xs
xsm
sm
md
lg

“สุดารัตน์” เร่งประชามตินำไปสู่ รธน.ฉบับประชาชน พาไทยพ้นวงจรรัฐประหาร-เผด็จการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


(ซ้าย) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เมื่อครั้งร่วมชุมนุมต่อต้านรัฐบาล พล.อ.สุจินดา คราประยูร
“สุดารัตน์” โพสต์รำลึก “19 กันยา” ถอดบทเรียน 3 รัฐประหาร จาก “พฤษภาทมิฬ” ถึง “ม็อบราษฎร” พาไทยติดหล่ม-ล้าหลังกว่า 40 ปี ระบุแก้ รธน.เปลี่ยนระบบเลือกตั้งไม่ใช่ทางออก ต้องเร่งประชามตินำไปสู่ รธน.ฉบับประชาชน

วันนี้ (19 ก.ย. 64) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า ในชีวิตการเมืองของดิฉันกว่า 29 ปี ได้ผ่านรัฐประหารมา 3 ครั้ง ตั้งแต่ปี 34 โดยดิฉันได้ร่วมในขบวนการต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ พล.อ.สุจินดา (คราประยูร) ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ตั้งแต่วันแรก

จนมาถึงการรัฐประหารปี 49 ซึ่งขณะนั้นดิฉันเป็นรัฐมนตรีเกษตรฯ กำลังทำหน้าที่นำสินค้าเกษตร และอาหารไทย ไปขายที่ยุโรป ในวันปฏิวัติดิฉันกำลังประชุมกับรัฐมนตรีพาณิชย์ของฝรั่งเศสอยู่ หลังจากทราบข่าวการทำรัฐประหาร ดิฉันได้รับมอบหมายให้ประสานงานฝ่ายความมั่นคงของฝั่งเราที่กรุงเทพฯ เพื่อต้านการรัฐประหาร โดยที่ดิฉันไม่รู้เลยว่าคนที่ดิฉันประสานงาน เขาได้ย้ายไปอยู่ฝั่งผู้ทำรัฐประหารไปแล้ว

ผลคือหลังจากนั้นชั่วโมงเดียว ทหารกว่า 20 นาย พร้อมปืน M 16 เข้าไปยึดบ้าน จับคนในบ้านของดิฉัน ดิฉันต้องติดอยู่ต่างประเทศกว่า 3 สัปดาห์ ถึงกลับประเทศไทยได้

และครั้งสุดท้ายคือ ปี 57 ซึ่งขณะนั้นดิฉันพักการทำงานการเมือง เพื่อไปทำงานบูรณะปฏิสังขรณ์สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า ก็ไม่พ้นถูกทหารนำรถหุ้มเกราะมาล้อมบ้านอีก



ดิฉันอยากจะสรุปบทเรียนของ 3 รัฐประหาร จากพฤษภาทมิฬ ถึงม็อบราษฎร ว่า ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ปี 35 - ปี 64 เป็นเวลา 29 ปี กงล้อประชาธิปไตยไทย ตกหล่มอยู่กับที่ประชาธิปไตยไทยในปัจจุบันถอยหลังไปกว่า 40 ปี สิทธิพลเมืองถูกด้อยค่า ประเทศตกต่ำ ล้าหลัง แต่เผด็จการพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น โดยผ่านรัฐธรรมนูญปี 60

เผด็จการสร้างกลไกในการสืบทอดอำนาจของตัวเองอย่างมั่นคง และวางแผนที่จะปกครองประเทศนี้อีกยาวนาน ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่เขียนควบคุมการบริหารประเทศไว้ทุกด้าน วางกับดักไว้เอาผิดรัฐบาล ที่ไม่ได้มาจากฝั่งเผด็จการ จนไม่สามารถทำงานได้รวมทั้งยังต้องฝ่าด่าน ส.ว. 250 คนและองค์กรอิสระต่างๆ ที่ฝ่ายเผด็จการควบคุมได้ทั้งหมด

การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เพิ่งผ่านสภา ไปเมื่อไม่กี่วันนี้ ก็แก้เพียงระบบเลือกตั้ง ซึ่งไม่สามารถทำให้ฝั่งประชาธิปไตยชนะได้อย่างแท้จริง เพราะถึงแม้ว่าพรรคฝั่งประชาธิปไตยจะชนะเลือกตั้ง แต่ก็ต้องฝ่าด่านแรกว่าจะชนะ ส.ว. 250 คนได้ไหม

และถ้าชนะ ส.ว. 250 คนได้ จนสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่จะไม่สามารถบริหารงานภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ รัฐบาลฝั่งประชาธิปไตยอาจจะถูกคว่ำได้อย่างง่ายดายภายในเวลา 3 ถึง 6 เดือน
และ “นายกฯ” จากฝั่งประชาธิปไตย ก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกลไกที่ฝ่ายเผด็จการวางเอาไว้อย่างที่ผ่านมา

“โดยการล้มรัฐบาลฝั่งประชาธิปไตยในปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องลากรถถังออกมาทำรัฐประหารอีกต่อไป เพราะเผด็จการได้ฝังกลไกการล้มรัฐบาลที่ไม่ใช่พวกตนเอง ไว้ในรัฐธรรมนูญปี 60 ไว้อย่างเบ็ดเสร็จ”

ดังนั้น ทางออกจาก #ระบอบเผด็จการครองประเทศ อย่างถาวร คือ การต้องผลักดันให้สร้าง #รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ให้สำเร็จด้วยการเรียกร้องให้ #เร่งทำประชามติ โดยเร็วที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น