xs
xsm
sm
md
lg

โพลยังยืนหนึ่ง “บิ๊กตู่” อาจพลิกโฉม !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตรวจสถานการณ์น้ำท่วมสุโขทัย
เมืองไทย 360 องศา

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 3/2564” ซึ่งเป็นผลการสำรวจล่าสุด เมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 32.61 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้



อันดับ 2 ร้อยละ 17.54 ระบุว่า เป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะ เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ มีความเด็ดขาดในการตัดสินใจ แก้ไขปัญหาได้ดี ช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ และคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก อันดับ 3 ร้อยละ 11.15 ระบุว่า เป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เพราะที่ผ่านมาเคยบริหารงานได้ดี มีผลงานที่โดดเด่น ใส่ใจประชาชน และมีประสบการณ์การทำงาน

อันดับ 4 ร้อยละ 11.05 ระบุว่า เป็นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) เพราะเป็นนักบริหารงานที่ดี มีภาวะผู้นำสูง มีวิสัยทัศน์ที่ดี มองการณ์ไกล และมีอุดมการณ์ทางการเมืองที่ชัดเจน อันดับ 5 ร้อยละ 9.07 ระบุว่า เป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) เพราะมีความเด็ดขาด ในการตัดสินใจ บริหารงานอย่างตรงไปตรงมา และมีวิสัยทัศน์ในการทำงาน

ท้ายที่สุด เมื่อถามถึงพรรคการเมือง ที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่าอันดับ 1 ร้อยละ 30.82 ระบุว่า ไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใดเลย อันดับ 2 ร้อยละ 22.50 ระบุว่า พรรคเพื่อไทย อันดับ 3 ร้อยละ 15.11 ระบุว่า พรรคก้าวไกล อันดับ 4 ร้อยละ 9.51 ระบุว่า พรรคพลังประชารัฐ อันดับ 5 ร้อยละ 7.78 ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์

ถือว่าน่าสนใจทีเดียวสำหรับผลการสำรวจดังกล่าวที่ออกมาล่าสุด ที่ต้องบอกว่าน่าสนใจ ก็เพราะว่า หากพิจารณาจากสำนักโพล “นิด้า” ที่มักออกมาในแนว “แปลกแยก” เมื่อเทียบกับสำนักอื่น ดังนั้น สำหรับผลที่ออกมาแบบนี้ โดยเฉพาะในเรื่องการสนับสนุนจากประชาชนที่ยังมาอันดับหนึ่ง ก็ต้องถือว่า “ไม่ธรรมดา” ในสถานการณ์การเมืองที่รุมเร้าแบบนี้

เพราะต้องไม่ลืมว่า ในความเป็นจริงก็ต้องยอมรับกันว่า เป็นช่วงที่ “บิ๊กตู่” หรือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ครองอำนาจมานานกว่า 7 ปี กำลังอยู่ในช่วง “ขาลง” สาเหตุอาจเป็นเพราะ “อยู่มานาน” จนชาวบ้านเบื่อ หรือเป็นเพราะเป็นช่วงสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ซึ่งถือว่าเป็น “โรคระบาดใหญ่” ที่แม้เกิดขึ้นกันทั่วโลกประสบวิกฤตกันไปทั่ว ซึ่งประเทศไทยก็ไม่รอดพ้นไปได้ แม้ว่ายังดีกว่าหลายประเทศ แต่อย่างที่รับรู้กันก็คือมัน “เดือดร้อนกันทั่วหน้า” และยาวนานในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับวิกฤตที่เคยเกิดขึ้นครั้งไหนมาก่อน ชาวบ้านไม่น้อยก็ต้องชี้ไปที่ผู้นำ คือ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลของเขาที่สนองตอบความต้องการได้ไม่ดีพอ

ซึ่งเป็นสถานการณ์และบรรยากาศแปลกใหม่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำลังประสบอยู่ และถือว่าเป็น “แรงกดดัน” ทางการเมืองที่ “หนักหน่วง” มากที่สุดนับตั้งแต่เขาก้าวเข้าสู่อำนาจ

แต่ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งในทางการเมืองก็ถือว่า “ไม่ธรรมดา” เพราะการอยู่ในอำนาจมายาวนานแบบนี้ แต่ยังมีผู้สนับสนุนจำนวนมาก และมี “แฟนคลับ” แบบคงเส้นคงวาเป็นฐานค้ำยันมาอย่างต่อเนื่อง ดังที่พิสูจน์ให้เห็นจากผลสำรวจจาก “นิด้าโพล” ที่ยังได้รับการครองใจจากประชาชนมาอันดับหนึ่ง เหนือคู่แข่ง เช่น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ในแบบ “ยังห่าง”

อย่างไรก็ดี หากบอกว่า นี่คือช่วง “ขาลง” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อีกทั้งยังถูก “ท้าทายอำนาจ” เป็นครั้งแรกภายในพรรคพลังประชารัฐ ทั้งที่จะว่าไปแล้วเป็นพรรคที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนให้เขาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ล่าสุด ก็มีการเคลื่อนไหวจาก “บางกลุ่มก๊วน” ที่รับรู้กันก็คือ กลุ่มที่นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค จนนำไปสู่การปลดพ้นจากรัฐมนตรี พร้อมกับข่าวคราวความขัดแย้งระหว่าง “สาม ป.” ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรค ที่ถือเป็น “พี่ใหญ่” แม้ว่าในความเป็นจริงจะเป็นไปได้ยาก เพราะเท่ากับ “ฆ่าตัวตาย” แต่น่าจะออกมาในแบบ “ลูกน้อง” ขัดแย้งกัน แย่งกันเอาใจนานมากกว่า

แต่นาทีนี้ที่น่าสนใจก็คือ ต้องโฟกัสไปที่ท่าทีใหม่ และความเคลื่อนไหวในทางการเมืองล่าสุดของ “บิ๊กตู่” ที่อาจจะเรียกว่า “พลิกโฉม” ที่ล้อไปกับการประกาศพลิกโฉมประเทศเมื่อไม่กี่วันก่อน นั่นคือ การมีปฏิสัมพันธ์กับบรรดา ส.ส.ในพรรคพลังประชารัฐมากขึ้น และยังรวมไปถึง ส.ส.จากพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ อีกด้วย และภาพที่เห็นต่อเนื่อง ก็คือ การเดินสายตรวจราชการและเยี่ยมเยียนประชาชน ซึ่งแน่นอนว่า ย่อมมี ส.ส.ในพื้นที่ และจังหวัดใกล้เคียงมาต้อนรับ

และแน่นอนว่า หากต้องการเน้นเฉพาะการเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่วันนี้ถือว่า “ได้จังหวะ” ที่อาจกลายเป็น “พลิกวิกฤตเป็นโอกาส” กลับมาอีกครั้งจาก “สถานการณ์น้ำท่วม” ที่กำลังหนักหน่วงอยู่ในหลายจังหวัดขณะนี้ และยังเป็นไปตามโปรแกรมการตรวจเยี่ยมจังหวัดสุโขทัย ที่วางไว้ล่วงหน้าพอดี เหมือนกับที่เกิดขึ้นที่จังหวัดสุโขทัย และภาคเหนือตอนล่าง รวมทั้งในพื้นที่ภาคอีสานที่เขามีกำหนดไปตรวจเยี่ยมในวันถัดไป

ขณะเดียวกัน ที่ต้องจับตาควบคู่กันไปด้วย ก็คือ ภาพการเคลื่อนไหวแตะมือกับ “กลุ่มสามมิตร” ในพรรคพลังประชารัฐ ที่เห็นภาพชัดเจนขึ้น และคราวนี้ก็มีกลุ่มแกนนำมารอต้อนรับกับพรึบ เช่น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ พร้อม ส.ส.ในพื้นที่ แม้ว่าจะมีมาจากหลายจังหวัดภาคเหนือ เช่น กำแพงเพชร นครสวรรค์ ก็ตาม แต่ถือว่าเป็นภาพทางการเมืองที่สังเกตได้

ภาพการลงพื้นที่ดังกล่าวในทางการเมืองถือว่าเป็น “ภาพบวก” อย่างน้อยก็ทำให้เห็นว่า “ทันท่วงที” ในระดับนายกรัฐมนตรี ที่มีอำนาจสั่งการช่วยเหลือได้โดยตรง

ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากผลสำรวจข้างต้นมาประกอบที่ย้ำให้เห็นว่าแม้วในช่วง “ขาลง” จากสถานการณ์วิกฤตโรคระบาดโควิด แต่ผลที่ออกมาเขาก็ยัง “ยืนหนึ่ง” อย่างไรก็ดี เมื่อสถานการณ์มีแนวโน้มคลี่คลาย เขาก็ได้จังหวะปรับท่าทีใหม่ อย่างน้อยก็เพิ่มความสัมพันธ์กับ ส.ส.มากขึ้นเพื่อป้องกัน “ขาลอย” พร้อมทั้งเดินสายเยี่ยมประชาชนทั่วประเทศ มันก็เหมือนรื้อฟื้นความนิยมให้กลับมาอีกครั้ง ถึงได้บอกว่า “อย่าดูเบา” เป็นอันขาด !!


กำลังโหลดความคิดเห็น