“บิ๊กตู่” สวนกลับ “เสรีพิศุทธ์” ประสบการณ์แค่ ผบ.ตร. แต่ตนเป็นถึงนายกฯ ยันไม่ใช้งบฯ ปูฐานการเมือง แต่ใช้แก้สถานการณ์โควิด ตามระเบียบขั้นตอน ชี้ ครม.พร้อมแจง ถ้ามีเงินทอนวัคซีนไปหามาว่าเงินเข้ากระเป๋าใคร ลั่น รับแต่เงินเดือน – สวดมนต์ทุกวันไม่ทำเรื่องผิด ฮึ่ม! หาตัวคนอยู่เบื้องหลังม็อบ ยันไม่เคยสั่ง ตร.ใช้กระสุนจริง
วันนี้(31 ส.ค.) เวลา 13.48 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงสภาภายหลัง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อในฐานะหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยอภิปราย ว่า “ผมจำเป็นต้องชี้แจงในช่วงนี้เพราะถือว่าในฐานะท่านเป็นรุ่นที่ผม หลายอย่างรู้สึกว่าคิดไม่ตรงกันเท่าไหร่ อาจจะเนื่องจากประสบการณ์ที่ต่างกัน เพราะท่านเป็นแค่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่ผมเป็นนายกรัฐมนตรี ที่ท่านอ้างว่าผมไม่รู้เรื่องนู้นเรื่องนี้ ซึ่งในการจัดทำงบที่ท่านบอกว่ารัฐบาลทำแบบขาดดุลไม่มีความก้าวหน้า ใช้เงินเพื่อปูพื้นฐานทางการเมือง ท่านรู้ดีเหลือเกิน เพราะผมไม่เคยทำแบบนี้ งบเอามาใช้ตามสถานการณ์โควิด–19 ทั้งสิ้น ส่วนงบกลางก็เป็นแผนการใช้จ่ายตามระเบียบ ผมไม่สามารถไปชี้นิ้วอะไรได้เลย ทุกอย่างผ่านการกลั่นกรองตรวจสอบทุกประการ ผมไม่อยากมีปัญหาแบบก่อนหน้านั้นที่มีเรื่องทุจริต อย่างไรก็ตาม สถานะทางการการเงินของประเทศไทยในระดับประเทศยังดีอยู่มาก เวิลด์แบงก์ประเมินสถานะการเงิน การคลัง ของไทยยังดีอยู่เช่นเดิม การจะกู้หรือจะใช้เงินเขารับรองให้เราหมด เราจะทำเท่าที่จำเป็นในสถานการณ์โควิด - 19”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้เราต้องใช้โอกาสที่บ้านเมืองเราสงบสุข มีเสถียรภาพ มีความมั่นคง ไม่ใช่สนับสนุนให้มีความวุ่นวาย วันนี้มีการตรสจสอบอยู่ว่าเป็นใครที่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย ในส่วนของรัฐบาลทำหน้าที่ฝ่ายบริหาร ตำรวจก็ฝ่ายบริหาร และเราอย่าลืมอีก 2 อำนาจ คือ อำนาจนิติบัญญัติ และอำนาจตุลาการ รัฐบาลกับตำรวจก็ทำเต็มที่ การที่บอกว่าใช้อำนาจกับประชาชนกับเด็ก ถามว่าใช่ที่ที่ควรจะไปหรือไม่ “ท่านบอกว่าผมใช้อาวุธ แต่ผมไม่เห็นตำรวจใช้อาวุธจริงสักคน ท่านมองไม่ออกหรือว่าอันไหนอาวุธจริงหรืออาวุธปลอม อันไหนกระสุนจริง กระสุนปลอม มีแต่ตำรวจถูกยิงทุกวัน แล้วทำไมถึงบอกว่าตำรวจใช้ความรุนแรง ซึ่งขัดแย้งกับความเป็นจริง ดังนั้น อย่าไปเลือกดูภาพในโซเชียลมีเดีย เพราะขึ้นอยู่กับฝ่ายไหนจะเอาออกมา แต่ยืนยันว่าไม่มีการสั่งการให้ตำรวจใช้อาวุธจริง ก็คอยดูต่อไปว่าใครเป็นผู้ที่ทำให้เรื่องเกิดขึ้นมาก่อน และด้วยแรงสนับสนุนจากใคร นี่คือสิ่งที่รัฐบาล และประเทศไทยต้องระมัดระวังที่สุด”
ส่วนที่บอกว่ารัฐบาลมีมาตรการต่างๆ ออกมาเพื่อให้ประชาชนรักนั้น อยากบอกว่าตนจะอยู่ต่อหรือไม่อยู่ ขึ้นอยู่กับกระบวนการประชาธิปไตย ตนไม่สามารถไปหลอกล่อใครได้ ตอนนี้ประชาชนเปิดหูเปิดตามากขึ้นแล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนนึกถึงประชาชนทุกวัน ที่ต้องทำงานเงอร์กฟรอมโฮม และต้องกักตัว 14 วันจริงๆ เพราะคนที่ถ่ายรูปข้างตนติดโควิด ตนทำงานทุกวันที่ทำเนียบรัฐบาล แต่เป็นการประชุมออนไลน์คุยกันผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ติดต่อกันทุกวัน การทำงานเป็นแบบนี้ วันนี้เป็นโลกยุคใหม่แล้ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องเงินทอนการจัดซื้อวัคซีน ท่านไปหามาว่าใครได้ ผมยอมรับการตรวจสอบทุกชนิด อย่าบอกว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่ถูกตรวจสอบ ที่ผ่านมามีการตรวจสอบทั้งหมด ผมคิดว่าท่านเข้าใจอะไรไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่ และที่บอกว่าท่านใช้เงินส่วนตัวช่วยเหลือประชาชนมากว่าผม ทุกวันนี้ผมรับแต่เงินเดือน ไม่มีลูกหลานทำธุรกิจอะไรใช้แต่เงินเดือนเท่านั้น และผมสวดมนต์ทุกวัน ดังนั้นจะไม่ทำอะไรที่ผิด ที่จริงตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่ผมต้องชี้แจงที่ต้องพูดเพราะเห็นว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เป็นพี่ แต่ท่านก็ตำหนิน้องท่านมากไปหน่อย จะให้ฝ่ายค้านมาชมผมก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่อยากให้คำนึงถึงความจริง
“อยากฝากไปถึงประชาชนที่ฟังอยู่ ให้ดูหน้าผม ผมพูดจากหัวใจ จากสมองที่ท่านบอกว่าน้อยนิดของผม แต่ท่านอย่าลืมว่าผมมีประสบการณ์ 6 – 7 ปีมาแล้ว นี่คือความแตกต่างที่ผมอาจจะรู้มากกว่าท่าน ส่วนเรื่องโควิดกับเศรษฐกิจก็ต้องว่ากันต่อไป ส่วนเรื่องการบริหารจัดการวัคซีน เราพยายามแก้ปัญหามาตลอด รายละเอียดต่างๆ รองนายกฯ พร้อมชี้แจงอยู่แล้ว ผมยืนยันรัฐบาลทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ เป็นห่วงเป็นใยประชาชน และพิจารณาตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นระยะมาตลอด ตอนที่รองนายฯ ชี้แจงขอให้ท่านฟังด้วยก็แล้วกัน ถ้าไม่ใช่ก็ตรวจสอบ แต่ถ้าไปพูดข้างนอกอาจจะมีปัญหา ผมไม่ได้ขู่ เพราะแม้จะเป็นการพูดในสภาก็ต้องระมัดระวังเหมือนกัน” นายกฯ กล่าว