ข่าวปนคน คนปนข่าว
**งานนี้ถือว่าพลาด “หมอแล็บแพนด้า” หัวหมู่หวังจะปลุกดรามา “ถอนงานวิจัย” ด้อยค่าฟ้าทะลายโจร สุดท้ายแพ้ภัยความจริง
เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา มีเพจดังอย่าง “หมอแล็บแพนด้า” ได้แชร์โพสต์ของ “นพ.ภาสกร วันชัยจิระบุญ” ผู้ช่วยเลขาธิการแพทยสภา ที่ออกมาระบุว่า 1 ใน 4 paper ฟ้าทะลายโจรขอถอน.. พร้อมกันนั้น “หมอแล็บฯ” ได้แสดงความเห็นของตัวเองว่า “งานวิจัยฟ้าทะลายโจรชิ้นนี้ ถูกถอดออกไปแล้วนะครับ เพราะคำนวณสถิติผิดพลาด สรุปที่ถูกต้องสำหรับงานวิจัยนี้ คือ ฟ้าทะลายโจรไม่แตกต่างจากยาหลอก”
เรียกว่า ใครได้อ่านก็ต้องคิดไปในทางเดียวกันว่า หมอดังของโลกโซเชียลฯ ใช้ประโยชน์จากคำพูดของ นพ.ภาสกร มาตีปี๊บดิสเครดิต สมุนไพรฟ้าทะลายโจรที่ตอนนี้มีผู้ใช้รักษาอาการป่วยจากโรคระบาดให้หายได้ไป โดยคำที่บอกว่า “ฟ้าทะลายโจรไม่แตกต่างจากยาหลอก” ดูยังไงก็คือคำพิพากษาชัดๆ
เมื่อ “หมอแล็บฯ” ทำตัวเป็นหัวหมู่ด้อยค่าฟ้าทะลายโจรขนาดนี้ แน่นอนบรรดาแฟนคลับและติ่งทั้งหลายย่อมกระโจนเข้างับเอาไปแพร่ต่อๆ กัน ขยี้ซ้ำร้องเย้วๆ ตามหัวหมู่ บางรายถึงกับกล่าวหา ฟ้าทะลายโจร เป็นยาผีบอก เป็นความเชื่อ ที่มีแต่คนโบราณเชื่อและใช้กัน … บูลลี่สมุนไพรไทย แบบได้ทีขี่แพะไล่
หลังจากกลายเป็นดรามาขึ้นมา “พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์” อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ก็ได้ออกมาไขปมกรณีการถอนงานวิจัยฟ้าทะลายโจร ที่อยู่ระหว่างรอตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ ว่า เพราะทีมงานวิจัยพบข้อผิดพลาดเรื่องตัวเลขเล็กน้อย จึงได้ดึงข้อมูลตัวนี้กลับมา และถอนงานวิจัยออกมาเอง “ไม่ได้ถูกปฏิเสธ” หรือถูกส่งคืนกลับมาจากวารสารแพทย์ และผลการวิจัย เนื้อหาเกือบทั้งหมดยังคงเป็นไปตามรายงานฉบับแรกที่ถอนกลับมา เมื่อได้ปรับปรุงตัวเลขดังกล่าวให้ถูกต้องแล้ว ก็จะส่งกลับไปตีพิมพ์ที่วารสารเดิมต่อไป พร้อมยืนยันว่า “ฟ้าทะลายโจรไม่มีผลข้างเคียงต่อระบบตับ ไต”
เท่ากับ ประเด็นเรื่อง “ถอน” งานวิจัยมีความชัดเจนขึ้นมา คงไม่ต้องพูดอะไรกันอีก ก็คงหลงเหลือดรามา ที่ “หมอแล็บแพนด้า” สรุปฟันธงไว้ว่า “ฟ้าทะลายโจรไม่แตกต่างจากยาหลอก” หรือ พูดง่ายๆ ว่า ใช้ฟ้าทะลายโจรไม่ได้ผล
ปรากฏว่า พอย้อนไปดูที่เพจหมอคนดังได้ลบโพสต์นี้ไปแล้ว โดยไม่ได้บอกกล่าว แต่เท่าที่ทราบมาว่า อาจจะรับไม่ได้กับความจริงที่มีคนจำนวนมาก เข้าไปถล่มแสดงความเห็นว่า พวกเขาใช้ฟ้าทะลายโจร แล้วได้ผล!!
ขณะที่มีตัวอย่างที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ เป็นรายงานข่าวมาตลอด ทั้งก่อนหน้านี้ กรมราชทัณฑ์ ที่ใช้ฟ้าทะลายโจร รักษาผู้ป่วยที่เป็นผู้ต้องขังได้ผลกว่า 99% ต่อมา คลัสเตอร์หลายคลัสเตอร์ก็ใช้แล้วหาย ชาวบ้าน วัด โรงงาน ประชาชนทั่วไป ยืนยันจากการใช้ด้วยตัวเองมีกรณีตัวอย่างตามมาอีกหลากหลาย ซึ่งก็ไม่รู้ “หมอแล็บแพนด้า” ไปอยู่ไหนมา ไม่ได้ยินได้ฟังความจริงเหล่านี้
ต้องบอกว่า มีคนบางกลุ่มที่พยายามด้อยค่าฟ้าทะลายโจร เพื่อให้เข้าทางยา “ฟาวิพิราเวียร์” ถูกดันเป็นพระเอกโดดเด่นแต่เพียงผู้เดียว กับอีกกลุ่มที่มีวาระซ่อนเร้น เพื่อล็อกสเปก “สารสกัด” ที่มี แอนโดรกราโฟไลด์ ให้ได้ 180 มก./วัน ล็อกฟ้าทะลายโจรให้เข้าทางนายทุน ด้วยการปฏิเสธการพึ่งพา “ผงบดหยาบ” หรือ การพึ่งพาตนเองตามวิถีภูมิปัญญาชาวบ้าน ซึ่งพวกนี้ก็เป็นอีกหนึ่งที่ผสมโรงเข้ามา
แต่ คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต ! เรื่องสรรพคุณ และการใช้ประโยชน์ฟ้าทะลายโจรในชั่วโมงนี้ ดังมีตัวอย่างจริง พิสูจน์ยืนยัน ถือเป็นเกราะป้องกันของสมุนไพรไทยได้ด้วยตัวเอง
พวกที่พยายามด้อยค่า สุดท้ายก็แพ้ภัยความจริง ไปไม่เป็นกัน
งานนี้ “หมอแล็บแพนด้า” จึงถือว่า พลาดที่ฟาดฟ้าทะลายโจรไม่ดูตาม้าตาเรือ !
**หมอ พยาบาล ด่านหน้า ถือป้ายขอบคุณ “โจ ไบเดน” ที่บริจาควัคซีนเทพ มาให้ได้ฉีดเป็นเข็ม 3 แต่บางคนมองว่าขอบคุณผิดคน...“ลุงตู่” ต่างหากที่ควรได้รับคำขอบคุณ หลังมีดีลซื้ออาวุธแล้วได้ไฟเซอร์เป็นออปชันเสริม
เป็นที่รับรู้กันว่าประเทศไทย ได้รับบริจาควัคซีน “ไฟเซอร์” จากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ผ่านทางสถานเอกอัครราชทูตฯ รวมประมาณ 2.5 ล้านโดส โดยล็อตแรกมาถึงประเทศไทยแล้ว 1.5 ล้านโดส เมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา
ขณะนี้วัคซีนล็อตดังกล่าว ถูกนำไปจัดสรรเพื่อฉีดให้เแก่บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ปฏิบัติการ “ด่านหน้า” เป็นวัคซีนเข็ม 3 กระตุ้นภูมิคุ้มกัน หลังได้รับ “ซิโนแวค” ไป 2 เข็มแล้ว ... ซึ่งก็มีเรื่อง ดรามา ที่โพสต์กันในโซเชียลฯ หลากหลายแนว มีทั้งเรื่องตัดพ้อต่อว่า ที่ได้รับวัคซีนไม่เพียงพอกับบุคลากร... โรงพยาบาลบางแห่งโอดครวญว่าได้โควตาเพียงครึ่งเดียวของจำนวนคนที่ต้องฉีด … หรือคนที่ได้ฉีดไปแล้ว เมื่อโพสต์ขึ้นโซเชียลฯ ก็ถูกตั้งข้อสังเกตว่า เป็นบุคคลที่อยู่ในข่ายที่จะได้รับการฉีด “ไฟเซอร์” หรือไม่ ...เป็นพวก “ด่านหน้า” หรือพวก “หน้าด้าน” ที่อาศัยเส้นสายกันแน่
และที่แชร์กันว่อนเมื่อวันก่อน ก็คือ ภาพของผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีน “ไฟเซอร์” ถือป้าย “ขอบคุณ โจ ไบเดน” ที่บริจาควัคซีนล็อตนี้มาให้
โดยป้ายดังกล่าว มีรูปแบบคล้าย การ์ดงานบวช งานแต่ง ที่คนไทยคุ้นเคย แต่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย มีข้อความ ระบุว่า “นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา มอบวัคซีน Pfizer ให้บุคลากรทางการแพทย์”
มีการแชร์ต่อ และมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ชาวเน็ตบางรายมีการตัดต่อภาพให้ “โจ ไบเดน” สวมชุดผ้าไหม อีกด้วย
อวยว่า เป็นป้ายที่ขอบคุณถูกคนแล้ว !? เพราะประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นผู้บริจาคไฟเซอร์ให้กับประเทศไทย … บ้างก็แซวว่า ป้ายขอบคุณเนี่ย ออกแบบมาสไตล์เหมือนงานบุญ งานกฐิน แปะหน้าเจ้าภาพบนซองผ้าป่า อะไรทำนองนี้ มองในเชิงดูตลกขำๆ กันไป
ก็อย่างว่าแหละ ตามนิสัยคนไทยในยามหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ ใครยื่นมือมาช่วยเหลือ ก็ต้องแสดงความขอบคุณ ขอบใจ ไม่ได้มองเป็นอื่น ถึงตัวเองไม่ได้ฉีดก็อดแสดงความยินดีด้วยไม่ได้ ...
แต่ก็อย่างว่า โซเชียลฯไทยยุคนี้ มีคนเห็นคล้อย ก็ย่อมมีคน “เห็นต่าง” ตั้งข้อสังเกตในเชิงว่า เป็นเพราะไฟเซอร์ล็อตนี้ “ตกรุ่น” แล้ว .. เอาเชื้อ “เดลตา” ไม่อยู่แล้ว...สหรัฐฯ ถึงได้ทำเป็นใจดี บริจาคมาให้
บ้างก็ว่า รู้นิสัย “มะกัน” ดี ไม่มีทางที่จะให้เปล่า ...คุณหมอคงไม่ได้ดูข่าว ว่าเขามี “ดีลซื้ออาวุธกัน” ถึงได้พ่วง “ไฟเซอร์” มาในออปชัน แต่ยังต้องการให้เป็น “บุญคุณ” ต่อกัน จึงต้องบอกว่าเป็นวัคซีนบริจาค … บางคนรู้ลึกขนาดที่ระบุว่า เป็นออปชันเสริมจากดีล “จรวดต่อสู้รถถัง” ล็อตนั้นแน่ๆ ...ความเห็นแบบ “รู้ทัน” แนวนี้ ก็มีเข้ามากดไลก์ ไม่ใช่น้อย
กลุ่มนี้เห็นว่า คนที่แพทย์ พยาบาล ด่านหน้า ควรจะขอบคุณ คือ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ไปซื้ออาวุธเขา ...ไม่ใช่ไปขอบคุณ “โจ ไบเดน” พ่อค้าอาวุธ ที่เราหลงเข้าใจว่าเขาบริจาควัคซีนมาให้
แต่ก็ยังมีคนที่มองโลกในมุมบวก หรือตั้งใจประชดประชันก็ไม่รู้ ...บอกว่าเคสนี้ วิน-วิน-วิน 3 ฝ่าย ...มะกันได้ขายอาวุธ แถมได้หน้าว่าเป็นผู้มีมนุษยธรรม … “ลุงตู่” ได้ซื้ออาวุธให้กองทัพและได้วัคซีนมาเสริมในยามที่กำลังถูกกดดันหนัก…ขณะที่บุคลากรการแพทย์ ได้ฉีด “ไฟเซอร์” วัคซีนเทพ เข็ม 3 ตามที่ต้องการ