ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ใครหว่า? สวมมงกุฎ ที่ปรึกษาคนโต-นักร้องในตำนาน ออกตุ๋นล่าแบล็กเมล์เหยื่อ เตือนระวัง
ตอนนี้ทั่วทั้งพาราโซเชียลฯ ของวงราชการและนักธุรกิจเอกชน ต่างแชร์ข้อมูลของคนๆ หนึ่ง ให้พึงระวังกันไว้จะตกเป็นเหยื่อกันว่อน ด้วยว่าเขาคนนี้มีคดี มีหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการ “แบล็กเมล์” เหยื่อ
ว่ากันว่า เขาคนนี้มีชื่อย่อว่า นาย “ณ” เป็นบุคคลสีเทา ที่พยายามแทรกตัวเองเข้าไปตีสนิท ใกล้ชิดผู้ใหญ่หลายคน เพื่ออาศัยเครือข่ายคอนเนกชันเหล่านี้ “เสนอตัว” เป็น “ที่ปรึกษา” ช่วยงาน ต่อยอดไปเรื่อยๆ
มีหลากหลายแห่ง หลายองค์กร ที่นาย “ณ” โชว์นามบัตรอวดชาวบ้าน เช่น เคยเป็นที่ปรึกษาผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ปรึกษาดีเอสไอ และที่ปรึกษาบริษัทเอกชนชื่อดังรวมอยู่ด้วย
ล่าสุด เห็นไปปรากฏตัวเป็นที่ปรึกษาของอธิบดีกรมใหญ่ ของกระทรวง “ลุงป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เดินเคียงคู่ท่านอธิบดี ที่ให้การต้อนรับอย่างหน้าชื่นตาบาน
งานนี้ตรวจสอบกันมาว่า นาย “ณ” จริงๆ แล้วประกอบอาชีพอะไรเป็นหลักแหล่งแทบจะไม่มีคนจำได้ แต่มักอ้างว่ามีความรู้ทางกฎหมายดี ถือเป็นคน “หิวแสง” แสวงหาความดังผู้หนึ่ง ชอบ “หาแสง” ด้วยการเป็นผู้ร้องเรียน หรือ “นักร้อง” เรื่องราวต่างๆ
ระหว่าง นาย “ณ” กับ “พี่ศรี” ใครเหนือใคร ใครเป็นนักร้องในตำนาน อาจจะต้องตัดสินใจกันด้วยรูปถ่าย
ผลงานการเป็น “นักร้อง” ที่สร้างชื่อของ นาย “ณ” คือ ร้องยื่นยุบพรรคการเมืองดาวรุ่งพุ่งแรงพรรคหนึ่งจน “อนาคตไหม้” ไปตอนนั้น
แล้วเดี๋ยวนี้พรรคนี้ก้าวไปไหน ไกลถึงไหน ก็ดูเหมือน นาย “ณ” จะตามล้างตามร้องเป็นเงา ตามยื่นยุบพรรค อีกครั้งหากสบโอกาส
ความชื่นชอบเรื่องการเมืองนี้ ว่ากันว่า ในอดีตแรกๆ ก่อนเข้าวงการที่ปรึกษาบรรดาท่านทั้งหลาย นาย “ณ” เคยเคลื่อนไหวเสนอตัวเป็น “ที่ปรึกษา” ทางกฎหมายให้กับกลุ่มผู้เคลื่อนไหวทางการเมือง แต่ทำไปทำมากลับถูกกระชากหน้ากากว่าเป็น “ของเก๊” มีพฤติกรรมยักยอกเงินๆ ทองๆ ของกลุ่มไปเข้ากระเป๋าตัวเอง
เรื่องนี้ต้องไปถาม “วีระ สมความคิด” จะรู้ดีที่สุด จนตอนนั้นเครือข่ายทนไม่ไหว มีมติให้ปลดนาย “ณ” ออกไป
กล่าวถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ เขาคนนี้ก็ดูไม่ได้มีแค่คดีเดียว เขาตกเป็น 1 ใน 14 ผู้ถูกกล่าวหา คดีฟอกเงินขายที่ดินของ “ศุภชัย ศรีศุภอักษร” วงเงิน 477 ล้าน เรียกว่า ธรรมดาซะที่ไหน
แต่นั่นแค่จิ๊บๆ มีข่าวในวงธุรกิจบอกว่า พฤติกรรมใช้ตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาฯนู่นนี่นั่น ไปหาประโยชน์หว่านล้อมโน้มน้าวให้นักธุรกิจหลงเชื่อว่าตัวเองสามารถ “ล็อบบี้ผู้ใหญ่” ได้ เพื่อแลกกับโครงการโน่นนี่ มีหลายต่อหลายคดี หลายคนเจอ โดยบางรายต้องจ่ายเงินและเสียทรัพย์หลักหลายล้านไปจนถึงหลายร้อยล้าน แต่กลับไม่ได้อะไรกลับมา มีแต่โครงการทิพย์ ที่นาย “ณ” หลอกไวั
คดีไหนเหยื่อไหวตัวจับได้ สะกิดกันทันก็เซฟไป บางรายผู้เสียหายเป็นคนมีชื่อเสียง เป็นข้าราชการใหญ่ ยิ่งไม่กล้าจะให้ข่าวฉาวโฉ่ออกมาหรือแจ้งดำเนินคดี ก็ได้แต่ทำใจ ปล่อยให้เรื่องเงียบๆ ดีกว่า
แต่...อย่างที่บอก ตอนนี้พึงระวัง นาย “ณ” เขากลับมาแล้ว ได้ข่าวว่ามาครั้งนี้สอดแทรกเข้าไปอยู่กลางวง “นักวิชาการ” อาจารย์ชื่อดัง พร้อมกับ “อดีตบิ๊กทหาร” ที่เอ่ยชื่อขึ้นมาต้องรู้จักกันดี
เห็นว่า นาย “ณ” ได้แบ็กดี คุยโอ่ เคลือนไหว มี “งานใหญ่” กะ “สอยดาว” หวังสร้างความปั่นป่วนเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง “ล้มดีลเดิม” เปิดทาง “สร้างวงโคจร” ให้รายใหม่ โดยดีดลูกคิดรางแก้วแล้วว่า งานนี้ “สู้แล้วรวย” คงจะเรียกทรัพย์ก้อนโตจากสปอนเซอร์นายทุนได้หนักๆ แน่
มาถึงตรงนี้ คนที่รู้จัก นาย “ณ” ฝากมาว่าเตือนสติกัน สุภาษิตที่ว่า “รู้หน้าไม่รู้ใจ” ยังไงก็ใช้ได้เสมอ
เป็นห่วงก็แต่ “ผู้ใหญ่” บิ๊กทหาร นักวิชาการ อาจารย์ นักธุรกิจ ที่ไม่ทราบภูมิหลังของ นาย “ณ” เขาคนนี้ ไปหลงไว้เนื้อเชื่อใจ อาจทำให้เสียชื่อเสียง และเสียหายได้ แต่ ขอให้รู้ไว้ว่า หลายๆ คนที่รู้ความจริง รู้กำพืด ก็จะตีตัวออกห่างกันหมดแล้ว เพราะรู้ว่า ขืนให้เข้าใกล้ ใครคบหาเดี๋ยวถูกเหมารวมเป็นขบวนการแก๊งต้มตุ๋นไม่รู้เนื้อไม่รู้ตัว
แว่วว่า มีชาวโซเชียลฯ เก็บหลักฐานเด็ดเกี่ยวกับพฤติกรรมแบล็กเมล์เหยื่อเอาไว้มากพอสมควร พร้อมที่จะเปิดเผย อดใจรอไว้อีกนิดได้ตะลึงงันกันแน่
งานนี้ จึงเตือนกันไว้ให้ระวัง อย่าพลาดพลั้งเสียทีให้คนมีคดีแบบนี้นะจ๊ะ เจอที่ไหน...สาปส่งไปเลย
** อัยการกวาดบ้าน! ตั้ง กก.สอบวินัยร้ายแรง “เนตร” ที่สั่งไม่ฟ้อง “บอส กระทิงแดง”
หลังองค์กรอัยการถูกกระแสสังคมถล่มยับเยิน จนเป็นแรงกดดันให้ คณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ตั้งคณะกรรมการสอบวินัย “เนตร นาคสุข” อดีตรองอัยการสูงสุด ที่สั่งไม่ฟ้อง “บอส” วรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง ผู้ต้องหาคดีขับรถยนต์หรู ชน “ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ” ตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต
คณะกรรมการสอบวินัยชุดกอบกู้ภาพลักษณ์ครั้งนี้มี “กายสิทธิ์ พิศวงปราการ” ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นประธาน มีกำหนดสรุปผลสอบเสนอที่ประชุม ก.อ. เพื่อพิจารณาตัดสินในวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่บังเอิญช่วงต้นเดือน ก.ย. มีข่าวหลุดออกมาว่า ผลสอบของกรรมการชุดนี้ สรุปว่า “เนตร นาคสุข” มีความผิดวินัยไม่ร้ายแรง เพราะไม่พบการทุจริต แค่บกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่...หากออกมาในรูปนี้ โทษก็เพียงแค่งดบำเหน็จหรือไม่เลื่อนขั้น 2 ปี และไม่เสนอโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นอัยการอาวุโส
กระแสวิพากษ์วิจารณ์ดังขรมว่า ในที่สุดอัยการก็ปกป้องพวกพ้องกันเอง … เพราะการกลับคำสั่งไม่ฟ้องคดี “บอส” นั้น ถ้ามองในแง่การไม่ยอมตรวจพยานหลักฐานให้รอบคอบ ทำให้มีการกลับคำสั่งไม่ฟ้อง จะถือเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างแรงได้หรือไม่...
ยิ่งการงดบำเหน็จ หรือการไม่เลื่อนขั้น ก็ไม่มีผลในทางปฏิบัติ เพราะ “เนตร” เทียบเท่าอัยการอาวุโส ไม่มีขั้นให้เลื่อนอยู่แล้ว และการไม่เสนอโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นอัยการอาวุโส ซึ่งหมายถึงต้องพ้นจากราชการก่อนอายุ 70 ปี ก็เป็นความต้องการของ “เนตร” ที่เคยยื่นหนังสือแสดงความจำนงก่อนหน้านี้อยู่แล้ว
จะด้วยกระแสวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวหรือไม่ ที่เป็นแรงกดดันให้ ก.อ.ต้องเลื่อนประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ จากวันที่ 10 ก.ย. มาเป็นวันที่ 21 ก.ย. ด้วยเหตุผลว่า ก.อ.บางคนยังไม่ได้รับเอกสารสรุปผลสอบ ทำให้ ก.อ.บางคนได้รับเอกสารช้า และเอกสารมีจำนวนมากนับร้อยหน้า ทำให้ไม่สามารถอ่านเอกสารได้ทัน
แต่ในที่สุดที่ประชุม ก.อ.ซึ่งมี “พชร ยุติธรรมดำรง” ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) เป็นประธานการประชุม ก็มีมติเป็นเอกฉันท์ (9 เสียง) ว่า “เนตร” ขาดความรอบคอบ ประมาทเลินเล่อ อย่างค่อนข้างร้ายแรง ซึ่งจะต้องตั้งคณะกรรมการ “สอบวินัยร้ายแรง” ต่อไป ...โดยวินัยร้ายแรงมีโทษทางข้าราชการ โทษสูงสุดคือ การไล่ออก แต่ถ้าผู้เสียหายไม่พอใจ ไม่เห็นด้วย ก็สามารถฟ้องต่อศาลปกครองได้
มีรายงานว่า ในที่ประชุม ก.อ. มีผู้อภิปราย 3-4 ราย ที่สนับสนุนว่า การกระทำของ “เนตร” น่าจะผิดวินัยร้ายแรง ใช้ดุลพินิจประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงในการสั่งคดี โดยนำพยานหลักฐานเก่าที่ยุติไปแล้ว มาสั่งคดีใหม่ จนทำให้เกิดความเสียหายต่อองค์กรอัยการ ซึ่งผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่ ก็ไม่ได้มีใครแสดงความเห็นคัดค้าน จึงเป็นที่มาของมติดังกล่าว
ทั้งนี้ คณะกรรมการ ก.อ. มี 15 ราย มีผู้ไม่เข้าร่วมประชุม 2 ราย โดยรายหนึ่งป่วย อีกรายติดประชุม ครม. ทำให้เหลือกรรมการ ก.อ. เข้าร่วมประชุม 13 ราย ต่อมา “กายสิทธิ์ พิศวงปราการ” ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบวินัย ได้แจ้งขอออกนอกห้องประชุม ในฐานะผู้มีส่วนได้เสีย ทำให้เหลือกรรมการ ก.อ.ในที่ประชุม 12 เสียง
เมื่อถึงขั้นตอนการลงมติ ปรากฏว่า มีกรรมการ ก.อ. 3 ราย งดออกเสียง คือ “พชร ยุติธรรมดํารง” ประธาน ก.อ., “วงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์” อัยการสูงสุด และ “ร.ท.ไชยา เปรมประเสริฐ” รองอัยการสูงสุด ที่เหลืออีก 9 ราย ลงมติให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง “เนตร นาคสุข” ในคดีนี้
จากนั้นที่ประชุมได้ตั้ง “ธนพิชญ์ มูลพฤกษ์” อดีตอธิบดีสำนักงานอัยการคดีพิเศษ เป็นประธานคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ซึ่งตามกรอบแล้ว จะมีเวลาในการสอบสวนข้อเท็จจริงเบื้องต้น 60 วัน และ สามารถขอขยายระยะเวลาได้อีก 2-3 ครั้ง
ส่วนผลการสอบสวนวินัยร้ายแรงจะออกมาเป็นอย่างไร ต้องติดตามกันต่อไป