ส.ส.มหาสราคาม พท. แฉกลางสภาฯ ทุจริต VAT ซื้อเรือดำน้ำ กว่า 3 พันกว่าล้าน ชี้พิรุธ ทร.แอบอ้างนำรูป สีจิ้นผิง ตัดต่อภาพพิธีลงนามสัญญา แขวะ “ประวิตร” บิดาแห่งเรือดำน้ำ
วันนี้ (2 ก.ย.) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปรายว่า ตนขออภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 1. ปล่อยปละละเลย กระทำการทุจริตต่อหน้าที่ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต้่อรัฐธรรมนูญ กฎหมาย มติ ครม. จ่ายเงินจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ยังไม่มีสถานการณ์สู้รบใดๆ โดย พล.อ.ประยุทธ์ และพวกพ้อง ไม่ยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนโดยส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ใจดำ ทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน ไม่เห็นใจในความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชน ที่กำลังอดอยากจากสถานการณ์โควิด
“โดยจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 1 ไปแล้ว ส่วนลำที่ 2 และ 3 มูลค่า 22,500 ล้านบาท ยังไม่ได้ซื้อ แต่ยังเสนอเข้ามาใน พ.ร.บ.งบประมาณ ยังมีโครงการก่อสร้างโรงซ่อมเรือดำน้ำ โครงการก่อสร้างโรงเก็บอาวุธ ฯลฯ อีก รวมเป็นเงินกว่า 44,222 ล้านบาท ทั้งยังจัดทำจีทูจีเก๊ ซึ่งเป็นการลงนามระหว่างกองทัพเรือกับตัวแทนบริษัทเอกชน ไม่ได้ลงนามซื้อกับรัฐบาลจีน
นอกจากนี้ ยังมีการจัดซื้อเรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบก แต่เรือดังกล่าวที่ซื้อมียังไม่มีระบบอำนวยการรบ และระบบอาวุธ จนโดยกองทัพเรือได้ส่งหนังสือไปยังบริษัทเอกชนให้ติดตั้งระบบอำนวยการรบให้ พล.อ.ประยุทธ์ จะอ้างว่าไม่รู้เรื่องไม่ได้ เพราะท่านนั่งเป็นนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมาโดยตลอด”
จากนั้น นายยุทธพงศ์ ได้ฉายภาพการเซ็นสัญญาจัดซื้อเรือดำน้ำ ของกองทัพเรือโดยพบข้อพิรุธที่กองทัพเรือยังอาจไปแอบอ้างนำรูปประธานนาธิปดี สีจิ้นผิง มาตัดต่อกับภาพพิธีลงนามสัญญาซื้อเรือดำน้ำ ลำที่ 1 ระหว่างกองทัพเรือไทยกับบริษัท CSOC อีกภาพเป็นภาพงานพิธีเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปี กองทัพเรือจีน ซึ่งภาพ 2 ภาพ ไม่ได้มีความเชื่อมโยง และเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
นายุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีประเด็นกรณีการจ่าย VAT ค่าซื้อเรือดำน้ำ รวม 5 งวดงาน รวม 820 ล้านบาท ที่กองทัพเรือจ่ายให้กรมสรรพากรไทย คำถามคือ ในเมื่อเป็นการซื้ออาวุธ ยุทธภัณฑ์ ซึ่งตามประมวลกฎหมายรัษฎากรระบุยกเว้นค่าดำเนินการ หรือภาษีให้การจัดซื้อเรือดำน้ำที่นำเข้าโดยกองทัพเรือ เหตุใดกองทัพเรือจึงต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม เรื่องนี้คือการโกง หรือมีการทุจริตหรือไม่
ต่อมาคือโครงการสร้างท่าจอดเรือดำน้ำ กองทัพเรือให้บริษัท CSOC เข้ามาทำ ทั้งที่เมื่อเข้าไปดูรายละเอียดในการสร้างแล้วผู้รับเหมาไทย หรือกรมโยธาประเทศไทย ก็ทำได้ เช่น มีการขุดลอก และทำเขื่อนกันคลื่น มีการก่อสร้างห้องน้ำห้องส้วม 2 หลัง มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท นี่เราต้องให้บริษัทจีนเข้ามาสร้างห้องน้ำให้แล้วหรือ อย่างไรก็ตาม บริษัทแห่งหนึ่งของไทย บริจาคเงินให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ซึ่งเป็นบิดาแห่งเรือดำน้ำไทย โดยประธานบริษัทนี้มีความเชื่อมโยงกับบริษัท CSOC นายกฯ ต้องให้ พล.อ.ประวิตร มาตอบเรื่องนี้ ใบเสร็จคือ การที่บริษัท CSOC ไม่ต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม ภ.พ. 36 หรือ VAT เพราะการจัดซื้อเรือดำน้ำในโครงการนี้ทั้งหมด ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มเพราะเป็นยุทธภัณฑ์ที่ใช้ในราชการของกองทัพเรือ มูลค่าโครงการจัดหาเรือดำน้ำของกองทัพเรือไทย มูลค่า 44,222 ล้านบาท
“สุดท้าย เมื่อพิสูจน์ได้ว่าบริษัท CSOC ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ภ.พ. 36 ประมาณ 3,095 ล้านบาท บริษัท CSOC ก็สามารถมาขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากกรมสรรพากรได้อีกกว่า 3,000 ล้านบาท สุดท้าย รัฐบาลไทยภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ร่วมมือกับบริษัทต่างชาติ โกงเงินภาษีประชาชนไปได้อีก 3,000 ล้านบาท ฟรีๆ สรุป พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม บริหารราชการแผ่นดินโดยไม่สุจริต มีพฤติการฉ้อฉล ทุจริตต่อหน้าที่ และจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ปล่อยปละละเลยให้มีการเสนอและใช้จ่ายงบประมาณในการใช้จ่ายเพื่อซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์อย่างต่อเนื่อง”