“วิชา มหาคุณ” ยกคำพิพากษาศาลฎีกา ชี้ การนำถุงดำคลุมหัวมีเจตนาฆ่า ขออย่าปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือ หลังคดีดังกล่าวสะท้อนประชาชนไม่มั่นใจในกระบวนการยุติธรรม
วันนี้ (27 ส.ค.) นายวิชา มหาคุณ กรรมาธิการและที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ ระบุถึงกรณี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ หลังสังคมยังเคลือบแคลงสงสัย ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม โดยเกรงว่า อาจมีการช่วยเหลือกันหรือไม่ เนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจ
“ขอใช้คำว่าอย่าปิดเแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือ เพราะเป็นการเปิดโปงกระบวนการทั้งหมด ว่า มีการกระทำเป็นอย่างไร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของการใช้สื่อโซเชียลมีเดีย โดยหลังจากเกิดเหตุ มีการถอดกล้องวงจรปิดออกหมด แต่ก็ยังมีเจ้าหน้าที่ที่ไม่เห็นด้วยและทนไม่ไหว ได้แจ้งข้อมูลและส่งคลิปภาพมาเปิดเผย หากไม่ใช่คนวงในก็คงจะไม่มีข้อมูลที่มาเปิดเผย ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความไม่เห็นด้วยของทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจ เหมือนกับการเปลือยล่อนจ้อนว่า การกระทำนั้นเป็นอย่างไรบ้าง มันเหมือนพายุร้ายที่กวาดล้าง จะเรียกว่า กวาดล้างความไม่ดีงามต่างๆ โซเชียลมีเดีย มีอิทธิพลสำคัญ เพราะเดี๋ยวนี้ประชาชนหรือคนในวงการก็ดีเขาทนไม่ไหว” นายวิชา กล่าว
นายวิชา ย้ำว่า แนวทางการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของทั่วโลกในขณะนี้ ใช้หลักในการแจ้งเบาะแสแจ้งข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นบุคคลใด หากมีข้อมูลมีการถ่ายคลิปผ่านทางมือถือก็สามารถส่งข้อมูลเพื่อป้องปรามการทุจริตและเป็นหลักฐานซึ่งทั่วโลกให้การยอมรับ ส่วนกระบวนการในการสอบสวนที่ผ่านมามีการใช้ถุงดำคลุมหัวแบบในคลิปที่ปรากฏหรือไม่ รวมทั้งผู้กระทำความผิดมีการออกมาชี้แจงว่าไม่ได้มีเจตนาในการฆ่านั้น อยากให้ย้อนไปดูคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ 5332/60 ซึ่งพิพากษาไว้ในหลักการและลักษณะที่ชัดเจน โดยวินิจฉัยว่า การนำถุงคลุมหัวย่อมแสดงให้เห็นชัดเจนว่า ผู้กระทำย่อมเล็งเห็นว่า ผู้ถูกกระทำย่อมขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตได้ จึงวางหลักในคดีไว้ว่า จำเลยจึงมีเจตนาฆ่า ซึ่งกรณีนี้มีความชัดเจนอยู่แล้ว ส่วนกระบวนการหลังจากนี้ก็คงต้องติดตามการทำงานของคณะกรรมการในการสืบสวนสอบสวน ซึ่งส่วนตัวมองว่า มีความผิดปกติเนื่องจากการสอบสวนนั้น จะต้องดำเนินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งต้องอาศัยกระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ และกระบวนการอื่นๆ ในการพิจารณาร่วมกันเพื่อค้นหาความจริงว่ามีใครร่วมมือหรืออยู่เบื้องหลังและมีการทำแบบนี้ก่อนหน้านี้หรือไม่
นายวิชา เห็นด้วยว่า การปฏิรูปตำรวจนั้นจำเป็นที่ต้องมีการปฏิรูปกระบวนการในการสอบสวนควบคู่ไปด้วยกัน ซึ่งร่างพระราชบัญญัติสอบสวนคดีอาญา ที่ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน ได้ส่งเรื่องมาแล้วขณะนี้อยู่ชั้นการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ซึ่งกระบวนการก็พยายามเร่งเพื่อเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯโดยเร็ว