xs
xsm
sm
md
lg

สุดแสบ! ยก “ปรีดี” ฆ่า “คำผกา” เหน็บ “เจี๊ยบ” ขยันแต่โง่ “ปลื้ม” ต้านฉีดไฟเซอร์-โมเดอร์นาวัยรุ่น ชี้อันตราย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ สุดแสบ! ยก “ปรีดี” ฆ่า “คำ ผกา” ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก The METTAD
The METTAD แสบ ยกเสรีภาพ “ปรีดี” ฆ่าเสรีภาพ “คำ ผกา” เจ้าตัวเหน็บ “เจี๊ยบ ก้าวไกล” ขยัน “แต่โง่” สามนิ้วไม่ปลื้ม “ปลื้ม เทวกุล” ต่อต้าน ฉีดไฟเซอร์-โมเดอร์นา ในวัยรุ่น ชี้อันตราย “เรืองไกร” ร้อง กกต. ยุบ “เพื่อไทย”

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (19 ก.ย. 64) เพจเฟซบุ๊ก The METTAD โพสต์ข้อความพร้อมภาพ ระบุว่า

“องค์กรสลิ่มประชาชาติ รับปรีดีเข้าด้อมมั้ยครับ” ทั้งนี้ ภาพประกอบ เป็นการนำเอาคำว่า “เสรีภาพ” ของ คำ ผกา เปรียบเทียบกับของ ท่าน ปรีดี

ภาพ “คำ ผกา” เหน็บ “เจี๊ยบ” ขยันแต่โง่ ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น “แขก คำผกา” เหน็บ “เจี๊ยบ ก้าวไกล” ขยันแต่ “โง่” หลังเอาเงินเดือนไปประกันตัว จนหมด

เนื้อหาระบุว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 ก.ย. 64 นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล หรือ เจี๊ยบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้เดินทางไปเข้าร่วมทำกิจกรรม “ยืน หยุด ขัง 1.12 ชั่วโมง” บริเวณหน้าศาลฎีกา ถนนราชดำเนินกลาง เขตพระนคร

และได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหลังจบกิจกรรม ว่า “ตนเองนั้น ใช้เงินเดือนประกันตัวไปเกือบหมดแล้ว โดยล่าสุดนั้นได้ทำการประกันเครื่องเสียงให้กับกลุ่มเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี จึงอยากจะขอร้องเพื่อน ส.ส. ในพรรคอื่นๆ ออกมาร่วมยืนเคียงข้างประชาชนบ้าง พร้อมทั้งเปิดเผยว่า ส.ส.ในพรรคก้าวไกล หลายๆ คนใกล้เต็มวงเงินแล้ว”

เรื่องนี้ข่าวหลายสำนักได้นำไปเผยแพร่ จนต่อมา ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ Lakkana Punwichai ซึ่งเป็นเฟซบุ๊กของ “ลักขณา ปันวิชัย” หรือ “คำผกา” โพสต์เหน็บว่า

“ถ้าคนเราจะเอาเงินเดือนไปประกันตัวคนไปม็อบจนหมดตัว แปลว่า คนๆ นั้น มีปัญหาเรื่องการบริหารจัดการทรัพยากร ถ้าเป็นแขก แขกจะไม่เลือกคนแบบนี้ไปทำงานแทนแขกนะ เพราะมันสะท้อนว่า คนคนนี้ขยันแต่โง่”

ภาพ “เจี๊ยบ ก้าวไกล” กับ เพนกวิน - นายพริษฐ์ ชีวารักษ์ ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
ทั้งนี้ ไม่ทราบว่า แขก คำผกา จะหมายถึงใคร แต่ที่แน่ๆ หลายๆ คนต่างมองว่า กำลังเหน็บแนม ส.ส.ก้าวไกล บางคน เพราะ พักหลังมานี้ ทางฝั่งกองเชียร์เพื่อไทย ไม่ค่อยจะถูกใจ ฝั่งสีส้มเท่าไหร่นั่นเอง

ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน THE TRUTH โพสต์ประเด็น “ปลื้ม เทวกุล” ต่อต้าน ฉีดวัคซีนไฟเซอร์-โมเดอร์นา ในวัยรุ่น ชี้ชัดอันตรายถึงชีวิต

โดยระบุว่า อย่างที่ทราบกันดีว่า กลุ่มขบวนการสามนิ้ว พยายามยกข้อดีต่างๆ มากมายของ วัคซีน mRNA เพื่อเอามาบีบรัฐบาล ที่ซื้อวัคซีน ซิโนแวค (Sinovac) และ แอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) มาใช้ในประเทศไทย

ล่าสุด หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือ หม่อมปลื้ม ได้โพสต์ทวิตเตอร์ เกี่ยวกับการฉีดวัคซีน mRNA ว่า

“วัคซีนเสี่ยงมากกว่าติดสำหรับเด็กผู้ชายที่ร่างกายแข็งแรงปกติ”

ภาพ “ปลื้ม เทวกุล” ต่อต้าน ฉีดไฟเซอร์-โมเดอร์นา ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
“ถ้าฉีดไฟเซอร์เข็ม 2 กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ 1 ใน 26,000 ถ้าอายุ 18-26 ปี (37.4 ต่อล้าน) ถ้าเข็มสอง Moderna ยิ่งกว่าไฟเซอร์อีก ทำ Myocarditis วัย 18-24 ผู้ชาย 1 ใน 3,800/263.2 ต่อล้าน ผลข้างเคียงจาก mRNA คือ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบในผู้ชาย 16-25 ปี”

“สรุปคือ ถ้าอายุต่ำกว่า 25 ปี ลงมา และเป็นเพศชายอย่าฉีดวัคซีน mRNA ทั้งไฟเซอร์และโมเดอร์นา 2 เข็ม ที่รายงานคือผลจากงานวิจัยที่แคนาดา มีความน่าเชื่อถือสูงและมาจากตัวเลขในโลกจริง คือมาจากผู้ฉีดจริง”

สุดท้าย หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล ยังโพสต์ฝากถึง สธ. ด้วยว่า อย่านำ mRNA ไปฉีดให้กลุ่มวัยรุ่น เพราะมีอันตรายสูงมากกว่า

“ถ้าฉีดแค่เข็มเดียวความเสี่ยงจะลดลงทันทีและลดลงมาในระดับที่พอรับความเสี่ยงได้คือ 7 ใน 1 ล้าน ส่วนกลุ่มเสี่ยงโรค 7 อย่างยังไงควรฉีด สธ.และ ศธ.ต้องถอยนะครับ ไม่งั้นงานนี้คุณดันให้เด็กฉีด ทั้งๆ ที่โควิดไม่อันตรายเลยต่อเขา”

ทำให้กลุ่มวัยรุ่นในขบวนการสามนิ้ว ได้ออกมาต่อต้าน แนวคิดของ หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล กันเป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่น่าสนใจ กรณี “เรืองไกร” หอบหลักฐาน “ศรัณย์วุฒิ” แฉ “เพื่อไทย” มีนายทุน ร้อง กกต.เพื่อยุบพรรค

โดยระบุว่า หลังจากพรรคเพื่อไทย ลงมติขับ ส.ส. 2 ราย คือ นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ เนื่องจากมีพฤติการณ์พูดกล่าวร้ายให้พรรค ทำให้พรรคเกิดความเสื่อมเสีย ทั้งในห้องประชุมรัฐสภา และในการแถลงข่าว

และ น.ส.พรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี โหวตสวนมติพรรคทุกครั้ง และไม่ร่วมกิจกรรมกับพรรคนั้น

ล่าสุด นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2560 เปิดเผยว่า ตามที่ นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนที่รัฐสภาเมื่อวันที่ 3 ก.ย. และให้สัมภาษณ์รายการคนเคาะข่าว เมื่อวันที่ 6 ก.ย. คลิปทั้งสองดังกล่าว มีข้อเท็จจริงทั้งภาพและเสียงบางช่วงบางตอน ดังนี้

1. คลิปรายการ Voice TV หัวข้อ ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ แถลงกรณีไม่อภิปราย ท่ามกลางกระแสข่าวย้ายพรรค เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2564 ซึ่งเป็นคลิป นายศรัณย์วุฒิ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ที่รัฐสภา มีความยาวประมาณ 37 นาทีเศษ โดยในคลิปบางช่วงบางตอน มีการกล่าวอ้าง ดังนี้ ช่วงประมาณนาทีที่ 3.28 นายศรัณย์วุฒิ กล่าวว่า

“…แล้ววันนี้ พรรคเพื่อไทยก็ถูกนายทุนครอบ ซึ่งเป็นอะไรที่น่าเจ็บปวดมาก มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ก็มีผู้บริหารบางคน นะฮะ ที่มารับใช้นายทุน…”

ช่วงประมาณปลายนาทีที่ 6.18 นายศรัณย์วุฒิ กล่าวว่า “…และสิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือว่า ฝากไปถึงผู้บริหารด้วย ถ้าเอ็งทำหน้าที่อย่างที่มันเกินเลยด้วยความลุแก่อำนาจของเอ็งเนี๊ยะ ฟังไว้นะ คนชื่อศรัณย์วุฒิไม่ยอมก้มหัวให้เอ็งแน่นอนโว้ย เอ็งจำไว้ สำเหนียกด้วย แต่ถ้าเกิดผู้บริหาร หรือเจ้าของพรรคเขาเห็นด้วย ก็เป็นอะไรที่ผมเสียใจมาก…”

ช่วงประมาณนาทีที่ 14.55 นายศรัณย์วุฒิ กล่าวช่วงตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่า “ผมใช้คำว่านายทุน ผมไม่อยากใช้คำว่าคนใหม่ ไม่ได้พูดคำว่าคนใหม่นะ มีนายทุน ก็ใช้คำว่านายทุนก็แล้วกัน ถ้า ถ้าพูดอะไรไม่เข้าใจ ก็ขอย้ำว่า มีนายทุนเข้ามาครอบงำพรรค ผมบอกแล้วว่า อย่าไปว่าเป็นใหม่หรือเป็นเก่า ผมใช้คำว่า พรรคถูกนายทุนครอบ ใช้คำนี้ นะครับ ครับ…”

ช่วงประมาณนาทีที่ 25.08 “ขณะที่ เรื่องของการที่คุณศรัณวุฒิย์อ้างนะครับว่า มีนายทงนายทุนอะไรต่างๆ เข้ามาบริหารจัดการภายในพรรคนะฮะ ก็เมื่อผู้สื่อข่าวถามในประเด็นนี้ คุณศรัณย์วุฒิ ก็ไม่ได้ตอบคำถามให้มันเกิดความชัดเจน แล้วก็เรื่องของอนาคตย้ายไปสังกัดพรรคไหน อย่างไร นะครับ คุณศรัณย์วุฒิ ก็ไม่ได้ตอบคำถามเรื่องนี้อีกเช่นกัน…”

2. คลิปรายการ คนเคาะข่าว หัวข้อ “ศรัณย์วุฒิ” ประกาศกร้าว ไม่ก้มหัวให้พวกฉ้อฉล เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2564 เป็นบทสัมภาษณ์ นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ซึ่งมีความยาวประมาณ 33 นาทีเศษ โดยในคลิปดังกล่าว บางช่วงบางตอน มีการกล่าวอ้างดังนี้ ช่วงประมาณนาทีที่ 13.50 นายศรัณย์วุฒิ กล่าวว่า “…ยิ่งกว่านั้นอีก นะครับ แล้วก็มีนายทุนใหม่ มาครอบพรรค นายทุนคนนี้ชื่อย่อเลยฮะ ไม่เป็นไรหรอก พ.พาน แน่จริงมึงออกมาเผชิญกับกูเลย ไอ้นายทุน พ.พาน คนนี้…”

ช่วงประมาณนาทีที่ 22.48 นายศรัณย์วุฒิ กล่าวว่า “แล้วก็ต้องเรียนให้ความยุติธรรมกับท่านนายกฯทักษิณ ผมทราบว่า ท่านนายกฯทักษิณ พยายามช่วยผมให้ได้อภิปราย แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่า นายทุนเหล่านี้ นะฮะ ที่มาครอบงำพรรค จะมีอำนาจเหนือกว่าท่านนายกฯทักษิณได้ยังไง…”

ช่วงประมาณนาทีที่ 31.40 นายศรัณย์วุฒิ กล่าวว่า “ผมไม่รู้ว่า ทำไม ท่านนายกฯทักษิณ ถ้ารู้เรื่องนี้ ผมว่า ท่านคงไม่ให้ทำ…”

ภาพ โพสต์ ของหม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือ หม่อมปลื้ม ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
นอกจากนี้ นายเรืองไกร กล่าวว่า เนื่องจากนายศรัณย์วุฒิ เป็น ส.ส. ของพรรคเพื่อไทย ข้อเท็จจริงตามคำกล่าวอ้างที่ปรากฏในคลิปทั้งสองดังกล่าว ที่อ้างถึงนายทุนครอบงำพรรค เจ้าของพรรค นายทุน พ.พาน และอดีตนายกฯทักษิณ นั้น เป็นคลิปที่มีความชัดเจนทั้งภาพและเสียง และอาจเป็นการนำข้อมูลภายในพรรคออกมาเปิดเผยให้สาธารณชนทราบ กรณีตามข้อเท็จจริงจึงมีเหตุที่ควรขอให้ กกต. ตรวจสอบ พรรคเพื่อไทย หรือกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย หรือบุคคลที่ถูกกล่าวอ้างถึงว่า มีการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม

อันเข้าข่ายฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 28 หรือไม่ และจะต้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าจะต้องมีคำสั่งยุบพรรคเพื่อไทย ตามมาตรา 92 หรือไม่ รวมทั้งขอให้ กกต. พิจารณาว่า จะต้องดำเนินคดีอาญาตามความในมาตรา 29 ประกอบมาตรา 108 หรือไม่

แน่นอน, ทุกเรื่องที่หยิบยกมา ล้วนน่าสนใจเกี่ยวกับการต่อสู้และเคลื่อนไหวทางการเมืองขณะนี้

นับแต่ เรื่อง “เสรีภาพ” ซึ่งมีการตีความกันต่างๆ นานา เพื่อเข้าข้างความรู้สึกนึกคิดตัวเอง และบางครั้ง บางคน ก็เกินเลยไม่มีขอบเขต ซึ่งเรื่องนี้ ถ้าฟังจากท่านปรีดี รัฐบุรุษคนสำคัญของไทย ก็ชัดเจนอยู่แล้ว โดยแทบไม่ต้องอธิบายขยายความอะไรเพิ่มเติม ยกเว้นคนที่ต้องการแหกคอกเองเท่านั้น

ความจริง ยังมีเรื่องเสรีประชาธิปไตย อีกด้วย ที่เข้าใจไม่ตรงกัน และพยายามตีความเพื่อให้สมเหตุสมผลกับการต่อสู้ทางการเมืองที่แต่ละคนฝักใฝ่ ทั้งที่ความจริง ก็ไม่มีอะไรที่ต้องทำความเข้าใจมากมาย แต่เนื่องจากมีคนบางประเภทที่นำ “ประชาธิปไตย” ไปหากิน จึงทำให้คำว่า ประชาธิปไตย ขยายอาณาเขตไปตามข้ออ้าง รวมทั้งต้องการเสพค่านิยมตะวันตก ทั้งที่คนไทยส่วนใหญ่ ยังมีค่านิยมไทยอยู่เต็มเปี่ยม

อย่างกรณีความเคลื่อนไหวของ อดีตพรรคการเมืองบางพรรค กลุ่มคณะการเมือง ที่ต้องการชี้นำทางความคิดกับคนรุ่นใหม่ ให้เชื่อว่า ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ต้องเป็นแบบนั้นอย่างเดียว ทั้งที่ประเทศทั่วโลกได้ประยุกต์ใช้ระบบอบประชาธิปไตยตามความเหมาะสม กับรากเหง้าวัฒนธรรมของตน ให้ลงตัวที่สุด เพื่อให้บ้านเมืองสงบสุข ประชาชนมีความสุข ซึ่งนี่คือ ความเห็นต่าง และความขัดแย้ง ระหว่างคนสองส่วนในประเทศไทย อย่างชัดเจน

มาถึงประเด็น “วัคซีน” เรื่องนี้ก็กลายเป็นการต่อสู้ทางการเมืองอย่างสูงไม่แพ้กัน เนื่องจากฝ่ายที่ต่อต้านอำนาจรัฐ และรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มี “ธง” ที่จะโจมตีอยู่แล้ว จึงได้ทีกล่าวหา วัคซีนไทย ว่าผูกขาดอยู่กับเจ้าเดียว แทงม้าตัวเดียว อย่างที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ออกมาโจมตี จนถูกข้อหา ม.112 นั่นเอง

รวมทั้งต่อมา ก็ส่งต่อแนวคิด ด้อยค่าวัคซีนซิโนแวค และแอสตาเซเนกา ซึ่งเป็นวัคซีนจีน หาว่า เอาวัคซีนคุณภาพต่ำมาฉีดให้คนไทย และเรียกร้องให้จัดซื้อวัคซีน “ไฟเซอร์” และ “โมเดอร์นา” ซึ่งอดีตนายกฯผู้ลี้ภัยสองพี่น้อง “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ชี้นำดีเลิศประเสริฐศรี ทำเอาฐานเสียงคนเสื้อแดงจำนวนมาก และประชาชนที่ไม่มั่นใจวัคซีนรัฐบาล ไม่ยอมฉีดวัคซีน เพราะรอวัคซีนที่หวังว่า “ทักษิณ” จะช่วยประสานมาให้ หรือรอว่าจะมีการจัดซื้อวัคซีนคุณภาพดี อย่าง ไฟเซอร์-โมเดอร์นา เข้ามาในภายหลัง

จนนำมาซึ่ง หลายคนหลายครอบครัวขาดภูมิคุ้มกัน และเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างหนัก ผู้คนป่วยด้วยโรคนี้พร้อมกัน จึงขาดเตียง เครื่องมือแพทย์ และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทำให้คนไทยเสียชีวิตอยู่ในบ้านจำนวนมาก

แล้ววันนี้ “หม่อมปลื้ม” ก็ออกมาต่อต้าน การฉีด “ไฟเซอร์” และ “โมเดอร์นา” ในกลุ่มวัยรุ่น เพราะมีความอันตรายสูงโดยยกงานวิจัยของแคนาดาว่า เป็นผลจากที่เกิดขึ้นจริง จนถูก “สามนิ้ว” ต่อต้าน เพราะเท่ากับ ย้อนแย้งกับสิ่งที่พวกเขาเชื่อว่า มีคุณภาพสูงมาตลอด

สรุปจะเชื่อใคร? เชื่อผู้เชี่ยวชาญในสาธารณสุขไทย ก็ถูกนักการเมืองโจมตี จนแทบไม่เหลือคุณค่าทางวิชาการไปแล้ว แม้ว่าจะศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้อนกว่าใคร?

ประเด็นสุดท้าย สำหรับประเด็นร้อง กกต.ยุบพรรคเพื่อไทย เรื่องนี้ คงต้องว่ากันอีกยาว เพราะต้องให้ กกต.เป็นคนพิจารณาว่า พยานหลักฐานชัดเจนหรือยัง ซึ่งต้องไต่สวนหาความจริง และร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไป

เพราะไม่เช่นนั้น ก็อาจถูกกล่าวหาว่า กลั่นแกล้งรังแก ยิ่งพรรคเพื่อไทย กำลังลุ้นที่จะขี่บัตร 2 ใบเข้าสภาอย่างถล่มทลายอยู่ด้วย ยิ่งง่ายที่จะถูกมองว่า ชิงยุบพรรคได้ แต่ถ้าผิดกฎหมายจริง เรื่องข้อกล่าวหาถือเป็นเรื่องเล็ก เพราะกฎหมายก็ต้องเป็นกฎหมาย ผิดก็ต้องว่าไปตามผิด ผิดถึงขั้นยุบพรรค ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้

ทั้งหมดคือโรคแทรกประเทศไทย ที่ไม่ใช่แค่รับมือกับโควิด-19 เหมือนประเทศอื่นทั่วโลก ถ้ารอดไปได้ ก็ถือว่าบุญแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น