“แรมโบ้” แฉ “เต้น” เคลื่อนไหวร่วมกับม็อบ 3 นิ้ว หวังช่วยนายใหญ่กลับบ้าน อยากมีอำนาจกลับเป็นรัฐมนตรีอีกครั้ง อยากปฏิรูปสถาบัน โดยไม่มีจิตสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ได้รับการอภัยโทษ ขอน้องๆ อย่าตกเป็นเครื่องมือ เพราะตนเองเคยโดนหลอกมาแล้วสมัยร่วม นปช.
วันนี้ (2 ส.ค.) นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. พร้อมคนเสื้อแดง ร่วมจัดขบวนคาร์ม็อบ เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า ในขณะที่ประเทศเกิดวิกฤตโควิด-19 แต่นายณัฐวุฒิกลับออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยไม่ห่วงว่าจะเกิดการระบาดคลัสเตอร์ใหม่หรือไม่ และยังไม่นึกถึงการทำงานของ ศบค. บุคลากรทางการแพทย์ และจิตอาสา ที่ทำงานอย่างหนักไม่ได้พักเหนื่อย
นายเสกสกล ยังระบุว่า การที่นายณัฐวุฒิ บอกว่า ออกมาเคลื่อนไหวกับกลุ่ม 3 นิ้ว ครั้งนี้ เนื่องจากนายกฯ บริหารสถานการณ์โควิด-19 ล้มเหลวนั้น ก็ถือเป็นข้ออ้าง เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า นายณัฐวุฒิ เคยเป็นรัฐมนตรี เป็น ส.ส. พรรคเพื่อไทย ดังนั้น การเคลื่อนไหวครั้งนี้จึงเป็นการเอาใจนายใหญ่ที่อยู่ต่างประเทศ ต่อสู้เพื่อเอานายใหญ่กลับมา และยังมีเป้าหมายที่ยึดโยงกับสถาบัน อยากปฏิรูปสถาบัน โดยไม่มีจิตสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่นายณัฐวุฒิได้รับการอภัยโทษ กลับคิดมาเป็นแกนนำกับม็อบ 3 นิ้วที่คิดล้มล้างสถาบัน แสดงว่า นายณัฐวุฒิ มีจิตใจไม่จงรักภักดีต่อสถาบัน ร่วมกับกลุ่มนายอานนท์ และนายเพนกวิน เช่นนั้นแน่นอนแล้วใช่ไหม
“ในสมัยที่ผมเคยร่วมชุมนุมกลุ่ม นปช. นายณัฐวุฒิ เองมิใช่หรือที่มีการสั่งให้เผาบ้านเผาเมือง ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นมานายณัฐวุฒิประกาศจะรับผิดชอบเอง คราวนี้คิดจะเผาบ้านเผาเมืองรอบสองให้หายนะอีกครั้งใช่ไหม นายณัฐวุฒิ มาเป็นแกนนำม็อบ 3 นิ้วครั้งนี้ คงสนุกแน่ คราวนี้ประเทศคงลุกเป็นไฟหนักยิ่งกว่าเดิม เพราะสไตล์การปลุกระดมที่รุนแรงของนายณัฐวุฒิ บวกกับการเคลื่อนไหวของม็อบ 3 นิ้ว อาจจะเกิดเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงหนักยิ่งขึ้น เหมือนเหตุการณ์เมื่อวาน เริ่มจากใช้ระเบิดที่ผลิตขึ้นมาเอง ระเบิดไฟ ระเบิดปิงปอง หนังสติ๊กลูกเหล็ก ถล่มโจมตีใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเมามัน ยังมีอาวุธมากมายหลายชนิด เล่นงานเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา เพื่อต้องการยั่วยุให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง ปฏิบัติการเย้ยฟ้าท้าดิน อย่างไม่คิดเกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง ในขณะที่ประเทศกำลังเกิดวิกฤตโควิด กลับไม่มีจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง ไม่ได้สงสาร ห่วงใยประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนเลยสักนิด คิดแต่จะล้มนายกฯ อยากมีอำนาจ และปฏิรูปสถาบันให้ได้ ยิ่งนายณัฐวุฒิมาเป็นแกนนำ อาจจะยิ่งรุนแรงหนักขึ้นแน่ ผมคิดว่าเป้าหมายคือต้องการจลาจลกลางเมืองเพื่อให้เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นประธานาธิบดี และเป้าหมายเอานายทักษิณนายใหญ่ของนายณัฐวุฒิให้พ้นคดีทุจริตและนำกลับประเทศให้ได้”
นายเสกสกล กล่าวต่อว่า ตนเองยังมีความห่วงใยน้องๆ ที่ถูกชักจูงอย่าไปหลงเชื่อนายณัฐวุฒิ และนายสมบัติ บก.ลายจุด ในฐานะรุ่นพี่ที่เคยเคลื่อนไหวมา ตนเคยตกหลุมพราง เคยหลงเชื่อ หลอกให้ตนต่อสู้เพื่อให้คนอยู่เบื้องหลังตระกูลชินวัตรกลับมามีอำนาจ สุดท้ายเขาก็ไปแสวงหาผลประโยชน์ตัวเองและพวกพ้อง ไม่สนใจปัญหาประเทศชาติประชาชนมีแต่การทุจริตโกงกินมากมาย และตอนที่ตนเองเข้าร่วมชุมนุมกับ นปช. เมื่อปี 52-53 ก็บอกได้คำเดียวว่าจุดหมายไม่ได้สู้เพื่ออุดมการณ์ แต่สู้เพื่อนายใหญ่และการมีอำนาจของตระกูลชินวัตรและเครือข่ายเท่านั้น
“ดังนั้น ผมจึงอยากขอร้องน้องๆ ที่ห่วงใยบ้านเมือง อย่าไปหลงเชื่อ และตกเป็นเครื่องมือกับนายณัฐวุฒิและแกนนำ 3 นิ้วเลย ขณะเดียวกัน นายกฯ ได้พูดเสมอว่า ห่วงใยทุกคนเหมือนลูกหลาน ไม่อยากให้ทำผิดกฎหมายหรือเป็นเครื่องมือให้กับคนที่คิดไม่ดีต่อบ้านเมือง เพราะกระบวนการนี้เป็นแผนการของคนอยากมีอำนาจรัฐอยากเปลี่ยนการปกครองประเทศเป็นอย่างอื่น รวมถึงนายณัฐวุฒิเองก็อยากมีอำนาจ อยากได้รางวัลใหญ่จากนายทักษิณ อยากกลับมาเป็นรัฐมนตรีอีก ซึ่งเคยทำสำเร็จมาแล้ว โดยไม่สนใจความเป็นความตายของประชาชน พร้อมจะก้าวข้ามเหยียบย่ำศพมวลชนขึ้นไปเป็นใหญ่ได้ทุกเวลา คนเช่นนี้ไว้ใจไม่ได้ ไม่ควรที่จะเข้าไปร่วมในการชุมนุมด้วยเพราะเป้าหมายของเขาต้องการเป็นใหญ่ และสู้แล้วรวยเท่านั้น เหมือนที่ได้รับโบนัสใหญ่โตมาแล้ว สุดท้ายคนที่ชอกช้ำหัวใจคือ มวลชนคนเสื้อแดง ที่ถูกหลอกเจ็บแล้วจึงต้องจำ” นายเสกสกล กล่าว