เพจ ค.ก้าวหน้า ปลุกระดมใหญ่ หลัง ตร.สลายแก๊งทะลุแก๊ส “หยุดใช้อำนาจบ้าคลั่ง อย่าให้ไฟแค้นลามทั้งแผ่นดิน” เผย “หมู่เบส” เหยื่อ “ไปป์บอมบ์” ยังโคมา สามนิ้วเบรก บก.ลายจุด หยุดม็อบได้แล้ว
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (12 ก.ย. 64) เพจเฟซบุ๊ก คณะก้าวหน้า - Progressive Movement โพสต์ประเด็น [หยุดใช้อำนาจอย่างบ้าคลั่ง อย่าให้ไฟแค้นของประชาชนลุกลามทั้งแผ่นดิน]
โดยระบุว่า “ปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองซึ่งกินเงินเดือนจากภาษีประชาชน กำลังดำเนินไปอย่างโหดเหี้ยม อำมหิต ป่าเถื่อนถึงที่สุด
ภาพการสลายชุมนุมที่รุนแรงบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ประจานประเทศไทยต่อสายตาชาวโลกมาตลอดหลายสัปดาห์
คืนวันที่ 11 กันยายน ที่ผ่านมา การใช้กำลังและอาวุธครบมือบุกแฟลตดินแดงเพื่อค้นหาและจับกุมผู้ชุมนุม รวมถึงระดมยิงแก๊สน้ำตา กระสุนยาง อย่างไม่ยั้งมือเข้าใส่ โดยไม่สนใจว่าเป็นที่พักอาศัยของประชาชนที่ไม่ได้มีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ คือ ภาพสะท้อนของ “ตำรวจพิทักษ์ทรราช” มากกว่า “ตำรวจพิทักษ์สันติราษฎร์”
ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าหน้าที่รู้ดีว่าการกระทำป่าเถื่อนของตนเอง ละเมิดกฎหมาย และละเมิดต่อหลักสิทธิมนุษยชนสากล จึงไม่ต้องการให้ปรากฏภาพสู่สาธารณะ จึงสั่งห้ามผู้สื่อข่าวไลฟ์สด หรือห้ามบันทึกภาพใดๆ ทั้งสิ้น และข่มขู่ให้สื่อออกจากพื้นที่ มิฉะนั้น จะถูกจับกุม โดยอ้างข้อหาฝ่าฝืนเคอร์ฟิว ทั้งที่เคอร์ฟิวยกเว้นให้กับผู้ปฏิบัติหน้าที่จำเป็น
เกือบชั่วโมงที่แก๊สน้ำตา กระสุนยาง ถูกระดมยิงเข้าไปในแฟลตดินแดงอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใครเป็นใคร
เกือบชั่วโมงที่ประชาชนชาวแฟลตดินแดงต้องหาที่หลบที่กำบังตัวเองให้ปลอดภัย และหลายรายต้องออกจากบ้านไปกลางดึกเพื่อไปหาที่พักชั่วคราว
ยังมีข้าวของประชาชนมากมายที่ได้รับความเสียหายจากปฏิบัติการนี้
มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากจากการโดนแก๊สน้ำตา กระสุนยาง ขณะที่ผู้ชุมนุมรายหนึ่งถูกเจ้าหน้าที่รุมกระทืบและผลักตกลงมาจากอาคารได้รับบาดเจ็บสาหัส
การใช้อำนาจอย่างบ้าคลั่งของเจ้าหน้าที่เมื่อคืนนี้ ทำให้มีประชาชนถูกจับกุมเกือบ 100 คน ทั้งผู้ที่มาชุมนุมเรียกร้องความยุติธรรม ทั้งประชาชนในละแวกดังกล่าว รวมถึงชาวแฟลตดินแดงที่ออกมาตะโกนด่าทอไม่พอใจปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่
ผู้มีอำนาจเชื่อว่า การใช้ความรุนแรงอย่างไม่สนใจใครหน้าไหนจะสามารถกดปราบประชาชนได้
เชื่อว่าการใช้อำนาจอย่างบ้าคลั่งโดยไม่ต้องมีความละอายคือสิ่งที่ประชาชนจะยอมรับ?
ตลอดหลายสัปดาห์ในการปะทะกันที่แยกดินแดง ได้พิสูจน์แล้วว่าการปราบปรามรุนแรงเพื่อหวังกำราบประชาชนเป็นความคิดที่ผิดมหันต์ ยิ่งจับกุมก็ยิ่งมีคนออกมาชุมนุม ยิ่งกดปราบรุนแรงก็ยิ่งมีผู้คนออกมาตอบโต้รุนแรง ซึ่งรังแต่จะนำมาซึ่งความเสียหายทั้งสองฝ่าย ขณะเดียวกัน ความบ้าคลั่งไร้ยางอายของเจ้าหน้าที่ก็ยิ่งจะขยายวงความขัดแย้ง โกรธแค้น ไปยังหมู่ประชาชนทั่วไปด้วย
คณะก้าวหน้าขอประณาม การใช้ความรุนแรงปราบปรามประชาชน โดยละเมิดรัฐธรรมนูญและกติกาสากลว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง หรือ ICCPR การใช้อำนาจอย่างบ้าคลั่งโดยไม่ต้องมีความละอาย ต้องยุติทันที และเปิดพื้นที่ให้ประชาชนใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมืองได้ตามกฎหมาย
อย่ารอให้ความโกรธแค้นของประชาชนลุกลามจากดินแดงไปทั่วแผ่นดิน
#คณะก้าวหน้า #ม็อบ11กันยา #ทะลุแก๊ส”
ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH ก็ได้โพสต์ประเด็น ส่งใจช่วย “หมู่เบส” ตำรวจ คฝ. อาการหนัก แพทย์เร่งกู้ชีวิต หลังทำภารกิจแยกดินแดง
โดยระบุว่า สืบเนื่องจากกรณีที่ ส.ต.ต.ธนาวุฒิ จิรคเชนทร์ หรือ “หมู่เบส” ผบ.หมู่กองร้อยที่ 1 กก.คฝ.2 บก.อคฝ.ช่วยรายการ บก.น.9 ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณใบหน้า ขณะปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชน กลุ่มเยาวรุ่น “ทะลุแก๊ส” ในพื้นที่สามเหลี่ยมดินแดง เมื่อช่วงค่ำวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา
โดยขณะเกิดเหตุ “หมู่เบส” ได้รับคำสั่งให้ทำหน้าที่พลคุ้มกันหัวหน้าชุดเคลื่อนที่เร็ว และได้เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา จนตนเองได้รับบาดเจ็บ โดนกลุ่มทะลุแก๊สตอบโต้กลับ ซึ่งการปฎิบัติหน้าที่ทำให้มีตำรวจได้รับบาดเจ็บ 5 นายด้วย ต่อมาได้นำส่งโรงพยาบาลตำรวจเพื่อทำการรักษาแล้ว
ต่อมา พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล กฤตพิทยบูรณ์ รองโฆษก ตร. เปิดเผยอาการว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ คฝ.ที่เข้ารับการรักษาอาการที่โรงพยาบาลตำรวจ ได้นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล 1 ราย เนื่องจากบาดเจ็บสาหัส คือ ส.ต.ต.ธนาวุฒิ หรือ “หมู่เบส” ถูกปาไปป์บอมบ์ เข้าใส่บริเวณใบหน้าด้านขวา ขณะปฏิบัติภารกิจบริเวณซอยหมอเหล็ง เขตดินแดง กรุงเทพฯ และทางโรงพยาบาลได้รับตัวไว้เมื่อเวลา 01.20 น. วันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา
จากนั้นทางแพทย์ได้ทำการวินิจฉัยว่า “หมู่เบส” มีเลือดออกในสมอง กระดูกเบ้าตาด้านขวาแตก มีแผลฉีกขาดบริเวณใบหน้าและตาขวา ได้เข้ารับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน โดยระดมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายสาขาร่วมดำเนินการผ่าตัด เช่น แพทย์ศัลยกรรมประสาท จักษุแพทย์ ทันตแพทย์ และแพทย์ศัลยกรรมตกแต่ง ซึ่งใช้เวลาในการผ่าตัดกว่า 8 ชั่วโมง และตอนนี้ผู้ป่วยยังไม่สามารถหายใจเองได้ และหลังผ่าตัดต้องได้รับการรักษาดูแลอย่างใกล้ชิดที่หอผู้ป่วยวิกฤต
จากการตรวจสอบอาการของ “หมู่เบส” ตำรวจ คฝ. เบื้องต้นได้รับการยืนยันว่า ขณะนี้ผู้บาดเจ็บยังมีอาการสาหัส อยู่ในขั้นโคม่า โดยผู้บาดเจ็บยังหายใจเองไม่ได้ แพทย์ได้ใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ตลอดเวลา
ด้าน พ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธวิท รอง ผบก.น.9 ปฏิบัติราชการ บก.อคฝ. ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าว ประเด็นที่มีการถกเถียงกันว่า “หมู่เบส” ได้รับบาดเจ็บจากการโดนไปป์บอมบ์โยนใส่หรือไม่นั้น ขณะนี้กำลังดำเนินการสอบสวน ซึ่งตามข้อมูลที่ได้รับรายงานทราบว่า เเผลฉกรรจ์มาก ส่วนเรื่องการให้ความช่วยเหลือ ทางผู้บังคับบัญชาจะดูแลสวัสดิการทุกด้านอย่างเต็มที่ ขอให้ทุกฝ่ายอย่าวิตกกังวล เนื่องจาก “หมู่เบส” บาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจ ไม่มีใครทอดทิ้งอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ภายหลังกระแสข่าวการได้รับบาดเจ็บของ “หมู่เบส” เผยแพร่ออกไป ต่างมีชาวโซเชียลจำนวนมาก ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็น และเอาใจช่วย “หมู่เบส” ให้มีอาการปลอดภัย และอยากให้เหตุการณ์บริเวณแยกสามเหลี่ยมดินแดง ยุติลงได้แล้ว เนื่องจากชาวบ้านและผู้ใช้เส้นทางบริเวณดังกล่าวได้รับผลกระทบ
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน THE TRUTH โพสต์ประเด็น จบแน่! 3 นิ้วเบรก “บก.ลายจุด” หยุดเรียกเด็กชุมนุม ซัดไม่มีทางชนะ ใครเข้าไป “เสียชีวิตฟรี”
เนื้อหาระบุว่า จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้ออกมาแจ้งข่าวต่อกลุ่มมวลชน พร้อมกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ให้ยุติการชุมนุมที่แยกอโศก เมื่อวันที่ 8 ก.ย. ที่ผ่านมา
โดยทั้ง 2 คนอ้างว่า มีหมายจับตนเอง และหากได้รับจะเดินทางไปมอบตัวเอง ไม่ต้องการให้มีการจับบนเวทีปราศรัย ซึ่งต่อมาทางศาลแขวงพระนครใต้ ถ.เจริญกรุง มีคำสั่งยกคำร้องขอออกหมายจับคดีที่พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ยื่นคำร้องขอหมายจับ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการกลุ่ม นปช. และนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด กรณีร่วมกันจัดการชุมนุมกบริเวณแยกอโศกมนตรี
โดยศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นควรมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอหมายจับของพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ และให้เหตุผลว่า คดีดังกล่าวมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี เห็นควรให้ออกหมายเรียกก่อน ทำให้สังคมมองว่าการงดชุมนุม เป็นการหาทางลงของ 2 แกนนำ เนื่องจากคนมาร่วมชุมนุมน้อยกว่าที่คิด
ทั้งนี้ บก.ลายจุด ได้ทิ้งท้ายไว้ในวันปราศรัยที่ 6 ก.ย. ว่า พื้นที่นี้ควรเปิดกว้าง ให้กลุ่มที่มีการแสดงออกทางการเมือง ยืนยันผมไม่มีเจตนามาเป็นแกนนำ วันที่ 20 ก.ย. กลุ่มนักเรียนเลวจะมาใช้พื้นที่ตรงนี้ ในการทำกิจกรรมทางการเมือง รวมไปถึงเด็กๆ กลุ่มการเมืองอื่นๆ ด้วย สามารถมาใช้พื้นที่ตรงนี้ได้ และในวันที่ 19 ก.ย. อาจจะมีการชุมนุมใหญ่เกิดขึ้น
ล่าสุด ในเฟซบุ๊กของนายสมบัติ บุญงามอนงค์ ได้โพสต์ข้อความ ย้อนสมรภูมิราชประสงค์ โดยระบุบางช่วงบางตอนว่า “ราชประสงค์ถูกทหารล้อมจากทุกทิศทาง มวลชนจำนวนหนึ่งพยายามหาทางเข้าไปที่ราชประสงค์โดนยิงบาดเจ็บและเสียชีวิต เสียงปืนดังตลอดทั้งวัน
ผมรับคำร้องขอจากมิตรสหายท่านหนึ่ง ให้ตั้งเวทีที่สามเหลี่ยมดินแดง ภารกิจมีเพียงสิ่งเดียว คือ การดึงมวลชนไม่เข้าไปใน Red Zone หรือ ทุ่งสังหาร ผมรับผิดชอบเส้นทางวิภาวดีรังสิตก่อนเข้าราชปรารภซึ่งมีผู้เสียชีวิตหลายคน ชายกลางคนผู้หนึ่งยืนคุยกับผมที่สามเหลี่ยมดินแดง เขาเล่าเหตุการณ์ว่าเขาเห็นอะไรมาบ้างก่อนที่ผมจะมาตั้งเวทีที่นี่
คุยกันสักพักชายคนนั้นก็กล่าวคำลา ผมถามเขาว่าจะไปไหน เขาบอกว่าเขาจะขับรถเข้าไปที่ราชปรารภ ผมพูดเสียงอันดังว่าจะเข้าไปทำไม คุณเพิ่งจะบอกผมไม่ใช่เหรอว่าที่นั่นมีคนถูกยิงหลายคน ชายคนนั้นบอกผมว่า เขาไม่กลัวเขาจะไปสู้กับมัน แล้วเขาก็ขับรถหายเข้าไปท่ามกลางควันไฟจากยางรถยนต์และเสียงปืน
ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ตลอด 3 วันที่ผมอยู่ที่เวทีใต้ทางด่วนสายเหลี่ยมดินแดง ผมเห็นการต่อสู้ทุกรูปแบบที่คนธรรมดาคนหนึ่งจะคิดอ่าน ส่วนผมไม่ได้มาต่อสู้ ผมมาพาคนออกจากทุ่งสังหาร”
จนต่อมามีคนเข้ามาคอมเม้นต์ถามนายสมบัติ ว่า “สมบัติอย่าพูดเลยนะ ไว้เอามันจริงๆ ก่อน แล้วค่อยคุย เต้นด้วย ทำไมไม่ช่วยเด็กๆ ละ หรือม็อบคุณๆ เป็นม็อบผู้ดี เลยไม่อยากไปคาร์ม็อบไง ไปม็อบดินแดงดีกว่า สมรภูมิของจริง” และนายสมบัติ ก็คอมเม้นต์กลับว่า “คุณมีข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมในการช่วยเด็ก ในแบบของคุณคือต้องทำยังไง”
นอกจากนี้ ยังมีคอมเม้นต์มากมาย เข้าไปแสดงความคิดเห็น เช่น จริงครับ อย่าเข้าไปตายฟรี ในรูปแบบที่ไม่มีทางชนะ ทุกวันนี้สามเหลี่ยมดินเเดงเป้าหมายคืออะไร ยังไม่มี มีเเค่คำหลวมๆ ว่าให้ประยุทธ์ลาออก คน 40-50 คนต่อวัน ตรงนั้นเปลี่ยนเเปลงอะไรไม่ได้หรอก มันเหมือนเราอยากปะทะ กับ คฝ. เเค่นั้น พอมันทำเราเเรง เราด่า พอเราทำมันเเรง เราบอกต้องสวนมันบ้าง วันนึงคุณใช้อาวุธที่เเรงกว่านี้ รัฐก็ใช้อาวุธกับจำนวนที่เหนือกว่าปราบคุณเหมือนเดิม ทุกวันนี้รู้สึกเหมือนเป็นพันธมิตร ยังไงก็ไม่รู้ เจอตำรวจเป็นใส่ๆ
เหมือนเป็นหนังภาคต่อ ที่เว้นการถ่ายทำไป 11 ปี แต่นักแสดงภาคนี้เชื่อว่าจะมีผู้เขียนบท เขียนตอนจบให้มันแตกต่างไปจากเดิม
แน่นอน, สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ ชุดข้อมูลที่แตกต่างกันอย่างมาก ระหว่างฝ่ายม็อบทะลุแก๊ส กับฝ่าย ตำรวจ คฝ. โดยเฉพาะความสูญเสีย การบาดเจ็บ และการตกเป็นผู้ถูกกระทำ จากการสลายการชุมนุมที่แยกดินแดง หรือแม้แต่การปะทะทุกครั้งที่ผ่านมา หลายสัปดาห์ ก็ตาม
อย่างชุดความคิดของ “คณะก้าวหน้า” ที่โพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก เชื่อว่า ฝ่ายตำรวจ คฝ. จะต้องโต้แย้งอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับ สิ่งที่ ตำรวจ คฝ. เรียกว่า การปฏิบัติหน้าที่ และเป็นภารกิจที่ได้รับม็อบหมาย เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย บังคับใช้กฎหมายบ้านเมือง ก็จะถูกฝ่ายสนับสนุนม็อบทะลุแก๊ส โต้แย้ง อย่างที่โต้แย้งอยู่ในเวลานี้ ว่า มุ่งปราบปรามประชาชน ซึ่งใช้สิทธิตามกฎมายรัฐธรรมนูญ
นี่คือ สิ่งที่สังคมไทย จะต้องใช้วิจารณญาณว่า ใครมีเหตุมีผลกว่ากัน
ที่สำคัญ ดูเหมือนว่า ฝ่ายกลุ่มเยาวทะลุแก๊ส แม้คนจะน้อย ปฏิบัติการเหมือนสงครามกองโจร ที่รบในเมือง อย่างที่ หัวหน้าการ์ดสามนิ้วเคยประกาศเอาไว้ หลังม็อบใหญ่สลายตัวลง ว่า พวกเขาจะรบแบบสงครามกองโจร ทุกตรอก ซอก ซอย ในเมือง คือ สมรภูมิรบของพวกเขา แล้ววันนี้ก็ดูเหมือนเป็นอย่างนั้น เพียงแต่ยึดสมรภูมิดินแดงแห่งเดียว และเริ่มใช้อาวุธที่รุนแรงขึ้นทุกวัน
เมื่อเป็นเช่นนี้ ใครก็ตามที่มีส่วนสนับสนุนการต่อสู้ในแบบของแก๊งทะลุแก๊ส ที่แม้แต่แนวร่วมก็ยังอยากให้เลิก เพราะไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน เพียงต้องการปะทะเท่านั้น จะต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย หากเกิดความรุนแรง และความสูญเสียที่ร้ายแรง
ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตายุยงส่งเสริม ปลุกระดม ให้ท้ายถือหางให้ทำผิดร้ายแรง หรือก่อเหตุรุนแรง
หรือว่า นี่คือ เป้าหมายที่พวกคุณต้องการให้เกิดขึ้นอยู่แล้ว!?