ข่าวปนคน คนปนข่าว
** “งูเห่า” หน้าเก่า-ใหม่ อาละวาด งัดยันต์ “เอกสิทธิ์ ส.ส.” เบี้ยวมติพรรค เมื่อต้นสังกัดไม่กล้าเช็กบิล “ลูกพรรค” ก็ไม่กลัวน้ำร้อน
ตามกันต่อสำหรับ “ควันหลง” จาก “ศึกซักฟอก” อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคล ที่มีการลงมติกันไปแล้วเมื่อวันเสาร์ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา
ปรากฏว่า มี ส.ส.ทั้ง “รัฐบาล-ฝ่ายค้าน” ที่สวมบท “เด็กดื้อ” ลงมติ “นอกลู่” ไม่ตรงกับมติพรรค หลายสิบชีวิตเลยทีเดียว
ตามวัฒธรรมการเมืองยุคนิวนอร์มัล ที่มี “งูเห่า” เลื้อยยั้วเยี้ย “เด็กดื้อ” เพ่นพ่านเต็มสภาฯ ทั้ง “งูเห่าหน้าเก่า” ประเภทตัวกับใจไปหมดแล้ว แต่ติดที่สังกัดเก่าจับกักตัวไว้ใส่ “โหลดองงู” ให้เสียอารมณ์เล่นๆ จำพวกเห็นหน้าคร่าตากันมาตั้งแต่โหวตครั้งที่ผ่านๆ มา คุ้นกันกับชื่อ “คารม พลพรกลาง-เกษมสันต์ มีทิพย์-ขวัญเลิศ พานิชมาท-พีรเดช คำสมุทร-เอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย” ของพรรคก้าวไกล
หรือรายของ “เจ๊ก้อย” พรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย ที่ถือเป็นงูเห่ารุ่นแรกๆ ของสภาฯชุดนี้เป็นอาทิ
ยังมีที่ส่อแววเป็น “งูเห่าหน้าใหม่” แต่ “รู้กัน” ในวงการ ว่า เที่ยวหน้าเปลี่ยนพรรคแน่ๆ อย่าง “ธีระ ไตรสรณกุล-นพ.จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์-วุฒิชัย กิตติธเนศวร” ส.ส.ศรีสะเกษ และนครนายก พรรคเพื่อไทย เป็น 3 ผู้แทนฯเพื่อไทย ที่ว่ากันว่า เตรียมผละไปซบ “คนโตอีสานใต้” แน่นอนแล้ว หรือ “ชัยยันต์ ผลสุวรรณ์” ส.ส.ปทุมธานี ที่ซี้ปึ้กกับ “สิระ เจนจาคะ” ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ หลังทำทีกดผิด-กดถูก แล้วอ้าง “เบลอ” อยู่บ่อย ดูโหงวเฮ้งแล้วรอบหน้าไม่น่าจะอยู่ที่เดิม
บวกกับประเภท “วาระส่วนตัว” ก็เลยต้องทำตัวเป็น “เด็กดื้อ” อย่าง “เฮียหนวด” ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย ที่ “เล่นใหญ่” ทิ้งบอมบ์กลางสภาฯ ว่า ถูกกีดกันไม่ให้อภิปรายรอบนี้ แต่จริงๆ ไม่ทำตามกติกาที่พรรคกำหนด ไม่เข้าพรีเซนต์ประเด็นที่จะอภิปราย แถมยังด่าทอกรรมการคัดเลือกของพรรค รวมถึงคดีเก่า ที่มีเรื่องกับ “ผู้ใหญ่” ขั้นรุนแรง ก็เลยขอ “ทำเท่” ขอสวนมติพรรค กด “งดออกเสียง” 5 รัฐมนตรี แต่ไม่ไว้วางใจ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนเดียว
เซอร์ไพร์สเล็กๆ รายของ “เฮียกุ่ย” ชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.อุบลราชธานี ที่สวมหมวก “ประธานภาคอีสาน” พรรคเพื่อไทย ที่ซุ่ม “งดออกเสียง” รายของ “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ว่ากันว่า เป็นเรื่องของ “รุ่นใหญ่” ตอบแทน “น้ำใจ” เกี่ยวกับโครงการในพื้นที่
ขาดไม่ได้ “มาดามเดียร์” วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ที่ “ตั้งแง่” ไม่เอา “ค่ายเซราะกราว” พรรคภูมิใจไทย เด็ดขาด รอบนี้ “ลดดีกรี” แค่กดงดออกเสียง “หมอหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข อ้างว่าติดใจปมจัดซื้อเครื่องตรวจโควิดแบบ ATK แต่กดไว้วางใจ “เสี่ยโอ๋” ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ที่เห็นว่าคำชี้แจงฟังขึ้น
ทว่า งานนี้ “ก๊วนดาวฤกษ์” ที่ตามติด “เจ๊เดียร์” เป็นเงา และเคยรวมพลังงดออกเสียง 2 รัฐมนตรีค่ายภูมิใจไทยงวดก่อน กลับหายเรียบ เหลือ “หัวหน้าก๊วน” เป็น “เด็กดื้อ (เล็กๆ)” อยู่หน่อเดียวโดดๆ
คำถามมีว่า ไฉนเลยสภาฯไทยยุคนี้ถึงมี “งูเห่า” อาละวาด “เด็กดื้อ” ระบาดหนักขนาดนี้
ต้องบอกว่า “เอกสิทธิ์ ส.ส.” ที่ระบุไว้ใน รธน.เป็นเหตุ คำสั่งต้นสังกัดก็เลยไม่ต่างจาก “เสือกระดาษ” หรือการตั้งกรรมการสอบ ทำได้เพียงลงโทษสถานเบา ตัดสวัสดิการ-ความสนับสนุน หรือขู่จะไม่ส่งลงเลือกตั้งหนหน้า ทำให้ ส.ส.ไม่เกรงกลัว และยังกล้าฝืนมติพรรค
ทั้ง “ค่ายเพื่อไทย” ที่เจอปัญหางูเห่าชุกชุมมาตลอด หรือ “ค่ายลุงป้อม” ที่ต้องเก๊กซิมกับ “ก๊วนดาวฤกษ์” ก็มีการตั้งกรรมการสอบ สุดท้ายต้องปล่อยให้เรื่องเงียบ หยวนๆ กันไป
ขณะที่ “ค่ายส้มหวาน” พรรคก้าวไกล ชัดเจนตั้งแต่เคยพลาดปล่อย “งูสีพาสเทล” เข้าป่า จากนั้นไม่คิดปล่อยผีใครอีกเลย กระทั่งครั้งนี้เจอ “งูเห่า” แผลงฤทธิ์ ไม่แค่ไม่โหวตตามพรรคเท่านั้น ยังมีช็อตเด็ด ลุกขึ้นประท้วงปะทะคารมกับ “เพื่อนร่วมค่าย” แบบที่แฟนคลับได้แต่ส่ายหัวอเนจอนาถ
ถึงขั้น “ทนายคารม” ออกปากท้าทาย ขอให้ต้นสังกัด (ในนาม) ขับออกจากพรรคเสียที แต่ “เสี่ยทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็รู้แกว ประกาศหากยังเป็นหัวหน้าพรรคอยู่ ก็อย่าหวังจะได้สมปรารถนา ขณะที่ “เฮียโรจน์” วิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล ก็กวักมือเรียกมาเข้าพรรค เตรียมใบลาออกไว้ให้แล้ว
รู้กันดีว่า สถานะมันต่างกัน หาก “ลาออก” จากสมาชิกพรรค ก็เท่ากับพ้นตำแหน่ง ส.ส.ไปโดยปริยาย แต่ถ้าถูก “ขับออก” จากพรรค ยังไม่สิ้นสภาพ ส.ส.สามารถหาสังกัดใหม่ได้ใน 30 วัน เหมือนกรณี “ศรีนวล คำลือ” ส.ส.เชียงใหม่ ที่โดนขับออกตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่ ก่อนโผไปซบพรรคภูมิใจไทย
น่าสนใจไม่น้อยกับ “ค่ายดูไบ” พรรคเพื่อไทย ที่ก่อนเปิดศึกซักฟอก “เฮียพงษ์” สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค และผู้นำฝ่ายค้านในสภา สะบัดปากกาเซ็นคำสั่งห้าม ส.ส.ฝ่าฝืนมติพรรค และห้ามขาด-ลา-มาสาย หากพบโหวตสวน-กดผิด-หายหัว เจอมาตรการลงโทษ “ขั้นเด็ดขาด” แน่นอน
ดูเหมือนคำสั่งจะไม่ค่อยศักดิ์สิทธิ์ เมื่อยังปรากฏว่า มี 7 ส.ส. ที่ว่าไปข้างต้น ขัดไม่แคร์มติพรรค ในฐานะพรรคใหญ่ ส.ส.มากสุดในสภาฯ ปล่อยไว้ไม่ได้ ก็เลยต้องแยกเขี้ยวขู่ว่าจะเล่นงานเต็มข้อ ล่อเต็มแข้งเหมือนอย่างที่ประกาศไว้
โดย “เสี่ยโจ้” ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ถึงขั้นประกาศกร้าว งานนี้ไม่มีล้อเล่น 7 คนนี้ เตรียมตัวได้เลย
โดยจะมีการประชุมคณะกรรมการจริยธรรม มี “เฮียเสริฐ” ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค เป็นประธาน ถ้ายึดตามเอกสารก็ไม่ต้องสอบสวน ฟังข้ออ้างให้มากความ ฟันฉับขับออกจากพรรคได้ทุกคน
แว่วว่าคิวของ “ค่ายดูไบ” น่าจะมี ส.ส.ถูกขับออกจากพรรค 3 คน ได้แก่ “เจ๊ก้อย-พรพิมล” กับ “ชัยยันต์” ที่ถูกคาดโทษหลายหนแล้ว รวมกับ “เฮียหนวด-ศรันย์วุฒิ” ที่ด่ากราดด้อยค่าพรรคกลางสภา และแถลงข่าวอีกหลายหน
โดยเฉพาะรายหลัง ที่ “เถ้าแก่ใหญ่” กริ๊งกร๊างข้ามประเทศมาทันทีที่เกิดเรื่องว่า “ตะเพิดมันออกไปเลย” โทษฐานด่าพรรคเสียหาย บวกกับคดีเก่าอีกเป็นกระบุง
ส่วนที่เหลือ 4 หน่อ อาจพลิ้วว่า ทำผิดหนแรก ปล่อยผ่านกันไปก่อน
ลงดาบจริง หรือได้แค่ขู่ ต้องจับตาดูกันต่อไป เรื่องนี้ “พ่อมดดำ” สุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ คนที่ 1 เคยหล่นความเห็นไว้ว่า กรณีพรรคการเมืองสอบสวน ส.ส.ที่ลงมติไม่เป็นไปตามมติพรรค ว่า ต้องมองในมุมของหลักการ และเจตนารมณ์ของ รธน. ต่อการทำหน้าที่ของ ส.ส.ด้วย โดย รธน.60 ได้บัญญัติเกี่ยวกับความเป็นอิสระ และเอกสิทธิ์ของ ส.ส.ไว้ในหลายส่วน
“สุชาติ” เตือนด้วยว่า หากสอบสวนและมีการลงโทษ ส.ส. ดีไม่ดี “ของเข้าตัว” พรรคต้นสังกัดอาจถูกร้อง “ยุบพรรค” ฐานกระทำขัด รธน. และขัดต่อ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560
จุดนี้น่าจะเป็นที่ไปที่มา ที่แต่ละพรรคเงื้อง่าราคาแพงไม่กล้าลงดาบ ส.ส.แหกคอกกันเสียที
ยิ่งหนนี้ “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” สมาชิกพรรค พปชร. ได้ “ดักคอ” ไว้แต่ต้น นำเรื่องการออกหนังสือขอให้ ส.ส.พรรคทุกคนลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ไปร้องต่อ กกต. ว่าข้อความในหนังสือพรรคเพื่อไทย อาจจะขัด รธน. ส่อเข้าข่าย “อาจเป็นปฏิปักษ์” ตามแนวที่ศาล รธน.เคยมีคำวินิจฉัยไว้ด้วย
ก็ต้องจับตาว่า แต่ละพรรค จะหาทางออกอย่างไร ทั้งต้องไม่เสียหน้า-เสียปกครอง แล้วยังต้องไม่เสี่ยงโดนยุบพรรคด้วย
** ใครเป็นใคร ในว่าที่ 7 อรหันต์ กสทช.
เป็นอันว่า การสรรหา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ทั้ง 7 ด้านชุดใหม่ได้ทราบผลกันไปแล้วเมื่อวันก่อน
ทบทวนกันอีกครั้ง ตามบัญชีรายชื่อในแต่ละด้าน ที่มีหนังสือรับรองจากบอร์ดสรรหา ก็มีดังนี้ 1. ด้านกิจการกระจายเสียง คือ “พลอากาศโท ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ” 2. ด้านกิจการโทรทัศน์ คือ “ศ.ดร.พิรงรอง รามสูต” 3. ด้านกิจการโทรคมนาคม “กิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ” 4. ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค “ศ.คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์”
5. ด้านการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน “ต่อพงศ์ เสลานนท์” และ 6. ด้านอื่นๆ ที่จะยังประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ กสทช. ด้านกฎหมาย คือ “ร้อยโท ดร.ธนกฤษฎ์ เอกโยคยะ”
และ ด้านเศรษฐศาสตร์ คือ “รศ.ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย”
ว่ากันว่า รอบนี้มีผู้สมัครทั้งสิ้น 78 คน ทั้ง 7 คน เบียดเอาชนะบรรดา “บิ๊กเนม” ตัวเก็งทั้งหลายตกขอบเวทีไปไม่น้อย เช่น “พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์” อดีต ผบ.ทอ., พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล อดีต รอง ผบ.ตร., พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด หรือ “เสธ.ไก่อู“” อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และ “ฐากร ตัณฑสิทธิ์” อดีตเลขาธิการ กสทช. เป็นต้น
ถามว่า 7 ว่าที่อรหันต์ กสทช. เป็นใคร? มาจากไหน เริ่มจากคนแรก “พลอากาศโท ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ” ไม่ใช่ใครไหนไกล แต่เป็นรองเลขาธิการ กสทช. ที่ดูแลสายงานกิจการภูมิภาค ผลงานล่าสุดคือการจัดประมูลดาวเทียมแบบแพกเกจ ซึ่งน่าเสียดายที่นาทีสุดท้ายต้องล้มการประมูลออกไปก่อน
คนที่สอง “ศ.ดร.พิรงรอง รามสูต” เป็นอาจารย์ประจำภาควิชาวารสารสนเทศ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ มีงานวิจัยสำคัญ อาทิ การกำกับดูแลเนื้อหาของสื่อใหม่ (New Media) ภายใต้ “โครงการศึกษาวิจัยการปฏิรูปสื่อ” ของมูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) สนับสนุนโดย กสทช.
คนที่สาม “กิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ” อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เคยมีประสบการณ์ทำงานผ่านมาทั้ง บริษัท ALTUS บริษัท AT&T รวมถึงเคยเป็น ผู้จัดการฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ แอสเซท พลัส จำกัด (มหาชน)
คนที่สี่ “ศ.คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์” เคยเป็น สนช. เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์, อายุรศาสตร์โรคหัวใจ ปัจจุบันเป็นแพทย์สาขาวิชาโรคหัวใจ คณะแพทย์ศาสตร์ รพ.รามาธิบดี นอกจากนี้ ยังนั่งเป็น กรรมการอิสระ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ กรรมการบริษัท พฤกษ์สุขสบาย จำกัด บริษัท สรณ คาร์ดิโอโลยี่ แอนด์ แอสโซซิเอท
คนที่ 7 ที่จะดูแลด้านการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน คือ "ต่อพงศ์ เสลานนท์" นั้น อดีตเป็นนายกสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย เคยเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการ กสทช. มาก่อนมีผลงาน ประธานคณะกรรมการจัดทำมาตรฐานผลิตภัณฑ์โทรคมนาคมสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ คณะทำงานกิจการกระจายเสียงบริการชุมชน
คนที่หก ด้านกฎหมาย “ร้อยโท ดร.ธนกฤษฎ์ เอกโยคยะ” รองผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ จบจากคณะนิติศาสตร์ รามคำแหง ปริญญาโท จาก The University of Auckland ประเทศนิวซีแลนด์ และ ปริญญาเอก (Doctor of Philosophy) ด้านกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา และเทคโนโลยีสารสนเทศ จาก The University of Southampton ประเทศอังกฤษ ได้ชื่อว่า เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา
คนที่เจ็ด ด้านเศรษฐศาสตร์ คือ “รศ.ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย” อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ การค้าระหว่างประเทศ เคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ ด้านเศรษฐกิจ ,ที่ปรึกษา รมว.คลัง
นี่คือโฉมหน้าว่าที่ 7 อรหันต์ กสทช.ที่ผ่านการรับรองจากบอร์ดสรรหา ซึ่งจะถูกเสนอรายชื่อไปยังวุฒิสภา เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ซึ่งจะมีเหตุให้ “ลุ้นระทึก” พลิกคว่ำคะมำอะไรอีกหรือไม่.. ต้องติดตามกันต่อไป