“รสนา” ตั้งคำถามองค์การเภสัชกรรม ทำสัญญาจัดซื้อ ATK กับ “เวิลด์ เมดิคอล” แทน “ออสแลนด์” ผิดกฎหมายหรือไม่ เพราะบริษัทที่เซ็นสัญญากับบริษัทที่ประมูลได้เป็นคนละนิติบุคคลกัน เรียกร้องกรมบัญชีกลาง และ สตง. เข้าตรวจสอบ
วันนี้ (1 ก.ย.) น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา และผู้เสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก รสนา โตสิตระกูล ว่า องค์การเภสัชกรรมทำสัญญาจัดซื้อ ATK กับ “บริษัท เวิลด์ เมดิคอล” แทน “ออสแลนด์” ผิดกฎหมายหรือไม่
เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2564 องค์การเภสัชกรรม (จีพีโอ/อภ) ลงนามสัญญาซื้อ ATK 8.5 ล้านชุด ให้ สปสช.และโรงพยาบาลราชวิถีแล้ว ที่น่าแปลกใจคือเป็นการลงนามทำสัญญากับ “บริษัท เวิลด์ เมดิคอล อัลไลแอนซ์ ประเทศไทย จำกัด” ทั้งที่ในข่าววันที่ 11 ส.ค. 2564 ขององค์การเภสัชกรรม ระบุว่า บริษัทที่ชนะประมูล เพราะเสนอราคาต่ำสุด คือ “บริษัท ออสแลนด์ แคปปิตอล” ไม่มีชื่อของบริษัท เวิลด์ เมดิคอล ปรากฏมาก่อน
การที่บริษัทที่เป็นคนละนิติบุคคลกับบริษัทที่ชนะประมูลสวมสิทธิมาเป็นคู่สัญญากับรัฐแทนนั้น น่าจะไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 หรือไม่
ตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ 2560 ในมาตรา 64 ระบุถึงคุณสมบัติของผู้เข้าประมูลการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐนั้นต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม โดยให้หน่วยงานของรัฐกําหนดเป็นเงื่อนไขในประกาศและเอกสารเชิญชวนว่าผู้ที่จะเข้ายื่นข้อเสนอต้องแสดงหลักฐานถึงขีดความสามารถและความพร้อมที่ตนมีอยู่ในวันยื่นข้อเสนอด้วย
การที่ออสแลนด์ แคปปิตอลยอมให้เวิลด์ เมดิคอล มาสวมสิทธิเซ็นสัญญากับรัฐ จะแสดงว่า บริษัท ออสแลนด์ ขาดคุณสมบัติและความสามารถในการจัดหา ATK และจัดส่งให้กับองค์การเภสัชกรรมตามสัญญาที่ประมูล ใช่หรือไม่
หาก จีพีโอ จะอ้างว่าตนเองเป็นรัฐวิสาหกิจที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างฯ ตามข้อยกเว้นในมาตรา 7(1) (2)
มาตรา 7 พระราชบัญญัตินี้มิให้ใช้บังคับแก่
(1) การจัดซื้อจัดจ้างของรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวกับการพาณิชย์โดยตรง
(2) การจัดซื้อจัดจ้างยุทโธปกรณ์และการบริการที่เก่ียวกับความมั่นคงของชาติโดยวิธีรัฐบาลต่อรัฐบาลหรือโดยการจัดซื้อจัดจ้างจากต่างประเทศที่กฎหมายของประเทศนั้นกําหนดไว้เป็นอย่างอื่น
แต่อย่างไรก็ดี การยกเว้นนั้นก็เป็นเพียงการยกเว้นในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างเท่านั้น แต่จะไม่ได้รับการยกเว้นให้สามารถยินยอมให้นิติบุคคลอื่นที่ไม่ได้ชนะประมูลมาสวมสิทธิเป็นคู่สัญญากับองค์การเภสัชกรรมแทนได้
กรณีดังกล่าวจึงมีข้อพิจารณาว่าเป็นการจัดซื้อจัดจ้างที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ที่องค์การเภสัชกรรมต้องตอบสังคมให้ชัดแจ้ง
ดิฉันเคยเขียนสนับสนุนการใช้ ATK มาตรวจเชื้อเชิงรุกตั้งแต่เกิดคลัสเตอร์ที่คลองเตยเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2564 เพื่อแยกผู้ติดเชื้อออกมารักษาให้เร็วที่สุด เมื่อแยกผู้ติดเชื้อบวกออกมา แล้วตรวจซ้ำด้วย RT PCR จะเป็นการตรวจเชิงรุกที่ประหยัด มีประสิทธิภาพ และแยกผู้ติดเชื้อได้เร็วที่สุด
ดังนั้น อุปกรณ์ ATK สำหรับตรวจเชื้อเชิงรุกอย่างรวดเร็วต้องมีความแม่นยำ ไม่เกิดผลลบลวงซึ่งสำคัญที่สุด เพราะจุดประสงค์ของการตรวจเชิงรุกด้วย ATK คือ การแยกผู้ติดเชื้อออกจากผู้ไม่ติดให้เร็วที่สุดเพื่อหยุดการแพร่ระบาด
นอกจาก ATK ต้องมีประสิทธิภาพ และมีราคาที่เหมาะสม ซึ่งเป็นประเด็นที่ดิฉันเคยให้ความเห็นว่าราคากลางที่ อภ.ตั้งไว้สูงเกินไปสำหรับ ATK ที่ประมูลชนะในครั้งนี้ เพราะราคาตลาดที่รับรู้กันทั่วไปของ ATK ยี่ห้อนี้ มีราคาแค่ 30 กว่าบาท นอกจาก อภ.ไม่ได้สนใจคำทักท้วงดังกล่าวในการจัดซื้อในราคาที่เหมาะสม ทั้งที่ อภ.มีสิทธิทำได้ ตามกรอบในแบบยื่นซองเสนอราคาขององค์การเภสัชกรรม มีการสงวนสิทธิ์ในข้อ 4.1 ผู้เสนอราคาไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อหนึ่งข้อใด องค์การเภสัชกรรมจะไม่พิจารณาซื้อหรือพิจารณาซื้อรายถัดไป แล้วแต่จะเห็นสมควร และ 4.2 องค์การเภสัชกรรมทรงไว้ ซึ่งสิทธิ์ที่จะลดหรือเพิ่มจำนวน จะงดซื้อหรือเลือกซื้อโดยไม่จำเป็นต้องซื้อจากผู้เสนอราคาต่ำสุดเสมอไป รวมทั้งสงวนสิทธิ์ที่จะพิจารณายกเลิกการเสนอราคาเพื่อประโยชน์ขององค์การเภสัชกรรมเป็นสำคัญ ซึ่งแสดงว่าองค์การเภสัชกรรมสามารถยกเลิกการประมูลในครั้งนี้ได้
นอกจากจีพีโอจะไม่พิจารณาในเรื่องราคาที่เหมาะสมแล้ว เมื่อทำสัญญาจีพีโอก็มีการปล่อยให้บริษัทที่ไม่ใช่ผู้ชนะประมูลมาสวมสิทธิเซ็นต์สัญญากับรัฐ ซึ่งมีความผิดปกติว่ามีอะไรที่ซ่อนเร้นอยู่ ใช่หรือไม่
ดิฉันจึงขอเรียกร้องให้กรมบัญชีกลาง และ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง) ที่เป็นองค์กรตรวจสอบภายในหน่วยงานภาครัฐเข้ามาตรวจสอบกรณีนี้ว่าเป็นการจัดซื้อจัดจ้างที่โปร่งใส ราคาเป็นธรรมต่อเงินของแผ่นดิน และถูกต้องตามบทบัญญัติของกฎหมายหรือไม่