มันน่าเจ็บใจ “แอมมี่” เผยข้อความ โทรศัพท์สายสุดท้าย พร้อมแซะ “พรรคการเมือง” ที่เคยสนับสนุน ส่อเทม็อบ “ตูน” เฮชั่วข้ามคืน “เพลงดุจดั่งสายฟ้า” ยอดไลก์พุ่ง หลังสามนิ้วแห่แบน “ก้าวไกล” ดิ้นพล่าน ตีช่อง 5 เอา “ไอโอ” ไว้บนดิน?
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (3 ต.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น เริ่มรู้ตัว โดนหลอกใช้? “แอมมี่” เผยข้อความ โทรศัพท์สายสุดท้าย พร้อมแซะ “พรรคการเมือง” ที่เคยสนับสนุน
โดยเผย กรณี นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่ the bottom blues โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า
“ขอโทษหว่ะพี่” สายสุดท้ายก่อนเข้าเรือนจำไดโน๊ะ ซาโตะ ทะลุฟ้า มันก็น่าน้อยใจนะสหาย พวกเราสู้ และถูกจับเข้าเรือนจำ ไปทีละคนสองคนราวกับว่า เป็นเรื่องธรรมดาชินตาไปเสียแล้ว ประยุทธ์ ยังอยู่ดี ทุกคนก็ดูเต็มที่กับการหาเสียง สังคมไทยเพียงขอแค่กูอยู่รอดไปวันๆ และ นิ่งเฉย กับความอยุติธรรมที่รายล้อม ทอดทิ้งคนที่พวกเค้าเคยเอ่ยว่า “ขอบคุณนะที่ออกมาสู้แทน” ไปแล้วจริงๆ หรือ?”
หลังจากนั้น ได้มีคนที่ให้การสนับสนุนการชุมนุมของสามนิ้ว เข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะโพสต์ในเชิงเหน็บแนม กลุ่มนักการเมือง บางคนยังมองว่าเป็น ยุทธศาสตร์ โดยมีรายละเอียดว่า
“มันเป็นที่ยุทธศาสตร์ของกลุ่มที่ต่อสู้เหมือนกันแหละ เพราะเหล็กร้อนไม่ยอมตีแต่กลับไปถอยไฟออกเสีย พอมาปีนี้เขาก็ได้ใจไล่บี้ไล่จับเด้อ คือ เราตอนแรกจุดติด แต่เราไปไม่สุด มวลชนเลยฝ่อ (หรือไม่ไว้ใจเราแล้ว) มันเลยออกมาในแบบที่เห็นนี้แหละ และอีกอย่างเด็กๆ ผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์แนะนำเขา ก็ยากที่จะเชื่อและหาว่ายังอย่างโน่นอย่างนี้บ้างเลยเสียคะแนนไปเยอะมากๆ”
“เป็นผู้แทน ได้เงินเดือนจากภาษีประชาชน แต่เสือกไม่เห็นหัวประชาชน ไม่ฟังเสียงประชาชน”
“เข้าใจอารมณ์ครับ มันหดหู่จริงๆ คนที่มีอำนาจจะสู้ก็นิ่งเฉย ฟันเฟืองเล็กไปค่อยๆ ลดหาย”
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ แอมมี่ ก็เคยออกมาเปิดเผยถึงความเอือมต่อพรรคการเมืองที่เคยสนับสนุนการชุมนุมทั้ง พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย พร้อมกับแฉว่า
“โควตา ส.ส. ที่ใช้ในการประกันตัว ต้องยกให้ก้าวไกล แต่ก้าวไกลก็ขี้เหนียว กลับกันเป็นเพื่อไทยที่สู้ไปกราบไป ที่คอยสนับสนุนเงินทุนบ้าง” ซึ่งกลายเป็นประเด็นให้ พรรคเพื่อไทย ถูกตรวจสอบ และอาจถึงขั้นยุบพรรคได้มาแล้วหากพบว่าเป็นเรื่องจริง
การเคลื่อนไหวของ แอมมี่ จึงค่อนข้างชัดเจนว่า อยากจะให้พรรคการเมืองที่เคยสนับสนุนเข้ามาช่วยเหลือ เพราะขณะนี้ การชุมนุมของกลุ่มต่างๆ เข้าใกล้จุดจบ และแกนนำ รวมถึงผู้ก่อเหตุรุนแรงภายในการชุมนุม เดินหน้าเข้าเรือนจำ เพื่อเตรียมถูกดำเนินคดีกันเป็นแถว
ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น พี่ตูน เฮลั่น “เพลงดุจดั่งสายฟ้า” ยอดไลก์พุ่งกระฉูดในคืนเดียว หลังสามนิ้วแห่แบน!
โดยระบุว่า หลังเจอทัวร์ม็อบสามนิ้วลงชุดใหญ่ แล้วฮีโร่กู้ภัย อย่าง “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” ออกมาเคลื่อนไหวผ่าน เฟซบุ๊ก “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” และได้โพสต์ข้อความว่า
“ตอนนี้ มีคนไม่รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ กำลังปั่นรุมถล่มกด unlike เพลง “ดุจดั่งสายฟ้า” จนยอด unlike เยอะกว่ายอด like เยอะมาก จึงขออนุญาต ขอพลัง “คนรักในแผ่นดินไทย ในสถาบัน อันเป็นที่รักของเรา” เข้าไปกดเพิ่มยอดไลก์ (กดนิ้วโป้ง) สู้หน่อยครับ เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี ต่อผืนแผ่นดินไทยที่บรรพบุรุษได้รักษามา เพื่อลูกหลานคนไทยครับ”
ล่าสุด ในช่องยูทูบ ที่ลงเพลง “ดุจดั่งสายฟ้า” พบว่า มียอดเข้าชมกว่า 2 ล้านวิว และยอดกดไลก์ได้พุ่งไปถึง 2 แสนไลก์ มากกว่าที่กลุ่มม็อบ 3 นิ้ว ออกมาประกาศแบน และขอแรงให้ไปกดดิสไลก์ ที่ตอนนี้มีเพียง 1.98 แสนไลก์
อย่างไรก็ตาม ได้มีคอมเมนต์เข้ามาให้กำลังใจ ตูน บอดี้สแลม ด้วยว่า ขอบคุณที่ทำเพื่อ 3 สถาบันหลักของชาติ หลังจากนี้ สามกีบคงปั่นกันไม่หยุด เจอแบบนี้เข้าไปคงเสียใจ รักและชื่นชมตูนมากๆ ขอบคุณพี่ตูนด้วย พร้อมทั้งติดแฮชแท็ก #ทรงพระเจริญ ด้วย
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน THE TRUTH โพสต์ประเด็น “ก้าวไกล” ขาสั่นเจอ 4 พิธีกร TOP NEWS ! แกว่งปากใส่ร้าย ททบ.5 แต่คนไทยรู้ทัน กลัวถูกแฉจาบจ้วงสถาบันฯ?
เนื้อหาระบุว่า จาก พลโท รังษี กิติญาณทรัพย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก หรือ ททบ.5 แถลงข่าวเปิดตัว ททบ.5 มิติใหม่ พร้อมทั้งจะมีการดึง 4 พิธีกรข่าวดังจากช่อง TOP NEWS เช่น กนก รัตน์วงศ์สกุล, ธีระ ธัญไพบูลย์, สันติสุข มะโรงศรี และ สถาพร เกื้อสกุล เข้ามาเสริมทัพรายการข่าว หวังสร้างการเติบโตให้แก่เรตติ้งในปี 2565 ของ ททบ.5
พร้อมทั้งเปิดเผย 4 เงื่อนไขในการนำเสนอข่าว คือ 1. นำเสนอความจริงรอบด้าน โดยไม่ต้องตัดสิน 2. ไม่ก่อให้เกิดความแตกแยก 3. ใช้รายการข่าวช่วยฟื้นฟูประเทศหลังโควิด 4. ทุกคนทำเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ล่าสุด น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา โฆษกพรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมืองการสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน ได้กล่าวถึงกรณีดังกล่าว ว่า เมื่อเห็นรายชื่อของผู้ประกาศชุดนี้แล้ว อดตั้งข้อสงสัยไม่ได้ว่า ททบ.5 ซึ่งเป็นทีวีสาธารณะ กำลังใช้งบประมาณในการสร้าง Propaganda หรือไม่ หรือนี่คือ การที่กองทัพกำลังยกระดับขบวนการไอโอมาไว้บนดิน
พร้อมกับกล่าวว่า สิ่งที่กองทัพควรตระหนักและเข้าใจ คือ เราอยู่ในยุคสมัยที่พี่น้องประชาชนเข้าถึงสื่อ และสามารถเป็นเจ้าของสื่อได้ การพยายามสร้างโฆษณาชวนเชื่อ นอกจากจะเป็นการดูถูกประชาชนแล้ว พวกคุณยังไม่มีวันก้าวทันความเข้าใจของสังคมที่รุดหน้าไปไกล ซึ่งการกระทำเช่นนี้ เป็นการบ่งชี้ว่า ยุทธศาสตร์การสื่อสารเชิงรุกที่ ททบ.5 ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกองทัพบก กำลังทำภารกิจสร้างความแตกแยกในสังคม
“เหตุผลที่พูดเช่นนี้ เพราะหากมีการนำชื่อของผู้ประกาศข่าวใหม่ทั้งหมดไปค้นหา ก็ได้คำตอบถึงวัตถุประสงค์ในครั้งนี้ได้ไม่ยาก นอกจากนี้ การผลิตข่าวสารนั้น จะต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริง ผู้ดำเนินรายการจะต้องไม่ใส่ความคิดเห็นส่วนตัวลงไปในการรายงาน และสัดส่วนของการรายงานข่าวต้องไม่เป็นผลประโยชน์ขององค์กรใดขององค์หนึ่งหรือเป็นเครื่องมือแก่กลุ่มการเมืองใดๆ ซึ่งที่ผ่านมา”
น.ส.สุทธวรรณ กล่าวด้วยว่า จรรยาบรรณของคนทำงานสื่อมวลชน ต้องตระหนักว่า hate speech เป็นการสร้างความแตกแยก ได้รับความเสียหายมากมายในอดีต หาก ททบ.5 ไม่มีวัตถุประสงค์ในการสร้างความแตกแยก ก็โปรดพิจารณาและวางสัดส่วนผู้ดำเนินรายการให้มีความหลากหลายกว่านี้
ด้าน พล.อ.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ เสธ.ทบ. และ โฆษกกองทัพบก ชี้แจงว่า ททบ. 5 เป็นสถานีโทรทัศน์ หรือสถานีสื่อสารที่ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบว่ามีพื้นที่นำเสนอข่าวกี่เปอร์เซ็นต์ และเรื่องบันเทิงกี่เปอร์เซ็นต์ ใครมีความประสงค์ซื้อเวลา งานต่างๆ หรือประชาสัมพันธ์ ก็มีเงื่อนไขการตกลง เรื่องค่าตอบแทน และเงื่อนเวลา เรารับได้ทั้งหมด ไม่ได้กำหนดว่าต้องเป็นใคร ยืนยันว่า เป็นเรื่องการทำธุรกิจ และเป็นไปตามระเบียบ ไม่มีเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง
แน่นอน, ประเด็นแรก กรณี “แอมมี่” ออกมาแฉซ้ำ เท่ากับ “ตอกย้ำ” ความจริงที่ก่อนหน้านี้เคยออกมาแฉว่า พรรคใดให้โควตาส.ส.ประกันตัวอย่างเดียว เพราะขี้เหนียว พรรคใดให้เงินสนับสนุน ซึ่งวันนี้เขาระบุชัด ว่า แกนนำ ขบวนการต่อสู้กำลังถูกเท โดยพรรคการเมือง ที่เคยพูด “ขอบคุณนะ ที่ออกมาต่อสู้แทน” ต่างสนุกสนานกับการเตรียมหาเสียงเลือกตั้ง เพื่อต่อสู้กับ พล.อ.ประยุทธ์ต่อไป
ปล่อยให้ “สหายร่วมรบ” ของพวกเขา ทยอยถูกจับเข้าเรือนจำ มวลชนหนีหายแทบไม่เหลือ อย่างนี้คงรู้แล้วว่า ธาตุแท้นักการเมืองเป็นอย่างไร รวมถึงธาตุแท้ “อีแอบ” ด้วย
ประเด็น ของ “ตูน” คือ ภาพสะท้อนได้ดีว่า คนไทยมีการแบ่งขั้ว แบ่งข้าง ระหว่างขบวนสามนิ้ว กับ คนที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมถึงพลังเงียบในสังคม ที่พร้อมต่อต้านขบวนการสามนิ้วทุกรูปแบบ และเห็นได้ชัดว่า คนที่จงรักภักดีต่อสถาบันฯ ตื่นแล้ว
เพราะถ้าดูจากหลายปรากฏการณ์ ก็จะเห็นได้ชัดเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น กรณี “ป๋าเทพ” เทพ โพธิ์งาม กรณี น้ำพริกนิตยา ที่ยิ่งสามนิ้วแห่แบน ก็ยิ่งขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ผู้คนอุดหนุนล้มหลาม และนี่เท่ากับเป็นสัญญาณเตือน “ขบวนการสามนิ้ว” ได้เช่นกัน ว่า อย่าคิดว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้แค่พลิกฝ่ามือ ในประเทศไทย
มาถึง ประเด็น ส.ส.ก้าวไกล ออกมาตีปลาหน้าไซ กองทัพบก และช่อง 5 ว่า ยกระดับ “ไอโอ” มาไว้บนดิน หรือไม่ ซึ่งนั่นหมายถึง การมุ่งทำงานสนองกองทัพ ไม่ใช่การเสนอข่าวของสื่อมวลชน
แต่ประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ต้องย้อนกลับไปที่พรรคก้าวไกล ว่า ทำหน้าที่ ส.ส.อะไรกันแน่ จึงมุ่งเน้นการตรวจสอบสถาบันฯอย่างเดียว ขณะที่ประชาชนทุกยากเดือดร้อนไม่สนใจ แถมยังให้การสนับสนุนม็อบสามนิ้ว ซึ่งต่อต้านสถาบันฯ อย่างหน้าตาเฉย หมายความว่าอย่างไร?
สำหรับสื่อมวลชน ถ้าจะมองว่า เป็นการเลือกข้าง ฝ่ายที่เลือกข้างสถาบันฯ ก็อาจจะอ้างเช่นกันว่า มีนักการเมืองบางพรรค และสื่อมวลชนหลายค่าย ก็ทำหน้าที่สื่อมวลชนแบบเอียงข้างม็อบสามนิ้ว ละเว้นข่าวจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันฯ จนพวกเขาจะต้องทำหน้าที่ให้ความจริงอย่างรอบด้าน รวมทั้งประเภทหาข่าวที่เป็นประเด็นโจมตีรัฐบาลมานำเสนอได้ทุกวัน อย่างนี้เขาเรียกอะไร ไม่นับพวกเล่าข่าวที่ชอบตีไข่ใส่ความเห็น ใส่อารมณ์ความรู้สึกกระแหนะกระแหนเข้าไปในข่าว?
เรื่องนี้ ถ้าจะทำให้เป็นผลงานชิ้นโบแดง ส.ส.ก้าวไกล ก็ควรจะ “ปฏิวัติ” สื่อมวลชน รื้อทั้งระบบ จัดการไม่ให้มีสื่อเลือกข้าง ไม่ให้มีการเลือกข้างพรรคการเมืองบางพรรค ไม่ให้มีการเลือกข้างม็อบสามนิ้ว มีองค์กรที่เป็นกลาง ประกอบด้วย หลายฝ่ายเฝ้าตรวจสอบ และมีบทลงโทษอย่างรุนแรง เพราะถือว่า ให้ “ยาพิษ” ต่อประชาชน เอาจริงเลยดีมั้ย?
หาไม่ ก็เท่ากับ “มัดมือชก” ฝ่ายหนึ่ง ปล่อยอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งพรรคก้าวไกล ก็มักจะทำเช่นนี้กับการเอียงข้างม็อบสามนิ้วอยู่แล้ว...
เหนืออื่นใด เขายังไม่เริ่มงานเลย ดูการทำงานของเขาก่อน ไม่ดีหรือ?