“รสนา” เรียกร้องนายกฯ สั่งให้ อภ.ประมูลราคา ATK Lepu ใหม่ ให้ต่ำกว่าชิ้นละ 70 บาท เพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัยเรื่องการแสวงหาประโยชน์ทำให้รัฐเสียหาย และถูกร้องเรียนในภายหลังได้
วันนี้ (18 ส.ค.) น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา และผู้เสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก รสนา โตสิตระกูล เป็นจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี สำเนาเรียนถึงรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (ผอ.อภ.) เรื่อง ขอให้มีคำสั่งให้ อภ.มีการประมูล ATK Lepu ใหม่เพื่อต่อรองราคาต่ำลง มีรายละเอียดระบุว่า
ตามที่องค์การเภสัชกรรมได้เปิดประมูล Antigen Rapid Test Kit และได้คัดเลือกผู้ชนะคือ ATK Lepu ผลิตภัณฑ์ของ บริษัท ออสท์แลนด์ แคปปิตอล จำกัด โดยผู้แทนจำหน่ายคือ บริษัท เวิลด์ เมดิคอล อัลไลแอนซ์ (ประเทศไทย) ที่ชนะการเสนอราคา มีคุณภาพได้มาตรฐานตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กำหนดและได้มีหนังสือยืนยันคุณภาพอีกครั้งมาแล้วนั้น
ปรากฏว่า ราคาสินค้าแบรนด์ ATK Lepu ในตลาดนั้นมีราคาเพียง 1 เหรียญสหรัฐ ซึ่งต่ำกว่าราคากลางที่กำหนดไว้ที่ 120 บาท สินค้า ATK Lepu ของบริษัท อาลีบาบา โฆษณาขายจำนวน 1 ล้านชิ้น ในราคา 33.32 บาท เมื่อรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 2.33 บาทราคาเพียง 35.65 บาทเท่านั้น และบริษัท อาลีบาบา ยังระบุว่า สามารถต่อรองราคาได้หากซื้อจำนวนมากกว่า 50,000 ชิ้นขึ้นไป การจัดซื้อขององค์การเภสัชกรรมจำนวน 8.5 ล้านชิ้น ย่อมสามารถต่อรองราคาได้ต่ำกว่า 70 บาทอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ในการสืบราคา ATK ที่ขายทั่วไปในประเทศเยอรมันมีราคาขายปลีกตามร้านทั่วไปเพียง .89 ยูโร หรือเทียบเงินไทยเพียง 34 บาท หากซื้อในจำนวน 8.5 ล้านชิ้น แม้จะบวกค่าโสหุ้ยและค่าบริหารจัดการอื่นๆ ราคาจะไม่ถึง 70 บาทอย่างแน่นอน
จึงขอให้เรียกร้องท่านนายกรัฐมนตรีใช้อำนาจบริหารในการสั่งหยุดการทำสัญญาซื้อ ATK Lepu และให้เปิดประมูลใหม่ โดยมีบริษัทอื่นที่เสนอขาย ATK Lepu ในราคาใหม่ที่ต่ำกว่าเดิม หรือให้มีการเจรจาต่อรองให้ได้ราคาต่ำที่สุดเพื่อรักษาผลประโยชน์ของรัฐ การปล่อยให้ อภ.ทำสัญญาจัดซื้อ ATK Lepu ในราคา 70 บาท แม้จะอ้างว่าต่ำกว่าราคากลางที่กำหนดไว้ที่ 120 บาทนั้น อาจถูกตั้งข้อสงสัยเป็นการหาประโยชน์ส่วนต่างโดยมิชอบเพราะสาธารณชนรับรู้ว่า ATK Lepu ราคาขายต่ำกว่า 70บาทอยู่แล้ว หากองค์การเภสัชกรรม จัดซื้อในราคาสูงกว่าตลาดมาก ย่อมถือว่าเป็นการกระทำไปโดยขาดความรอบคอบในการรักษาประโยชน์ของประเทศชาติ
หากท่านนายกรัฐมนตรี และผู้บริหารไม่หยุดยั้งการทำสัญญาที่ทำให้รัฐเสียประโยชน์ หรือเสียค่าโง่ในภายหลัง โดยปล่อยให้มีการทำสัญญาจัดซื้อสินค้าที่รู้ชัดเจนว่ามีราคาแพงกว่าราคาที่จัดซื้อได้นั้น จะถือได้ว่าเป็นการจงใจทำให้รัฐได้รับความเสียหาย ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 157
จึงขอเรียกร้องต่อท่านนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข และปลัดกระทรวงสาธารณสุขซึ่งมีฐานะเป็นประธานบอร์ดองค์การเภสัชกรรม รวมทั้ง ผอ.องค์การเภสัชกรรมในการยุติการทำสัญญาจัดซื้อ ATK Lepu ออกไปก่อน และให้มีการประมูลราคาใหม่ เฉพาะแบรนด์ Lepu หากเห็นชอบในมาตรฐานแล้ว แต่ควรมีการประมูลราคาใหม่ หรือเลือกการต่อรองราคาให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัยในการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ที่ทำให้รัฐเสียหาย และจะถูกร้องเรียนในภายหลังได้