่ม อินสไปริงโฟร์ (Inspiration4) ก็กลับสู่โลกอย่างปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว
ดรากอน เผาไหม้ทีละขั้นทีละขั้นตอนเพื่อออกจากวงโคจรเป็นวงกลมเป็นระยะทาง 575 กิโลเมตร ก่อนจะสะบัดทิ้งส่วนกลางของยาน เข้าสู่การเผาแบบ deorbit เพื่อกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลกอีกครั้ง โดยได้ติดตั้ง drogue สองตัวและร่มชูชีพหลัก 4 อัน เพื่อการลงจอดในน้ำอย่างนิ่มนวล
นักบินอวกาศทั้ง 4 ได้รับการดูแลทันทีหลังจากไปรับออกจากกระสวยอวกาศดรากอน กลับสู่แหลมคันนาเวอรัลเพื่อที่จะตรวจสุขภาพและเก็บเป็นข้อมูลสำหรับผู้ที่จะเดินทางไปในอวกาศในอนาคต
สำหรับสมาชิกกลุ่มอินสไปริงโฟร์ ซึ่งเป็น 4 พลเรือนแรกของโลกที่ได้เดินทางในอวกาศ ประกอบด้วย จาเร็ด อิสอัคมัน ผู้ก่อตั้งและซีอีโอบริษัท ชิฟต์โฟร์เพย์เมนต์ โดยในมิสชันนี้ เขารับได้รับการฝึกโดยสเปซเอ็กซ์ให้เป็นผู้บัญชาการ และด้วยหน้าที่การงาน จาเร็ดยังเป็นผู้บริจาคเงินก่อนใหญ่อีกด้วย
เขาก่อตั้งชิฟต์โฟร์เพย์เมนต์ตั้งแต่ปี 1999 เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ให้บริการด้านเพย์เมนต์โซลูชัน ที่เขาคิดได้ตั้งแต่อายุ 16 ปี เท่านั้น จนปัจจุบันมีพนักงานทั่วสหรัฐถึง 1,200 คน
นอกจากเป็นนักธุรกิจที่ได้การยอมรับแล้ว จาเร็ด ยังเคยฝึกเป็นนักบิน ทั้งสายการบินพาณิชย์และเครื่องบินของทหาร ซึ่งเขาเคยบินรอบโลกเพื่อระดมทุนให้การกุศลมาแล้วในปี 2008 - 2009 โดยในปี 2011 เขายังได้ร่วมก่อตั้ง ดราเคน สถาบันฝึกขับเคื่อนอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อที่จะเป็นโรงเรียนสอนการบิน
อีกคนที่ร่วมเดินทางไปในอวกาศครั้งนี้คือ เฮย์ลีย์ อาร์เซอโนซ์ ผู้ช่วยแพทย์จากโรงพยาบาลเด็กและสถาบันวิจัยเซนต์จูด และเป็นผู้รอดชีวิตจากโรคมะเร็ง
ตอนที่เฮย์ลีย์อายุ 10 ขวบ หัวเข่าข้างหนึ่งของเธอเริ่มที่จะบวมและเจ็บมาก ตอนแรกหมอคิดว่า กล้ามเนื้ออักเสบ แต่หลังจากผ่านไปหลายเดือนแล้วยังไม่หาย ในที่สุดหมอก็วินิจฉัยว่าเธอเป็นมะเร็งกระดูกชนิดหนึ่ง และเธอก็ได้เข้ารับการรักษาที่สถาบันวิจัยเซนต์จูด ด้วยวิธีการผ่าตัด รวมทั้งการฉายแสงจนกระทั้งตอนนี้หายขาดเรียบร้อยแล้ว
เฮย์ลีย์ รักษาตัวไป เรียนหนังสือไปด้วย ตอนนี้เธอจบชั้นปริญญาตรีเอกภาษาสเปน ในปี 2014 ก่อนจะฝึกฝนเป็นผู้ช่วยแพทย์จบในปี 2016 และได้ทำงานในเซนต์จูดที่เธอคุ้นเคย พร้อมช่วยเหลือผู้ป่วยในแผนกมะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งในต่อมน้ำเหลือง
เฮย์ลีย์ เป็นตัวแทนของ “ความหวัง” โดยเธอได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในลูกเรือครั้งนี้ ไม่เพียงตัวแทนของผู้รอดชีวิตจากทุนช่วยเหลือของเซนต์จูด แต่ยังแสดงให้เห็นว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้ เป็นมะเร็งได้ ก็รักษาหายได้
พลเรือนรายที่ 3 คือ คริส เซมโบรสกี วิศวกรอวกาศ และทหารผ่านศึก ที่เติบโตมาพร้อมกับความกระหายใคร่รู้เกี่ยวกับเรื่องราวในอวกาศ กิจกรรมวัยเด็กของเขาคือการส่องกล้องออกไปนอกโลกในยามค่ำคืน แถมยังเคยออกแบบจรวดเองเล่นๆ สมัยอยู่มัธยมปลาย และเข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวกับอวกาศและการบินอยู่เป็นประจำ จนในที่สุดก็โตมาเป็นวิศวกรด้านอวกาศยาน
คริส ยังเป็นที่ปรึกษาให้กับแคมป์อวกาศของสหรัฐด้วย ที่เหมือนกับการเข้าคอร์สซัมเมอร์ด้านอวกาศ เขาออกแบบสตีมูเลเตอร์ ภารกิจจำลองกระสวยอวกาศ และสนับสนุนการศึกษาต้นแบบยานอวกาศ โดยได้สร้างแรงบันดาลใจให้เด็กรุ่นใหม่ที่หลงใหลในอวกาศเช่นเดียวกับเขาได้เข้ามาศึกษา
คริส ทุ่มเทให้กับเรื่องอวกาศตั้งแต่วัยเยาว์ เขาเคยเป็นอาสาสมัครในโครงการโปรสเปซ ที่วอชิงตัน ดีซี ซึ่งทำให้เขาเชื่อมโยงเข้าสู่สเปซเอ็กซ์ได้ก่อนใครอื่น นอกจากนี้ คริสยังเคยเป็นทหารอากาศ และเคยถูกส่งไปประจำการในสงครามที่อิรัก หลังเรียนรู้เรื่องการขับเครื่องบินรบในกองทัพ กลับมาจากสงครามเขาได้ไปเรียนหนังสือต่อทางด้านวิศวอวกาศยาน ณ มหาวิทยาลัยนักบินอวกาศ เอ็มบรี-ริดเดิล และทุกวันนี้เขาก็ได้ทำงานที่เกี่ยวกับอวกาศที่เขารักมาตั้งแต่เด็ก
ปิดท้าย ด้วยนักบินสาวระดับดอกเตอร์ อย่าง นักธรณีวิทยา นักลงทุน และนักบินที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ดร.ซิอาน พณอคเตอร์ นักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสาร ผู้มีแพสชั่นในการท่องอวกาศตั้งแต่วัยเด็กเช่นเดียวกัน
ดร.ซิอานเกิดที่เกาะกวม ขณะที่บิดาของเธอทำงานให้กับองค์การนาซาในปฏิบัติการอพอลโล เธอเป็นพลเรือนคนสำคัญในการเดินทางครั้งนี้ เพราะว่าผ่านมาฝึกเป็น “นักบินอากาศ อนาล็อก” (ประมาณสะเทินน้ำสะเทินบก แก้ปัญหาได้ทุกสถานการณ์)
ดร.ซิอาน เชื่อว่า “อวกาศคือความบันดาลใจ” เป็นศิลปะ เป็นความกล้าหาญ และเห็นว่า อวกาศเป็นเรื่องของทุกคน เธออยู่ในลิสต์ 50 บุคคลที่เปลี่ยนแปลงโลก ของนิตยสารพีเพิล ดร.ซิอาน ยังเคยออกหนังสือเมนูอวกาศ TEDx talk called Eat Like a Martian และ Meals for Mars Cookbook
นอกจากมีใบอนุญาตขับขี่อวกาศยานแล้ว ดร.ซิอาน ยังเป็นศาสตราจารย์ด้านธรณีวิทยา โดยสอนอยู่ที่วิทยาลัยเซาต์เมาเทน ในเมืองฟีนิกซ์ โดยเธอจบปริญญาตรีสาขาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม ปริญญาโทสาขาธรณีวิทยา และปริญญาเอกทางด้านวิทยาศาสตร์
สำหรับปฏิบัติการอินสไปริงโฟร์ เป็นการระดมทุนเพื่อบริจาคให้สถาบันวิจัยโรคมะเร็งในเด็กเซนต์จูด ซึ่งสามารถระดมเงินบริจาคได้ถึง 210 ล้านดอลลาร์สหรัฐ