โหน 2 พส. “ณวัฒน์” ออกตัวหนุนเต็มที่ นำภาพเทียบ “อดีตพุทธะอิสระ” เจอสอนผู้เผยแพร่ธรรมที่ถูกต้อง ไร้จรรยาบรรณ! แห่แบน ข่าวสามสี ช่องดัง แปลมั่ว สาระกฎหมาย โยงดาราจีน “ก้าวไกล” เจอพิษ 112 ส.ส.เตรียมย้ายเพียบ
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (7 ก.ย. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น ไม่พลาด “ณวัฒน์” ออกตัวหนุน 2 พส. ปลุกคนวิจารณ์เทียบ “อดีตพุทธะอิสระ”
โดยระบุว่า สืบเนื่องจากกรณีพระนักเทศน์ชื่อดัง พระมหาไพรวัลย์ และ พระมหาสมปอง ที่ไลฟ์สอนธรรมะผ่านเพจเฟซบุ๊กด้วยบรรยากาศสนุกสนาน และขำขัน ซึ่งหลังมีการไลฟ์พร้อมกัน 2 รูป เมื่อวันที่ 3 ก.ย. ที่ผ่านมา
ปรากฏว่า มีคนเข้ามาชมกว่า 2 แสนคน ซึ่งต่อมาก็มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องความเหมาะสม มีพระผู้ใหญ่ออกมาทั้งติและชม เช่น พระเทพปฏิภาณวาที หรือ เจ้าคุณพิพิธ วัดสุทัศนเทพวรารามฯ และ พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว นอกจากนี้ ก็ยังมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากโซเชียล ทั้งเหมาะสมและไม่เหมาะสม ที่กิจของพระสงฆ์จะทำเช่นนี้
รวมทั้ง นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ได้โพสต์เฟซบุ๊ก หนุน 2 พระสงฆ์ คือ พระมหาไพรวัลย์ และ พระมหาสมปอง โดยระบุว่า “เห็นมีกระแสช่วงนี้บอก พส. ไม่เหมาะสม ทั้งสองภาพนี้บอกอะไรกับสังคมบ้าง เพียงแค่ต่างวัตถุประสงค์ และ พส. แต่ละรูป แค่ต่างกรรมต่างวาระในอดีตและปัจจุบัน สาธุ”
ซึ่ง นายณวัฒน์ มีการนำภาพของอดีตพระพุทธะอิสระ มาเปรียบเทียบ กับ 2 พส. นอกจากนี้ ยังโพสต์ภาพที่ถ่ายคู่กับพระมหาไพรวัลย์ และ พระมหาสมปอง เพื่อสนับสนุนให้คนดูต่อไป
ทำให้มีชาวโซเชียลที่ติดตามเพจของนายณวัฒน์ เข้ามาคอมเมนต์ด้วยถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม พาดพิงไปถึงอดีตพระพุทธะอิสระด้วย
อย่างไรก็ตาม ทางด้านอดีตพระพุทธะอิสระ ได้แสดงความคิดเห็นต่อประเด็น 2 พส.เช่นกัน โดยระบุว่า “ถามมา ตอบไป”
ถาม ท่านรู้สึกยังไงกับเฟซบุ๊กไลฟ์ ของมหาสองรูปที่แสดงธรรม ออกมาเล่นตลกให้คนดู?
ตอบ พฤติกรรมส่อถึงตัวตนของผู้กระทำ ผู้มีปัญญา มองแล้ว เห็นแล้ว รู้แล้ว ก็พอเข้าใจได้ว่า พระธรรมวินัยนี้คงจะไปหวังอะไรกับคนเก้อยาก
ถาม ดรามาที่เกิดขึ้นในกรณีเฟซบุ๊กไลฟ์ของมหาทั้งสองนี้ท่านมองอย่างไร?
ตอบ ก็มหาออกมาพูดเองไม่ใช่หรือว่า เขาโนสน โนแคร์ เพราะเขามีมวลชนสนับสนุนเขาเป็นแสน ทำให้เขามีตัวตนดังที่เห็น
เมื่อเขาเห็นจำนวนมวลชนยังสนับสนุนเขาจำนวนมากเสียขนาดนี้ ไยเขาต้องมาสนใจพระธรรมวินัย จารีตประเพณี และกฎเถรสมาคมอีกเล่า นั้นก็คงเป็นเพราะ เขายึดจำนวนมวลชนเป็นหลักนั่นเอง
ถาม แล้วพระธรรมวินัยว่าอย่างไร กับการแสดงธรรม?
ตอบ พระธรรมวินัยบอกไว้ชัดว่า ผู้ที่จะประกาศธรรม เผยแพร่ธรรม จักต้องประกอบด้วยคุณสมบัติ ๕ ประการ
๑. แสดงธรรมไปโดยลำดับ
๒. อธิบายชี้แจ้งให้เข้าใจตามหลักเหตุและผล
๓. แสดงธรรมด้วยความเมตตา
๔. แสดงธรรมธรรมโดยมิได้มุ่งหวังอามิส
๕. แสดงธรรมโดยไม่กระทบผู้อื่น
และยังต้องมีจุดมุ่งหมายในการแสดงธรรมเพื่อให้ผู้ฟังเกิดความเบื่อหน่าย ให้ผู้ฟังคลายความกำหนัด ความทะยานอยาก เพื่อบรรเทาทุกข์แก่ผู้ฟัง เพื่อความดับภพ ชาติ บวชเรียนมาจนได้ปริญญา เรียนได้ถึงมหาเปรียญ เรื่องง่ายๆ แค่นี้ยังไม่รู้ ไม่รู้ก็ต้องบอกว่า โนคอมเมนต์แล้วล่ะ
ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น ไร้จรรยาบรรณ!! แห่แบนข่าวสามสี บิดเบือนเสนอข้อมูลพาดพิงดาราจีน แต่ไม่กล้าขอโทษผ่านรายการ?
เนื้อหาระบุว่า สืบเนื่องจาก รายการ “ข่าวสามสี” ที่ถ่ายทอดทางช่อง 3 ได้นำเสนอข่าวว่า จีนจะมีการแบนดาราชายหน้าหวานซึ่งเป็นความคลาดเคลื่อน
เพราะความจริงแล้ว ในโพสต์ต้นทางจากจีนต้องการจะสื่อสารว่า ทางการจีนจะมีกฎหมายตรวจสอบการโพสต์ที่เป็นสื่อหยาบคาย หรือเกี่ยวกับการเมือง หรือชักจูงคนไปในทางไม่ดี ซึ่งต่อมาในโลกโซเชียล วิพากษ์วิจารณ์ ว่า แปลภาษาแบบไหน ถึงนำเสนอเนื้อหาไปคนละทิศทางแบบนี้ และยังนำภาพดาราดังของจีนหลายคน ที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง มานำเสนอผ่านหน้าจอ จนเกิดความเข้าใจผิดไปหมด
ทั้งนี้ บนทวิตเตอร์ ได้มีการตั้งแฮชแท็ก #แบนข่าวสามสี และวิจารณ์ต่างๆ นานา โดยวอนให้ “หนุ่ม กรรชัย” พิธีกรรายการดังมาช่วยดูด้วย พร้อมถามว่า แบบนี้จะกล้าถามหรือไม่ ว่าทำไมรายการถึงแปลผิด นำเสนอผิดพลาดได้ขนาดนี้
รบกวนพี่ “หนุ่ม กรรชัย” เป็นกระบอกเสียงให้หน่อยค่ะการทำคอนเทนต์แปลข่าวแบบมั่วๆ คนที่ไม่รู้เรื่องวงการบันเทิงจีนมาก่อนจะเข้าใจผิดเอา การยกตัวอย่างรูปศิลปินเหล่านั้นไม่สมควรค่ะ แต่ควรศึกษามาตรการชิงหลางให้ดีก่อนมาเสนอ
รู้ว่ายกข่าวจากสื่อหลักทางจีนมา แต่เอามาสื่อสารในไทยคนละเรื่องเลย เน้นสุดเลย ว่าชายหน้าหวานถูกแบน แล้วบอกไม่ใช่ศิลปินแต่ก็ไม่แน่ ขัดกันไปนะ ศิลปินที่ถูกยกมาเขาเสียหายไหม คนเห็นหน้า ได้ยินโดนแบน แต่ไม่ได้ตามมาตั้งแต่แรก ก็คงเชื่อ จะพูดถึงมาตรการจีนก็เอาหน้าผู้นำขึ้นมาดิ จะเอารูปดาราที่เค้าไม่ได้ผิดอะไรมาขึ้นทำไม
สำหรับกฎหมายดังกล่าวในจีน คือ กฎหมายชิงหลาง (清浪行动) เป็นกฎหมายในการบริหารไซเบอร์สเปซของจีน ที่จะทำหน้าที่คอยตรวจสอบโพสต์ที่เป็นคำหยาบคาย สื่อลามกอนาจาร เกี่ยวกับการเมือง ยาเสพติด หรือสื่อที่ชักจูงคนไปในทางที่ไม่ดี
ขณะที่ทางรายการ ได้ร่อนจดหมายแถลงการณ์ขอโทษในการนำเสนอที่คลาดเคลื่อน และนำรูปศิลปินจีนมาประกอบ ทำให้แฟนคลับรู้สึกไม่ดี จนมีชาวโซเชียลคอมเม้นต์อีกว่า ตอนนำเสนอไม่ตรวจสอบ ไร้จรรยาบรรณมาก ทำได้แค่เขียนกระดาษขอโทษ 1 หน้า ทำไมไม่กล้านำเสนอขอโทษผ่านรายการไปเลย
นอกจากนี้ ยังมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักอีกว่า ระยะหลังสื่อช่องนี้เน้นข่าวสารมากขึ้น ตั้งแต่นายสรยุทธกลับมา ก็ไม่อยากดูข่าวช่องนี้ แต่ถ้าจะนำเสนอข่าวแบบไม่ตรวจสอบ แปลคลาดเคลื่อนไปคนละเรื่องแบบนี้ คงไม่เหมาะสม น่าจะถูกแบนไปตั้งแต่นำเสนอข่าวคนไปเก็บเห็ดแล้วได้ฉีดไฟเซอร์แล้ว
อย่างไรก็ตาม พบว่า ทางรายการข่าวสามสี ได้คอมเมนต์ตอบแฟนคลับ ว่า อย่าเพิ่งแบนกันเลย ทำงานผิดพลาดพร้อมขอแก้ไข และจะปรับปรุง พร้อมขอให้รอชมรายการ เนื่องจากอาจจะมีการขอโทษผ่านหน้าจออีกครั้ง
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน THE TRUTH โพสต์ประเด็น พรรคก้าวไกล ใกล้เจ๊ง ส.ส.เกือบครึ่ง เตรียมย้ายค่าย
โดยระบุว่า จบไปแล้ว การอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยผลการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จำนวนผู้ลงมติทั้งหมด 475 เสียง ไม่ไว้วางใจ 208 เสียง ไว้วางใจ 264 เสียง และงดออกเสียง 3 เสียง พร้อมกับ 5 รัฐมนตรี สภามีมติไว้วางใจ
แต่ที่น่าสนใจ คือ ผลที่ตามมา ของพรรคฝ่ายค้าน ที่มี ส.ส.ออกเสียงโหวตสวนมติพรรค ซึ่งทำให้ทางพรรคต้นสังกัด สั่งฟันโทษไปแล้วหลายคน เริ่มจากเพื่อไทย มีเข้าข่ายถูกขับออกจากพรรค 3 คน คือ 1. นายจาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ ส.ส.ศรีสะเกษ ที่มีทีท่าย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) 2. นางพรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี มีพฤติกรรมสวนมติพรรคหลายครั้ง และ 3. นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์
ที่สำคัญคือ “พรรคก้าวไกล” มี ส.ส.ที่โหวตสวนมติพรรคเป็นหลายคน และพรรคยังมีการประเมินว่า อาจมี ส.ส. กว่า 16 คน ที่ประกาศตัวเตรียมย้ายไปอยู่ค่ายภูมิใจไทย รวมถึงยังมีการจับมือกับพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ อีกในทางลับ
ทั้งนี้ หลายคนไม่พอใจผู้บริหารพรรคในเรื่องเกี่ยวกับสถาบันเบื้องสูง โดยส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการเสนอแก้ มาตรา 112 และการเคลื่อนไหวอย่างชัดเจนของ ส.ส.พรรคหลายคน ซึ่งอยู่ระดับหัวแถว ในการสนับสนุนม็อบจาบจ้วงสถาบันฯ
จึงทำให้ ส.ส.หลายคนภายในพรรค เริ่มรู้สึกไม่ค่อยพอใจในแนวทางบริหารพรรค เช่น นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ที่ประกาศว่าไม่ไปต่อกับ พรรคก้าวไกล เนื่องจากมีเรื่องความเห็นต่างในประเด็นการแก้ไข มาตรา 112 ทั้งในเนื้อหาและวิธีการแก้ไข
แน่นอน, สิ่งที่น่าคิดเกี่ยวกับการต่อสู้ทางการเมืองในประเทศไทย ดูเหมือน ยิ่งนานวัน ยิ่งเข้ารกเข้าพงไปกันใหญ่
และทำให้การเคลื่อนไหว เพื่อประชาธิปไตย ยิ่ง “ด้อยค่าประชาธิปไตย” ของขบวนการ 3 นิ้ว ชัดขึ้น
ไล่เรียงตั้งแต่ ม็อบ 3 นิ้ว ยันสาวก 3 นิ้ว ไม่นับม็อบรับจ้างป่วนเมือง ม็อบมีเจ้าของ ทั้งหมด ประชาชนคนไทยไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย นอกจากได้รู้ว่า มีคนบางกลุ่มต้องการล้มสถาบันฯ โดยอ้างต้องการปฏิรูปแค่นั้น แต่เนื้อหาเข้าขั้นนำไปสู่การล้มล้างก็ว่าได้ รวมทั้งพฤติกรรมการเรียกร้องก็มองออกว่า มีเป้าหมายอะไร ซึ่งอย่าลืมว่า เป็นการสวนทางกับความคิดเห็นของคนไทยส่วนใหญ่
ยิ่งพักหลังทั้งม็อบ และสาวกที่แสดงออกทางโลกโซเชียล ไม่ต่างอะไรกับการท้าทายคนไทยที่เห็นต่าง รวมทั้งกล่าวหาต่างๆนานา ทั้งที่คนไทย ก็อยู่ของคนไทยดีอยู่แล้ว “3 นิ้ว” ต่างหาก ที่ตั้งตัวเป็นศาสดา “ประชาธิปไตย” แล้วก็เที่ยวบังคับให้คนไทยเห็นด้วย ถ้าไม่เห็นด้วย ก็แสดงว่า โง่บ้าง เป็น สลิ่มบ้าง เป็นขี้ข้า เป็นหมา ก็ว่าไป
ที่ชัดเจนไปกว่านั้น คือ ม็อบเริ่มแสดงออกถึงการยั่วยุให้เกิดการปราบปรามอย่างรุนแรง ด้วยการปะทะกับตำรวจ คฝ.แทบจะรายวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้อาวุธเข้าปะทะกับตำรวจ การเผา ทำลายป้อมตำรวจ และทรัพย์สินทางราชการ เหล่านี้ใครก็รู้ว่า ทำให้เห็นธาตุแท้ของม็อบเอง
เหนืออื่นใด สังเกตให้ดี คนที่อ้างว่า อยู่ฝ่ายประชาธิปไตย ในเวลานี้ มักจะสนับสนุนและอยู่ข้าง ใครก็ตามที่ด่ารัฐบาล ด่าเจ้า จะด่าแบบไหนก็ได้ ไม่ต้องการเหตุผล หรือ แม้แต่ด่าเอาฮา! คนพวกนี้จะเข้าไปโหนกระแส สนับสนุนทันที โดยไม่สนใจว่า ถูกหรือผิดอีกต่อไปแล้ว นี่คือ สิ่งที่ต้องการให้คนไทยเห็นด้วยอย่างนั้นหรือ???